ตอนที่ 129 – สวยสังหาร!

*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

“ฟิลิปออกเมืองไปกับนักขุดนับพันงั้นรึ? เจ้าแน่ใจนะ?”

หญิงงามคนนั้นขมวดคิ้ว, ใบหน้าบูดเบี้ยวเล็กน้อยขณะที่ถามด้วยน้ําเสียงกังวล

“ครับ! พวกมันออกเมืองไปภายใต้ความมืด! ตาแก่เหลี่ยมจัดนั่นกล้าหือกับตระกูลของเรา, กล้าไปขุดเหมืองเหล็กของเรามันไม่กลัวเราจัดการมันรึไงนะ?”

มาโคเนียพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา เขาดูไม่พอใจมากๆแต่ก็เสียดายหน่อยๆด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาขายเหมืองให้ละก็เขาคงไม่เจอเรื่องยุ่งยากแบบนี้

แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะเหมืองนั้นถูกคิดว่าไม่มีแร่เหล็กเหลืออยู่แล้ว

“ไม่! มันไม่มีปัญญาหรือกล้าทําแบบนั้นแน่ เจ้านั่นกล้าเอาคนออกเมืองไปมากมายขนาดนั้น, แม้จะเป็นแค่พวกทาสก็ตาม เจ้านั่นก็คงไม่กล้าทําเว้นซะแต่จะทําเพื่อตระกูลใหญ่ๆ! ดูเหมือนว่า เจ้าไพร่นั่นมีตระกูลใหญ่หนุนหลังอยู่สินะ!”

หญิงงามคนนั้นทําใจให้เย็นลงอย่างเร็วแล้วพูดด้วยน้ําเสียงกังวล

“ถ้าเจ้านั่นมีตระกูลใหญ่หนุนหลังจริงๆล่ะก็ เราจะยอมยกเหมืองใหญ่แบบนั้นให้ เพราะไปขัดขากับตระกูลอื่นงั้นหรอครับ? ตระกูลสุละของเราเป็นที่น่าเกรงขามต่อตระกูลอื่นในโรมไม่ใช่ครับ?”

มาโคเนียแซะ

“แน่นอนว่าเราไม่ยอมยกให้อยู่แล้ว! ยิ่งตอนนี้มีตระกูลใหญ่ๆมาเอี่ยวด้วยล่ะก็ยิ่งยอมให้ไม่ได้ใหญ่เลย ดูก็รู้ว่าตระกูลนั้นต้องเป็นตระกูลศัตรูของเราแน่ ถ้าพวกมันได้เหมืองเหล็กไปล่ะก็ เราจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบเลย! แร่เหล็กนั้นเป็นทรัพยากรหลักในการทําสงคราม. ยิ่งมีเหมืองเหล็กมากเท่าใด ก็ยิ่งมีอํานาจในสภามากเท่านั้นหรือแม้แต่ทั่วทั้งสาธารณะรัฐโรมันเลย ศัตรูของเราไม่อยากให้เราได้เปรียบในเรื่องนี้ยังไงล่ะ!!”

หญิงงามผู้นั้นกล่าวด้วยความโกรธ.

“งั้นเราจะทําอย่างไรดีล่ะครับ?”

มาโคเนียกังวลมากและถึงขั้นลนลานหน่อยๆด้วย ถ้าเหมืองนั้นถูกแย่งไป เขาก็จะกลายเป็นตราบาปแก่ตระกูลสุละ

“เจ้าได้โฉนดกลับมารียัง?”

หญิงงามมองไปทางมาโคเนียแล้วถามด้วยน้ําเสียงที่กังวล

“ยังครับ เจ้าฟิลิปบ้านั้นบอกว่าขอเวลาคิดซักหน่อย คือมันกล้าโกหกข้าเจ้าชั่วนั้น…”

มาโคเนียเลี่ยงสายตาของแม่เขาขณะพูดกระตุกกระตักเพราะรู้ตัวว่าทําพลาดซะแล้ว

“เจ้าโง่, เจ้าทํางานง่ายๆแบบนั้นยังไม่ได้เลย!”

ตาของหญิงงามนั้นเย็นชาขึ้นมาแล้วนางก็ด่าไป.

“ขออภัยครับท่านแม่เป็นความผิดของลูกเอง…”

มาโคเนียรีบกล่าวขอโทษ เขาดูยําเกรงแม่ของเขาอย่างเห็นได้ชัดมาก

“ท่านแม่ครับ, พวกเราควรทําอย่างไรกันดี?”

พอเห็นว่าแม่เขาเงียบไป มาโคเนียก็เครียดมากกว่าเดิม ถ้าเรื่องนี้แก้ไม่ได้ล่ะก็ เขาคงต้องคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาจากปูของเขาตอนเขากลับมาจากสนามรบแน่

เพราะเขารู้ดีว่าตระกูลนี้อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง และตระกูลมีอํานาจขึ้นมาสู่จุดสูงสุดในเวลาอันสั้นๆได้ยังไง, เขารู้ดีว่าปูของเขานั้นไร้ปราณีต่อศัตรูของเขาและต่อคนของเขาด้วย

“ไม่ว่ายังไงก็ห้ามให้เหมืองนั้นตกไปอยู่ในมือของคนอื่นเด็ดขาด!”

สายตาของหญิงงามคนนั้นเย็นชาขึ้นมาขณะนางพูดอย่างช้าๆว่า “ถ้าเราไม่มีโฉนดเหมืองนั่นอยู่ในมือล่ะก็ เราก็ไม่สามารถกีดกันตระกูลอื่นได้!”

“งั้นก็แปลว่า…จุดสําคัญคือเจ้าฟิลิปชั่วนั่นสินะครับ?”

มาโคเนียไม่ได้โง่, เขาเข้าใจในสิ่งที่แม่เขาพูด.

“ใช่ ดังนั้นทําให้มันรู้ว่าตระกูลสุละไม่ใช่ตระกูลที่ชาวบ้านธรรมดาๆจะมาลบหลู่ได้! ถึงเวลา ทําให้ตระกูลอื่นรู้ซึ้งถึงอํานาจของเราแล้ว!”

หญิงงามพูดอย่างเยือกเย็น “ฟิลิปมันพูดว่าขอเวลาคิดซักหน่อยใช่มั้ย? มันถึงเวลานั้นแล้ว! โฉนดนั่นไม่ควรอยู่ในมือมันอีกต่อไป! บังคับให้มันเขียนมอบสิทธิ์โฉนดนั่นซะ!”

“ข้าจะทําให้ได้ครับ ท่านแม่!”

มาโคเนียรีบพูดอย่างมั่นใจ

“ไม่, เจ้าทําไม่ได้หรอก. ให้ลูกพี่ลูกน้องเจ้าจัดการซะ!”

หญิงงามจ้องมาที่มาโคเนียแล้วพูดอย่างเย็นชา

“ทําไมล่ะครับ? ท่านไม่อยากให้โอกาสข้าแก้ตัวงั้นหรอครับ?”

มาโคเนียพูดอย่างไม่พอใจ

“นี่เป็นคําสั่ง! อีกอย่างเจ้าคิดหรอว่าเรื่องนี้เจ้าจะจัดการไหว? ต่อให้เจ้าทําได้ดีเจ้าก็ได้แค่แก้ตัว ถ้าเจ้าทําได้ไม่ดี เจ้าไม่มีวันรับความพิโรธของปูjเจ้าได้แน่! เจ้าคิดว่าศัตรูเจ้าจะง่ายแบบนั้นเหรอ. โง่รึป่าว? ถ้าข้าคิดไม่ผิดล่ะก็ คงจะมีใครซักคนจากตระกูลชั้นสูงอยู่ข้างๆฟิลิปแน่! ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายและถ้าทําไม่ถูกวิธีล่ะก็ มันจะก่อให้เกิดความบาดหมางใหญ่หลวงแน่! ข้าไม่ให้เจ้าทําแน่นอน นี่ก็เพื่อตัวเจ้าเอง, นี่แหละเขาเรียกว่า การกระจายความเสี่ยง!”

คนนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าว น้ําเสียงเหมือนรู้สึกรําคาญ

ถ้าเย่เทียนได้ยินที่นางพูดล่ะก็ เขาคงเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเธอใหม่แน่นอน

“แน่นอนว่าพวกเราจัดการเรื่องนี้เองไม่ได้ เราต้องขอคําแนะนําจากท่านย่าของเจ้า แล้วข้าก็จะแจ้งสถานการณ์ให้นางฟังแล้วให้นางไปจัดการเอง! เราต้องลดความเสี่ยงให้มากที่สุด. ถ้าเราทําถูกต้องเราก็จะได้รับคําชม. แต่ถ้าเราพลาด เราคงไม่อยากไปกระตุกหนวดสิงโตเฒ่านั้นแน่!”

(ประโยคนี้ผมว่า eng แปลมาแปลกๆอยู่ครับ ไม่มั่นใจนะ)

หญิงงามผู้นั้นยิ้มแล้วค่อยๆอธิบาย ทําให้มาโคเนียสะดุ้ง

“แน่นอน, แม่จะให้เจ้าทํางานง่ายๆแล้วกัน, จงส่งจดหมายไปเชิญภรรยาของฟิลิปและลูกสาวมันมาบ้านของเราซักวันสองวัน! มันคือการเชิญนะ! แม่ว่าเจ้าน่าจะเข้าใจว่าแม่หมายถึงอะไรนะ!”

หญิงงามกล่าว

“ข้าจะจัดการเองครับ!”

มาโคเนียตอบอย่างนอบน้อม.

“ไปซะ, แม่จะไปพบย่าเจ้า, ไปเรียกลูกพี่ลูกน้องเจ้ามาด้วย พวกเขาต้องยอมทํางานนี้ เพื่อเงินแน่”

พอพูดเสร็จหญิงงามคนนั้นก็บิดเอวแล้วเดินไป

สวยสังหาร!!

ถ้าเย่เทียนรู้เรื่องผู้หญิงคนนี้ล่ะก็เขาคงให้ฉายานี้แก่เธอแน่

“เจ้านายคะ ท่านคิดอะไรอยู่?”

หลังกินข้าวเช้าเสร็จไดอาน่าก็เห็นว่าเยู่เทียนกําลังคิดอะไรซักอย่างอยู่

“ข้าแค่หลุดไปในภวังค์นะ, ข้าลืมอะไรรึปาวนะ?”

เย่เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดช้าๆ เขาดูนอนไม่หลับเลยเช้านี้

“ไดอาน่า, ไปพาภรรยาของฟิลิปและลูกสาวเขามาอยู่กับเราซักพักนึ่ง! ไปเดี๋ยวนี้!”

ผ่านไปซักพัก เย่เทียนก็กล่าวกับไดอาน่า, เขารู้สึกว่าตัวเองลืมอะไรไปบางอย่างแน่ๆ

อะไรที่อันตรายมาก

“ได้ค่ะ!”

ไดอาน่ารีบวิ่งไป

“เจ้านายคะ, มีหญิงจากชนชั้นสูงต้องการพบท่านค่ะ!”

เมื่อไดอาน่าออกไปแล้ว แองเจล่าก็เดินเข้าประตูมาแล้วแจ้งเย่เทียน