หลินเจี๋ยไม่ได้สนใจเลยว่าอะไรจะอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าหนังสีดำอันหนักอึ้งนั้น
และชายหนุ่มก็ไม่ได้รอคอยจะได้เห็นภาพที่ชวนอิ่มเอิบใจของเชอร์รี่ที่ปลดล็อกกระเป๋าดังแกร๊กแล้วเทฟ่อนเงินออกมาด้วย
ไม่ใช่ว่าหลินเจี๋ยเป็นนักบุญที่มองเงินเป็นแค่กระดาษหรอก แต่นี่มันเป็นเรื่องไร้สาระอย่างแน่นอนต่างหาก!
มิตรภาพสามปีที่ไม่เปลี่ยนไปของเขาและเชอร์รี่นั้นวัดกันด้วยเงินไม่ได้
และการใช้เงินพูดคุยก็มักทำให้ความสัมพันธ์เสียหายด้วย
เพราะถึงอย่างไร ไม่ว่ามันจะเป็นของขวัญหรือไม่นั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือเชอร์รี่มาแล้ว และเจตนาของเธอนั้นสำคัญเสมอ
ทุกคนเข้าใจตรงกันในขณะที่ต่างฝ่ายต่างเหลือบมองกันด้วยรอยยิ้ม ความสัมพันธ์ที่ยาวนานหลายปีนั้นเป็นที่เข้าใจตรงกันโดยไม่พูดสักคำ
บรรยากาศนี้ดีจริง ๆ
หลินเจี๋ยถูใบหน้าของเขาแล้วกระแอมให้คอโล่ง แย้มรอยยิ้มเจิดจ้าออกมาเล็กน้อย ในขณะที่เขายื่นมือออกไปก่อนเลื่อนกระเป๋าไปด้านข้าง “ผมจะรับมันไว้ได้ยังไงกันครับ?”
ในตอนที่เขาเลื่อนกระเป๋า เขาก็รู้สึกว่าน้ำหนักของกระเป๋านี่หนักจริง ๆ หนักมากเกินไป
เขาต้องพยายามอย่างหนักไม่ให้ปากของตัวเองกระตุก
เชอร์รี่เพิ่งจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวสูงที่เคาน์เตอร์ ยังไม่ทันได้นั่งดีเลย แต่ในตอนที่เธอได้ยินหลินเจี๋ยพูดเช่นนั้นออกมา เธอก็หันไปมองเขาอย่างลุ้น ๆ “นี่เป็นของขวัญที่ฉันใช้เวลาสามปีบรรจงเตรียมไว้เลยนะคะ รับมันไว้เถอะนะ”
“นี่มัน…” หลินเจี๋ยลำบากใจอยู่ครึ่งวินาที แล้วในท้ายที่สุดก็พ่ายต่อสายตาของเชอร์รี่ เขาละทิ้งการบ่ายเบี่ยงไปมาแล้วถอนหายใจอย่างจนใจ “ก็ได้ครับ”
เขาอดไม่ได้ที่จะรำพึงว่าเธอช่างเป็นเด็กที่จริงใจเสียนี่กระไร คงไม่ใช่ว่านี่คือเงินเก็บตลอดสามปีของเธอหรอกนะ ใช่ไหม…?
หลินเจี๋ยรู้สึกเหมือนเป็นพ่อแม่ที่ริบเงินอั่งเปาตรุษจีนที่ลูกของเขาได้รับมา และมันทำให้เขารู้สึกผิดเล็ก ๆ
สีหน้าของเชอร์รี่เปล่งปลั่งขึ้นในทันที “ตลอดไม่กี่ปีมานี้ คุณเปลี่ยนชะตาของฉันไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ก็คงไม่มีฉันในวันนี้ที่นี่แน่ ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ไม่ว่าของขวัญจะแพงแค่ไหน ทั้งหมดนี้ก็ไม่เพียงพอในการแสดงความขอบคุณของฉันต่อคุณได้หรอกค่ะ ฉันทำได้แค่ทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ตัวเองสบายใจเท่านั้นเอง…”
“อย่าห่วงเลยนะคะ ถึงของขวัญอาจจะแพง แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉันเลย ตราบใดที่คุณมีความสุข ทุกอย่างที่ฉันทำก็คุ้มค่าแล้วล่ะค่ะ”
เชอร์รี่แอบเหลือบมองสีหน้าของหลินเจี๋ยในขณะที่เธอพูดออกมาเช่นนี้
หลังจากยืนยันได้ว่ามีความสุขและความกระตือรือร้น แม้ว่าหลินเจี๋ยเก็บสีหน้าอาการไว้ เชอร์รี่ก็ผ่อนลมหายใจโล่งอกออกมาเงียบ ๆ
เยี่ยมเลย! ของขวัญรอบนี้ถูกจริตคุณหลิน เขาชอบมันจริง ๆ ด้วย!
เชอร์รี่ยืดอก รู้สึกภาคภูมิเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนที่เข้าใจคุณหลินดีที่สุด
ส่วนสีหน้าที่ราวกับหลินเจี๋ยรู้อยู่แล้วว่าในกระเป๋ามีอะไรนั้น เชอร์รี่ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลแล้ว
ยังไงเสียเขาก็คือคุณหลิน ตราผนึกระดับภัยพิบัติของนักเวทมนตร์ขาวนั้นไร้ประโยชน์ต่อหน้าคุณหลินอยู่แล้ว มันคงแปลกกว่าถ้าไม่ใช่อย่างนั้น
เบลล่ามองจากข้าง ๆ อย่างอึดอัดใจเล็กน้อยแล้วลอบถอนหายใจเงียบ ๆ
นายหญิงหนอนายหญิง คุณเพิ่งสาบานเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะให้คุณหลินสัมผัสถึงความรู้สึกที่พลุ่งพล่านของคุณ แต่ในพริบตาคุณก็ลืมมันไปแล้วและกลายมาเป็นอายม้วนต้วนแทน…แบบนี้ไม่ได้นะคะ! ถ้าคุณไม่ทำให้มันชัดเจน ก็จะไม่มีใครรู้หรอก!
แต่ในขณะที่คิดไปได้ครึ่งทาง สาวใช้ก็ส่ายหน้าเมื่อเห็นเชอร์รี่จมอยู่ในอาการปลาบปลื้มใจ
เฮ้อ…ช่างมันเถอะ กู่ไม่กลับแล้วล่ะคนนี้
หลินเจี๋ยแย้มยิ้ม “ผมดีใจจริง ๆ ครับ แต่ว่า…ครั้งนี้ครั้งเดียวนะครับ ผมจะไม่รับของขวัญใด ๆ จากคุณในอนาคตแล้ว เว้นแต่จะมีอะไรที่คุณต้องการความช่วยเหลือ ตอนนั้นเราค่อยนับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมนะครับ”
เชอร์รี่พึ่งพาและเชื่อใจเขาพอ ๆ กับที่เธอประเมินเขาไว้สูงเกินไป นี่ไม่ใช่เรื่องดี แล้ว… มันคงจะเป็นการสมควรกว่าที่จะเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขาบ้าง
มันไม่เป็นไรที่จะเป็นเพื่อนกัน แต่มันคงจบสิ้นถ้าคุณหนูน้อยคนนี้จะมาเทิดทูนเขาเหมือนเทพเจ้าสักอย่าง
ส่วนตอนนี้ อืม…เขายังบอกได้ว่าสีหน้าของเชอร์รี่นั้นไม่ได้ฝืนทำ จากการพิจารณาตำแหน่งของเธอในหอการค้าแอชแล้ว หลินเจี๋ยก็คิดว่าของส่วนใหญ่คงไม่เป็น ‘เรื่องลำบากนัก’ สำหรับเธออยู่แล้ว
ยิ่งกว่านั้น หัวหน้าสาวใช้เบลล่าผู้เยือกเย็นและพึ่งพาได้ก็ไม่ได้มีอากัปกิริยาผิดปกติเช่นกัน
ดังนั้นในครั้งนี้ เขาก็ทำได้เพียงรับของขวัญมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
เชอร์รี่ตอบตกลงอย่างเชื่อฟัง แต่ความสุขนั้นเปี่ยมล้นในใจของเธอมากขึ้นทุกที
มองจากภายนอกแล้ว คำพูดของคุณหลินดูเหมือนการบอกปฏิเสธอย่างสุภาพเพื่อเหตุผลที่เป็นทางการ
แต่ที่จริงแล้ว เขาก็หมายความว่าเขาให้เชอร์รี่มาหาเขาได้หากเธอประสบปัญหาใด ๆ ในอนาคต คำสัญญานี้เป็นเกียรติอย่างพิเศษยิ่ง
เพราะถึงอย่างไร จะมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านหลินนั้นเปี่ยมความสามารถในทุกด้าน?
ดูเหมือนว่าครั้งนี้คุณหลินจะดีใจมากจริง ๆ
เชอร์รี่ฉวยโอกาสตีเหล็กในตอนที่มันยังร้อน “เปิดดูข้างในสิคะ! ฉันเตรียมมันมาตั้งนานแล้ว ถ้าคุณไม่พอใจ ฉันจะพยายามไปหาสมบัติหายากอื่น ๆ มาให้ได้นะคะ…”
เธอระลึกถึงสิ่งที่หลินเจี๋ยเพิ่งพูดได้ แล้วรีบพูดเสริมขึ้นมา “ฉันมาที่นี่เพราะฉันยังมีหนังสือที่ต้องมาขอคำปรึกษาจากคุณอยู่ค่ะ ฉันหวังว่าคุณจะช่วยฉันถอดรหัสมันได้ ดังนั้นฉันจะต้องส่งของขวัญอีกอย่างมาให้คุณด้วยแน่”
หลินเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ในเหตุการณ์ทั่วไปแล้ว มันน่าจะต้องเป็นเขาที่ช่วยเธอก่อน ก่อนที่เชอร์รี่จะให้ของขวัญแทนคำขอบคุณต่อเขาสิ ทำไมตอนนี้มันกลับกลายเป็นเหมือนเชอร์รี่ให้ของขวัญเพื่อจะขอบางอย่างจากเขาแทนล่ะ?
ความแตกต่างของสถานการณ์ทั้งสองนี้คือกรณีแรกเขาทำงานฟรีให้เธอ ในขณะที่กรณีหลังเธอต้องจ่ายเงินให้เขา
หลินเจี๋ยรู้สึกอยู่เสมอว่าเชอร์รี่ผู้มีคุณสมบัติเป็นเจ้านายผู้ทรงอิทธิพลดูจะชอบให้ของขวัญกับเขาราวกับมันจะเพิ่มค่าความชอบของเขาต่อเธอได้…
เฮ้อ เอาเถอะ…หลินเจี๋ยยอมรับว่านี่ทำให้มุมมองของเขาต่อเธอดีขึ้นได้จริง ๆ นั่นแหละ
“ผมปลื้มใจกับความคิดนั้นนะครับ แต่คุณไม่ต้องให้ของขวัญผมบ่อยนักหรอก ผมว่าผมชอบพวกหนังสือหรือสิ่งที่เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมมากกว่าเยอะเลยล่ะ”
ในขณะที่หลินเจี๋ยพูด เขาก็เหลือบมองกระเป๋าหนังสีดำนั่น
เบลล่าพูดอย่างนอบน้อมในทันที “ให้ดิฉันทำเถอะค่ะ”
หลินเจี๋ยพยักหน้า เบลล่ายื่นมือออกมา และด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและซับซ้อน เธอก็เปิดผนึกกระเป๋า
ทำเกินไปจริง ๆ หลินเจี๋ยอดคิดกับตนเองไม่ได้
แต่ไม่ว่าอะไรที่อยู่ในกระเป๋านั้นจะต้องมีค่าอย่างแน่นอน ดังนั้นการที่ต้องใช้ตัวล็อกที่ซับซ้อนขนาดนั้นก็ไม่ได้เกินไปนัก
หลินเจี๋ยมองอย่างลุ้น ๆ ในขณะที่หัวหน้าสาวใช้เปิดกระเป๋าออก
แกร๊ก!
มันฟังดูเหมือนที่ชายหนุ่มจินตนาการไว้เปี๊ยบ
ทว่าหลังจากเห็นเนื้อหาภายในของกระเป๋าแล้ว หลินเจี๋ยก็กะพริบตาปริบ ๆ อยู่หลายครั้งแล้วจมในภวังค์ความคิด
สถานการณ์นั้นต่างจากที่ชายหนุ่มจินตนาการไว้นิดหน่อย
กระเป๋าใบนั้นมีของอยู่เป็นปึกจริง ๆ แต่มันไม่ใช่ฟ่อนเงิน แต่เป็นก้อนหินก้อนหนึ่งที่มีชั้นหินเรียงกันเป็นชั้น ๆ ใช่แล้ว สิ่งที่อยู่ในกระเป๋าใบนี้คือฟอสซิลที่สมบูรณ์ก้อนหนึ่ง!
ก้อนหินสีซีดก้อนนี้มีสันเด่นชัดที่มีลายเส้นที่ดูเหมือนเกล็ดและเส้นเลือดที่ขยายออกมาจากใจกลางไปรอบ ๆ เป็นชั้น ๆ ที่ใจกลางของมันนั้นดูราวกับหัวใจดวงหนึ่งถูกฝังไว้ในฟอสซิลที่สมบูรณ์นี้
หลินเจี๋ยตะลึงงัน
ฟอสซิลนี้มีเนื้อเยื่ออ่อนและอวัยวะที่สมบูรณ์ครบ?!
เชอร์รี่อธิบาย “นี่คือหัวใจมังกรโบราณจากยุคแรกค่ะ”
จากประวัติศาสตร์ของอาซีร์ ยุคแรกนั้นผ่านมาอย่างน้อยก็ร้อยล้านปีก่อนแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าฟอสซิลตรงหน้าเขานี้อย่างน้อยก็อายุปูนนั้นแล้ว ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นฟอซซิลหายากสุด ๆ ที่มีกระทั่งเนื้อเยื่ออ่อนและอวัยวะที่ชัดเจน
คุณพระ ไม่ใช่ว่าเจ้านี่ควรนำไปเก็บที่พิพิธภัณฑ์เหรอ?!
มุมปากหลินเจี๋ยกระตุก…
ในแง่มุมหนึ่งแล้ว ของขวัญตรงหน้าเขานี่ยิ่งใหญ่เสียกว่ากระเป๋าที่อัดแน่นด้วยธนบัตรเสียอีก ทั้งด้านมูลค่าและความน่าตื่นตะลึง!