บทที่ 199 ได้ใจทหาร

ไท่ซ่างหวงในเวลานี้กำลังนั่งอาบแดดอยู่ที่หน้าประตูศาลบรรพชน

เป็ดกำลังส่งเสียงร้องอยู่ใกล้ ๆ เขา จางตงไหลหิ้วกาน้ำชาใบหนึ่งเข้ามา ไท่ซ่างหวงลืมตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะส่งลูกประคำให้กับจางตงไหล “เป็นเช่นไร?”

จางตงไหลเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นไปอย่างที่ฝ่าบาทคาดเอาไว้ ข่าวแพร่ออกไปแล้ว ฮ่องเต้เองก็ทรงทราบแล้วว่าพวกเราอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉินพ่ะย่ะค่ะ”

“แค่ให้เขารู้มันจะไปมีประโยชน์อะไร เจ้าเด็กนั่นมากแผนการ อีกทั้งยังเป็นคนไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้น ตอนแรกคิดว่าต่อให้เขาเป็นคนเจ้าแผนการแต่หากเป็นเรื่องที่ถูกที่ควร การจะยกราชสมบัติให้เขาก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หลายปีมานี้เขาไม่รับฟังความคิดเห็นผู้ใด เห็นแก่ตัวและไร้ความปรานี ข้าไม่อาจทนรับความผิดที่เขาทำลงไปได้อีกต่อไป”

จางตงไหลพยักหน้ารับ “กระหม่อมเข้าใจความหมายของท่านแล้ว กระหม่อมจะส่งคนไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ พรุ่งนี้ทุกคนจะได้รู้ว่าพวกเราอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน แต่ฮ่องเต้กลับไม่ยอมเสด็จมา”

“สุขภาพของฮองเฮาช่วงนี้เป็นเช่นไรบ้าง?”

จางตงไหลถอนหายใจออกมา “หลังจากอดีตองค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ ก็ไม่สู้ดีมาตลอดพ่ะย่ะค่ะ”

“ให้คนไปดูแลหน่อย เพราะตอนนั้นเซี่ยเจินต้องการอำนาจของพ่อนาง ต้องการอำนาจทางทหารของพี่ชายนาง ดังนั้นสตรีจากตระกูลแม่ทัพอย่าให้คนมาเหยียบย่ำได้”

“วางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ หลายปีมานี้เรื่องของฮองเฮา กระหม่อมให้คนคอยดูแลอยู่ตลอด”

“พวกเราสองผู้เฒ่าปล่อยปละละเลยมาหลายปีแล้ว ก็ควรลุกขึ้นมาขยับแข้งขยับขาบ้าง ดูว่าคนชั่วพวกนั้นทำลายบ้านเมืองที่ข้าต่อสู้มาด้วยมือตนเองเช่นไร! ข้าจะกำจัดพวกมันทีละคนให้หมด ก่อนที่อาฉือจะขึ้นครองราชย์ให้ได้”

จางตงไหลแววตาเป็นประกายขึ้นมา “ไท่ซ่างหวงโปรดวางพระทัย กระหม่อมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อออกมาจากศาลบรรพชน จางตงไหลก็เรียกยอดฝีมือจำนวนหนึ่งมา หลังจากสั่งการไปสองประโยค พวกเขาทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงและสถานีส่งสาร*ของมณฑลใหญ่ต่าง ๆ ทันที

* สถานีส่งสาร (驿站) จุดจอดพักของเจ้าหน้าที่ส่งข่าวสารในสมัยโบราณ

สิ่งที่รอคอยฮ่องเต้อยู่ก็คือการถูกปัญญาชนทั่วทั้งใต้หล้าประณามทั้งทางวาจาและตัวอักษร ไม่ว่าฮ่องเต้เซี่ยเจินจะแก้ไขเช่นไร เรื่องนี้ก็จะถูกบันทึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์

จางตงไหลมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าอีกสองวันจะเป็นวันสิ้นพระชนม์ของอดีตองค์รัชทายาท ถึงตอนนั้นเกรงว่าไท่ซ่างหวงคงจะล้มป่วยอีกเป็นแน่ แต่โชคดีที่พระราชนัดดายังอยู่ ยังสามารถปลอบประโลมได้บ้าง

เมื่อเทียบกับความสงบในหมู่บ้านแล้ว บนภูเขากลับเป็นช่วงเวลาที่คึกคักเป็นอย่างมาก บรรดาทหารต่างแบกขวานและเชือก เริ่มขุดพื้นที่บนภูเขาเพื่อทำเป็นสถานที่ฝึกศิลปะการต่อสู้

ทางเหล่าเติ้งเองก็เริ่มสร้างโรงงานแล้ว ส่วนจี้จือฮวนก็ได้ไปสอนทุกคนในทุกเช้า

“จุดที่ข้าทำเครื่องหมายวงกลมสีแดงไว้บนหุ่นไม้ตัวนี้ ล้วนเป็นบริเวณที่สามารถสังหารได้ในครั้งเดียว ทุกคนต้องจำเอาไว้ให้ดี พวกเจ้าสามารถใช้สิ่งนี้เอาตัวรอดในสนามรบได้”

เหล่ากองทัพทหารเกราะเหล็กมองไปที่หุ่นไม้ที่มีสัดส่วนเท่ากับคนจริง และจดจำไว้อย่างเงียบ ๆ

“นอกจากนี้อีกสองวันข้าจะแจกชุดปฐมพยาบาลให้พวกเจ้า เครื่องมือและการใช้งานชุดปฐมพยาบาลข้าก็จะอธิบายให้ฟังทีละอย่าง ให้นำชุดปฐมพยาบาลเย็บติดไว้ที่ตำแหน่งหน้าอกของตัวเอง นอกจากสามารถรักษาชีวิตได้แล้ว ก็ยังสามารถใช้ในการปฐมพยาบาลได้อีกด้วย นอกจากนี้อีกครึ่งเดือนข้าจะทำการตรวจร่างกาย และตรวจหมู่เลือดให้พวกเจ้า”

“หมู่เลือดคืออะไรหรือขอรับ?”

“คำถามนี้ถามได้ดีมาก หมู่เลือดก็คือกลุ่มของเลือดมนุษย์ โดยจะแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ หมู่โอ หมู่เอ หมู่บี หมู่เอบี ตามการแข็งตัวที่แตกต่างกันของเซลล์เม็ดเลือด พวกเจ้าแค่จำไว้ว่า หนึ่ง สอง สาม และสองสามก็พอ หมู่เลือดของคนเรานั้นจะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต และสามารถสืบทอดได้ ในการเปลี่ยนถ่ายเลือด นอกจากหมู่โอที่สามารถให้ทุกหมู่ได้ และหมู่เอบีที่สามารถรับเลือดทุกหมู่ได้แล้ว ที่เหลือจะต้องเป็นเลือดหมู่เดียวกันเท่านั้น

ยังมีอีกอย่างก็คือหมู่เลือดอาร์เอช ซึ่งค่อนข้างหายากและจำเป็นต้องให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ”

เหล่าทหารเกราะเหล็กต่างมองหน้ากัน “ครูฝึกขอรับ รู้หมู่เลือดของพวกเราแล้ว มีประโยชน์อะไรหรือขอรับ?”

“พูดซับซ้อนเกินไปพวกเจ้าก็จะเข้าใจยาก ข้าจะอธิบายง่าย ๆ ก็แล้วกัน หากเลือดของพวกเจ้าหมดแต่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ก็ต้องมีคนเอาเลือดมาให้พวกเจ้า โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเลือดจากพ่อแม่หรือญาติ เข้าใจหรือไม่?”

กองทัพทหารเกราะเหล็กเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่พวกเขาได้ยินพวกชาวบ้านพูดกันมานานแล้วว่าฮูหยินเป็นหมอที่เก่งมาก เช่นนั้นพวกเขาแค่เชื่อในตัวฮูหยินก็พอแล้ว

“ถึงเวลาเพื่อความสะดวกในการทำความเข้าใจ ข้าจะเขียนชื่อและเครื่องหมายของพวกเจ้าไว้บนชุดปฐมพยาบาลของแต่ละคน เพื่อประหยัดเวลาในการปฐมพยาบาลในสนามรบได้มากขึ้น สำหรับวิธีใช้เบตาดีนและผ้ากอซ รวมทั้งวิธีพันแผลอย่างถูกต้องนั้น ข้าก็จะอธิบายให้ทุกคนฟังอย่างละเอียดในคาบต่อไป”

จี้จือฮวนพูดจนรู้สึกว่าคอแห้ง กำลังเตรียมที่จะดื่มน้ำ ด้านนอกก็มีคนตะโกนขึ้นมา “รองแม่ทัพซูอิ่ง!”

“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพ พวกซูอิ่งพาเหล่าพี่น้องที่เหลือกลับมาแล้วขอรับ!”

เผยยวนลุกขึ้นยืนทันทีและเดินไปตรงหน้าจี้จือฮวน พลางเอ่ยขึ้นมา “เป็นองครักษ์ข้างกายของข้า ท่านพ่อข้าเป็นคนคัดเลือกด้วยตัวเอง พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับข้า ก่อนหน้านี้ข้าให้พวกเขาไปตามหาเหล่าคนสนิทของข้าทุกคนและพากลับมา ตอนนี้คาดว่าภารกิจคงจะสำเร็จแล้ว”

จี้จือฮวนเข้าใจแล้ว จึงได้ตามพวกเผยยวนออกไปที่นอกหมู่บ้าน

กองทัพทหารเกราะเหล็กที่ยืนเฝ้ายามอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านได้พาคนเข้ามาส่งในหมู่บ้านแล้ว พวกซูอิ่งและอันซิงอยู่รั้งท้าย กองทัพทหารเกราะเหล็กที่ถูกพากลับมาเหล่านั้นบางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนถูกทรมานอย่างไร้มนุษยธรรม และความผิดของพวกเขามีเพียงอย่างเดียวนั่นคือเพราะพวกเขาเป็นคนสนิทของเผยยวน และเป็นแขนขาให้เขาในสนามรบ

“ท่านแม่ทัพ!” ในที่สุดเหล่าชายชาตรีผู้ไม่ยอมศิโรราบก็อดทนจนเผยยวนมาช่วยพวกเขา แต่ละคนพยายามฝืนร่างกายเพื่อจะคุกเข่าให้กับเผยยวน

“รีบลุกขึ้นมา ห้ามคุกเข่าเด็ดขาด”

จี้จือฮวนเอ่ย “อย่าเพิ่งรีบทักทายกัน พาคนที่ได้รับบาดเจ็บเข้าไปด้านในก่อน เผยยวน เจ้าให้คนไปตามจางหยวนเฉียวมาที”

เผยยวนพยักหน้ารับคำ “ได้ ลำบากเจ้าแล้ว”

“อย่าพูดเหมือนข้าเป็นคนอื่นไกลเช่นนี้อีก ทุกคนตามข้ามา” ตอนนี้ในใจของกองทัพทหารเกราะเหล็ก จี้จือฮวนเป็นนายหญิงที่คู่ควร ไม่มีใครไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของนาง ทุกคนจึงหามเหล่าพี่น้องเข้าไปในเรือนโดยพร้อมเพรียง

ไม่นานพวกจางหยวนเฉียวก็ถูกจ้านอิ่งพามาส่ง พวกเขาอาเจียนตรงทางเข้าหมู่บ้านไปรอบหนึ่ง แล้วจึงสวมหน้ากากก่อนเข้ามาช่วย

บางคนที่มีอาการรุนแรง จี้จือฮวนจะฉีดยาสลบเอาเนื้อที่ตายออก ทายารักษาบาดแผลและพันแผลให้ บางคนที่ติดเชื้อก็ต้องกินยาแก้อักเสบ

จางหยวนเฉียวเข้ามาในห้องเพื่อช่วยนาง หลังจากผ่าตัดเสร็จหนึ่งคนก็ส่งออกไป ยุ่งกันตั้งแต่ช่วงกลางวันไปจนถึงรุ่งสางของอีกวัน จี้จือฮวนถึงได้จัดการคนสุดท้ายเสร็จ

กล่องยาน้อยเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าเช่นกัน มันปิดฝาลงอย่างเชื่อฟัง และอยู่ข้างกายจี้จือฮวนอย่างเงียบ ๆ

เผยยวนรอนางอยู่ที่ด้านนอกมาโดยตลอด บรรดาหมอของโรงยาฮุ่ยหมินบางคนเหนื่อยจนต้องพักผ่อนบนเตียงไม้กระดานอยู่ตรงนั้น

มือของจี้จือฮวนสั่นเทาเล็กน้อย เมื่อเปิดกระโจมที่สร้างขึ้นชั่วคราวออก ก็เห็นเผยยวนและเหล่ากองทัพทหารเกราะเหล็กยังยืนรออยู่ตลอด นางยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “ภารกิจลุล่วง พวกเขาจะไม่เป็นอะไร ยังสามารถออกไปรบกับเจ้า และทวงความยุติธรรมให้ตัวเองได้”

เผยยวนไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไร เขาเดินไปตรงหน้าของจี้จือฮวน ก่อนจะดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แนบอก

พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันอีก แต่ทั้งคู่ก็รับรู้ถึงความในใจของอีกฝ่ายได้

เหล่าทหารเกราะเหล็กที่ยืนอยู่ตรงนั้นจากไปอย่างเงียบ ๆ เพื่อยกสถานที่นี้ให้แก่พวกเขา ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ได้อยู่ร่วมกัน ทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าภายภาคหน้าพวกเขาก็จะมีจี้จือฮวนเป็นนายหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนท่านหญิงซ่างหยางที่เฝ้าฝันอยากจะเป็นนายหญิงผู้นั้น ชาตินี้ก็อย่าคิดว่าจะได้รับความเคารพและการยอมรับจากพวกเขาเลย