บทที่ 216 ใช้เลือดเป็นเส้นทาง

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 216 ใช้เลือดเป็นเส้นทาง

บนท้องฟ้า นายท่านหกกำลังหัวเราะ

เพียงแต่เสียงหัวเราะมีความปวดใจและความเศร้าโศก มีความเจ็บปวดที่ยากจะเอื้อนเอ่ย มีความบ้าคลั่งที่สะกดกั้นไว้หลายปี

บรรพจารย์เผ่าดาราสมุทรคนนั้นเวลานี้ร่างกายแตกสลายไปหลายครั้งด้วยการลงมือของนายท่านหก โหดร้ายทารุณ

แม้พลังวิเศษของบรรพจารย์เผ่าดาราสมุทรนี้จะแปลกประหลาด หลังจากร่างกายแตกสลายไปหลายต่อหลายครั้งก็ยังสามารถเกิดใหม่ได้ แต่การเกิดใหม่เช่นนี้ ก็ทำให้นายท่านหกสังหารอย่างบ้าคลั่งเข้าไปอีก

เห็นได้ชัดว่าศัตรูคู่อาฆาตยิ่งเจ็บปวด ยิ่งร้องโหยหวน จิตสังหารในก้นบึ้งจิตใจเขาก็ยิ่งโถมขึ้นฟ้า

ดังนั้นเขาก็แทบจะสับบรรพจารย์เผ่าดาราสมุทรนั้นทั้งเป็นกลางอากาศ เลือดเนื้อมากมายสาดกระเซ็น และยังถูกเปลวไฟสีน้ำเงินแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลีลอยฟุ้ง

แต่ยังคงบรรเทาความเคียดแค้นในใจไม่ได้

และสวี่ชิงที่อยู่บนพื้นดินดวงตาแดงเถือก

เขาก็สังหารอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน

ตั้งแต่จุดที่เขาร่อนลงมา เผ่าดาราสมุทรทั้งหมดที่พบระหว่างทางไปยังศาลบรรพบุรุษเผ่าดาราสมุทรล้วนหนีความตายไม่พ้น!!

ขณะนี้สวี่ชิงยกมือขวาขึ้น ไฟพิฆาตดวงหนึ่งพลันปรากฏออกมา เขาก้าวเท้า พริบตานั้นมาอยู่เบื้องหน้าผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรคนหนึ่ง ปาดไปทีคออย่างแรง

ระหว่างที่ศีรษะหลุดลอย สวี่ชิงก้าวเท้าไปอยู่เบื้องหน้าผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรอีกคนหนึ่ง

ออกแรงใช้กริชแทงไปที่หน้าอกอีกฝ่าย แทงไปหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายก็โบกมือในพลัน กริชลอยไปแทงทะลุที่คอของเผ่าดาราสมุทรคนที่สาม สวี่ชิงก็มาถึงตัวในพลัน จับกริชไว้แน่นแล้วปาดสุดแรง

ศีรษะร่วงหลุดกะทันหัน และในร่างศพที่ล้มลง สวี่ชิงก็มองเห็นหนอนเส้นไหมตัวเล็กที่มีรอยตัดอีกครั้ง

หนอนเส้นไหมตัวเล็กเหล่านี้มีจำนวนมหาศาล แต่ละตัวพัวพันกันอยู่ บางตัวก็อยู่เดี่ยวๆ ดูแล้วแปลกประหลาดมาก

สวี่ชิงที่สังหารมาตลอดทางก็เห็นว่าในร่างกายของผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรเกือบทุกคนมีอยู่ กระทั่งเมื่อเขาลงมือยังมีหลายตัวในนั้นที่คิดจะชอนไชเข้ามาในร่างกายเขาอีกด้วย

แต่ด้วยกายเนื้อที่แข็งแกร่งของเขา หนอนเส้นไหมเหล่านี้จึงไม่สามารถชอนไชเข้าไปได้ และถูกไฟในร่างกายสวี่ชิงแผดเผาทิ้ง

หนอนเส้นไหมเหล่านี้มีพลังชีวิตที่ดื้อรั้น เปลวไฟเพียงทำให้พวกมันหดตัวเท่านั้น แต่ไม่อาจแผดเผามันจนตายได้

ท้ายสุดการกลืนกินของวิหคทองจึงสังหารพวกมันได้

ขณะเดียวกันสวี่ชิงก็มองออกว่าหนอนเส้นไหมเหล่านี้นอกจากความประหลาดแล้ว เหมือนจะสามารถส่งผลกระทบกับปณิธานและจิตวิญญาณผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรได้ด้วย เพราะเขาเห็นอย่างชัดเจนหลายครั้งว่าหนอนเส้นไหมเหล่านี้เปล่งประกายในดวงตาผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทร

และทุกครั้งที่เปล่งประกาย ก็จะทำให้ผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรคลุ้มคลั่ง พุ่งเข้ามาอย่างไม่รักตัวกลัวตาย

ขณะเดียวกัน ขณะที่เพลิงพิฆาตกลืนกินวิญญาณ สวี่ชิงเองก็สัมผัสได้ว่าวิญญาณที่กลืนกินมานั้นไม่สมบูรณ์ ราวกับว่าก่อนหน้านี้ก็ถูกกลืนกินไประดับหนึ่งแล้ว

ส่วนต้นกำเนิดเลือดลมเองก็เช่นกัน แม้วิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณจะได้อะไรมาบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก

ราวกับว่าภายนอกทั้งเผ่าดาราสมุทรดูเหมือนปกติ แต่อันที่จริงภายในถูกพลังบางอย่างกลืนกินไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว

“นายท่านหกพูดถูกต้อง ในเผ่าดาราสมุทรนี้ซ่อนความลับใหญ่เอาไว้จริงๆ” สวี่ชิงคิดถึงคำพูดของนายท่านหก แต่เวลานี้สำหรับเขาแล้วไม่สำคัญ

สวี่ชิงร่างไหววูบ วิหคทองด้านหลังก็พุ่งหวีดหวิวออกไปปกคลุมตัวผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรทั้งหกที่เขาสังหารไปก่อนหน้าฉับพลัน ขณะที่กำลังกลืนกิน เหล็กแหลมสีดำที่บรรพจารย์สำนักวัชระอยู่ ก็พุ่งแทงทะลุร่างของผู้บำเพ็ญที่อยู่ห่างออกไปทีละคน

และทุกครั้งที่แทงทะลุ ก็ล้วนแผ่สายอัสนีออกมาสังหารชีวิตครืนครัน

ส่วนเจ้าเงาก็เช่นกัน ในขอบเขตที่มันครอบคลุม ในเงาของผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรมากมายล้วนมีดวงตาเบิกโพลงอยู่ และกำลังกลืนกินอย่างบ้าคลั่ง แม้หลายครั้งมันจะยังกลืนกินอีกฝ่ายไม่ทันเสร็จ ก็ถูกสวี่ชิงรวมถึงบรรพจารย์สำนักวัชระสังหารจนตายไปแล้ว

แต่มันก็ยังไม่ลดละ สุดท้ายมันก็ยังคงควบคุมได้สำเร็จอยู่ดี และในช่วงเวลานี้ก็มักจะเป็นช่วงเฉิดฉายของเจ้าเงา มันจะควบคุมร่างกายพุ่งออกไปฉับพลัน แหงนหน้าหัวเราะร่า จากนั้นก็พุ่งเข้าไประเบิดตัวเองในกลุ่มของเผ่าดาราสมุทร

แต่เรื่องเหล่านี้…ก็ยังไม่ใช่หอกแหลมคมที่สุดในการสังหารของสวี่ชิงในปัจจุบัน สิ่งที่ทำให้นายกองที่ติดตามมาด้านหลังตกตะลึงก็คือ หมอกดำรอบตัวสวี่ชิงเหล่านั้น

เมื่อสวี่ชิงแผ่หมอกดำที่เกิดขึ้นจากกลุ่มแมลงสีดำเหล่านี้ออกไปรอบๆ ทุกจุดที่แล่นผ่านก็ทะลวงได้ทุกสิ่ง ไม่มีสิ่งใดมันที่ไม่กัดกิน ไม่ว่าจะต้นปะการัง หรือว่าผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทร แต่เมื่อพวกมันชอนไชเข้าไป ก็จะถูกกลืนกินฉีกทึ้งอย่างบ้าคลั่ง

ขณะที่เสียงกรีดร้องแหลมดังก้อง ขนาดที่หนอนเส้นไหมเหล่านั้นก็ยังกลายเป็นอาหารของแมลงสีดำ แต่ก็การกลืนกินก็ไม่ได้ราบรื่นนักอย่างชัดเจน มักจะต้องชอนไชเข้าไปปริมาณมหาศาล จึงจะสะกดหนอนเส้นไหมเอาไว้ได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรสวี่ชิงก็ได้ปลดเปลื้องความกลัดกลุ้มในก้นบึ้งจิตใจออกมาจนหมดบนสนามรบ เวลานี้เขาเดินไปเบื้องหน้า สังหารไปตลอดทาง จนสุดท้ายทั่วร่างของเขาก็โชกไปด้วยเลือดเมื่อมาถึงศาลบรรพบุรุษเผ่าดาราสมุทร ด้านหลังมีซากศพนับไม่ถ้วน

ด้านนอกศาลบรรพบุรุษ มีร่างสี่ร่างนั่งขัดสมาธิอยู่

ร่างทั้งสี่เวลานี้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน พวกเขาเองก็เป็นเผ่าดาราสมุทรแต่กลับแตกต่างอยู่บ้าง อันดับแรกคือกลิ่นอาย กลิ่นอายทั้งสี่คนนี้มีไฟชีวิตเกินกว่าสามดวง แต่ยังไม่ถึงระดับไฟชีวิตสี่ดวง

รองลงมาคือเส้นเลือดบนใบหน้าพวกเขา เส้นเลือดเหล่านี้กำลังขยุกขยิก ราวกับว่ามีหนอนเส้นไหมตัวโตอยู่ด้านในกำลังชอนไชไปทั่วร่างพวกเขา จึงกลายเป็นเส้นเลือดพวกนี้ปูดโปนขึ้นมา

ตอนที่พวกเขามองเห็นสวี่ชิง สวี่ชิงเองก็เห็นด้านในประตูใหญ่ศาลบรรพบุรุษด้านหลังของผู้บำเพ็ญสี่คนนี้มีผู้บำเพ็ญกลางคนที่กำลังนั่งขัดสมาธิหลอมยาลูกกลอนอย่างสุดกำลังอยู่หน้าเตาหลอม

ผู้บำเพ็ญกลางคนนี้สวมชุดคลุมยาวสีดำ ด้านบนปักดิ้นทองเป็นลวดลายซับซ้อน ขณะที่เผยความสูงส่ง บนศีรษะเขายังสวมสิ่งที่เหมือนมงกุฎจักรพรรดิอยู่ด้วย

พลังบำเพ็ญแก่นลมปราณแผ่ออกมาจากทั่วร่างของเขาไม่หยุด ขณะเดียวกันหว่างคิ้วยังมีตราประทับดาวทะเลอยู่ด้วย

มองไกลๆ ผู้บำเพ็ญกลางคนนี้ไม่มีได้สีหน้ากราดเกรี้ยวแต่ทรงพลานุภาพ เวลานี้ต่อให้จิตสังหารภายนอกโถมขึ้นฟ้า คนในเผ่าล้มตายมหาศาลก็เหมือนไม่ได้ใส่ใจ ยังคงหลับตานั่งขัดสมาธิ คอยเป่าเตาหลอมอย่างต่อเนื่อง

ราวกับว่าสำหรับเขาแล้ว ทั้งเผ่าต่อให้จบสิ้นก็ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ขอแค่ให้ยาลูกกลอนในเตาถูกหลอมออกมาได้ก็พอ

เขาก็คือหัวหน้าเผ่าดาราสมุทร และเป็นหลานของบรรพจารย์เผ่าดาราสมุทรที่กำลังกรีดร้องอยู่บนท้องฟ้าเวลานี้

แทบจะตอนที่สายตาหยุดที่หัวหน้าเผ่าดาราสมุทร พริบตาที่จิตสังหารในใจโถมขึ้นฟ้า ผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรทั้งสี่คนด้านนอกศาลบรรพบุรุษก็ทยอยลุกขึ้น

ความเย็นชาในดวงตาพวกเขาก็เหมือนจะไม่มีคลื่นอารมณ์ใด และมีเส้นสีขาวความหนาเท่าตะเกียบหลายเส้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในดวงตา จากนั้นเมื่อคนทั้งสี่เคลื่อนไหว ก็พุ่งหวีดหวิวมาหาสวี่ชิง

แต่ละคนเข้าสู่สภาวะแสงนภาอย่างรวดเร็ว สำแดงพลังต่อสู้ไฟชีวิตสามดวงออกมา ทะยานเข้าหาสวี่ชิงจากรอบด้าน

พริบตาที่เข้าใกล้ ด้านหลังพวกเขาเองก็มีเนื้องอกรูปร่างปลาดาวงอกออกจากแผ่นหลัง ราวกับกระตุ้นกายเนื้อ ทำให้ทั้งสี่คนนี้คำรามเสียงต่ำออกมาพร้อมกัน และแต่ละคนก็สาวหมัดใส่สวี่ชิง!

พริบตาที่ซัดหมัดนี้ออกมา รอบด้านก็บิดเบี้ยว พลานุภาพระเบิดอย่างบ้าคลั่งราวกับกวาดทุกสรรพสิ่งให้ราบคาบได้

สวี่ชิงไม่หลบ ยืนอยู่ที่เดิมหลับตาลง พริบตาต่อมาวิหคทองด้านหลังเขาก็คำราม โน้มลงคลุมตัวสวี่ชิง ขนนกสีดำกลายเป็นชุดคลุมจักรพรรดิสีดำ เปลวเพลิงที่หางก็กลายเป็นผ้าคลุมไหล่ แหงนศีรษะขึ้นจนดูเหมือนสวี่ชิงสวมมงกุฎจักรพรรดิ

เสียงระเบิดคลั่งเข้าคู่กับพลังอหังการ ทำให้สวี่ชิงเวลานี้ราวกับเป็นจักรพรรดิเทพองค์หนึ่ง ดวงตาเขาจากที่ปิดอยู่ก็เบิกขึ้นฉับพลัน

เสียงครืนครันระเบิดขึ้นทันที เผ่าดาราสมุทรสี่คนรอบๆ ตัวเขาร่างกายสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง หมัดของพวกเขาที่ซัดมารอบตัวสวี่ชิง ไม่ได้สะเทือนถึงวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังสะท้อนกลับจนเซถอยไปทั้งหมด

ทว่ากลับสายเกินไปแล้ว เมื่อดวงตาสวี่ชิงเบิกขึ้น เขาก้าวไปอยู่ด้านหน้าคนหนึ่ง ยกมือขวาขึ้นโดยไม่สนใจสภาวะแสงนภาของอีกฝ่าย ตะปบคว้าที่คอเขาแล้วบีบอย่างแรง ขณะที่เสียงกร๊อบดังขึ้น เหล็กแหลมสีดำก็หวีดหวิวมา แทงทะลุตัวของเขาไปมาอย่างบ้าคลั่งเจ็ดถึงแปดครั้ง

ครู่ต่อมา สวี่ชิงคลายมือ ผ้าคลุมไหล่หางเพลิงด้านหลังก็สะบัดฉับพลัน ร่างทั้งร่างกายเป็นสายรุ้งยาวไปปรากฏที่ด้านหน้าผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรคนที่สองที่ถอยออกไปแล้วโขกศีรษะกระแทก

เสียงโครมดังขึ้น ผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรยังคงถอยหลังอยู่พลางส่งเสียงร้องแหลมออกมา แต่ความเร็วของสวี่ชิงเร็วกว่า กระแทกไปอีกครั้ง เสียงดังโพละ ศีรษะของผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรคนที่สองระเบิดในพริบตา

ยังไม่จบ ขณะนี้ปราณหมอกที่เกิดขึ้นจากแมลงสีดำปริมาณมากแผ่ไปบนตัวผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรที่กำลังถอยอยู่คนที่สาม ชอนไชเข้าไปอย่างรวดเร็วและเริ่มกัดกิน

ขณะที่เสียงกรีดร้องสะท้อนก้อง สวี่ชิงก็มาถึงด้านหน้าผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรคนสุดท้าย วิหคทองบนตัวสวี่ชิงก็พุ่งออกมาฉับพลันพร้อมกับความตกตะลึงและพรั่นพรึงของอีกฝ่าย เพลิงพิฆาตขนาดใหญ่ปะทุดขึ้นฉับพลัน ปกคลุมผู้บำเพ็ญคนนี้แล้วแผดเผาทั้งเป็น

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วอึดใจ เพียงพริบตาเผ่าดาราสมุทรทั้งสี่ก็ตาย เลือดลมของพวกเขาลอยขึ้น จิตวิญญาณของพวกเขาซ่านกระจาย เลือดเนื้อของพวกเขาถูกกลืนกิน

แต่น่าเสียดาย ราวกับเป็นเนื้อชิ้นหนึ่งที่ถูกแช่เก็บไว้หลายปีหลอมละลาย ไม่มีทั้งสิ่งบำรุง และไม่มีทั้งรสชาติ ยังสู้เอ็นไก่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

สวี่ชิงโบกมือ ศพทั้งหมดรอบๆ สลายกลายเป็นฝุ่นฟุ้ง มีบางส่วนถูกลมพัดมาด้านหน้า ลอยผ่านสายตาเขาไป แต่กลับไม่ได้ดึงดูดความสนใจของสวี่ชิงเลย

สายตาของเขาจ้องเขม็งไปยังหัวหน้าเผ่าดาราสมุทรที่กำลังยืนหลอมยาอยู่ข้างๆ เตาหลอมในศาลบรรพบุรุษคนนั้น

ขณะเดียวกัน นายกองก็เดินเข้ามาจากด้านหลังสวี่ชิง ยืนอยู่ข้างกายเขา ในมือถือผิงกั่วที่ไม่รู้ว่าดำคล้ำเพราะอะไรผลหนึ่งออกมา กินไปด้วยพลางมองหัวหน้าเผ่าคนนั้นไปด้วย

“โอ๊ะโอ น้องชาย เจ้าดูคนผู้นี้สิ อย่างกับตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น”

นายกองเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

และพริบตาที่เขาอ้าปาก หัวหน้าเผ่าดาราสมุทรที่อยู่ข้างเตาคนนั้นก็ลืมตาขึ้น สายตาเปล่งประกายราวอัสนีออกมาจากดวงตาของเขา!

พริบตาต่อมา หัวสมองสวี่ชิงก็ลั่นครืนครัน แรงบีบคั้นมหาศาลวูบหนึ่งก็โถมเข้ามาราวกับกับลมพายุ แต่ครู่ต่อมาแรงกดดันนี้ก็สลายหายไปทันทีจากการเปล่งประกายของจี้ที่ห้อยอยู่บนคอ

นายกองทางนั้นเองก็ถอยไปหลายก้าว ในดวงตามีอักขระเปล่งแสงเจิดจ้า สีหน้าบ้าคลั่ง เลียริมฝีปาก ในร่องฟันยังมีเนื้อผลไม้สีดำบางส่วนติดอยู่

“สวี่ชิง พวกเราลงมือพร้อมกัน แล้วเล่นงานเขาให้ตายไปเลยเป็นอย่างไร”

สวี่ชิงพยักหน้า พริบตาต่อมาทั้งสองคนก็พุ่งออกไปพร้อมกัน พุ่งเข้าไปทางหัวหน้าเผ่าดาราสมุทรที่ถลึงตากว้างอยู่ในศาลบรรพบุรุษ

ผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณคนนี้ในดวงตามีประกายประหลาดออกมา จู่ๆ ก็หัวเราะ

“น่าสนใจ คิดไม่ถึงเลยว่าสถานที่เล็กๆ แห่งนี้ จะมาพบกับพวกนกกระจิบนกกระจาบที่กล้าพุ่งเข้ามาสังหารตอนพบกับแก่นลมปราณอย่างพวกเจ้าด้วย

“เวลายังมีอยู่ จะเล่นกับพวกเจ้าเสียหน่อยแล้วกัน”