บทที่ 213 ทยอยมา

บทที่ 213 ทยอยมา

“ปิงเหยา พวกเรามาแล้ว!”

“ปิงเหยา เธอมันคนอกตัญญู กลับมาบ้านไม่พูดไม่บอกอะไรบ้างเลยสักคำ จะจำพวกเราได้ก็วันนี้”

“วันนี้เรียกพวกเรามา คงต้องถลุงเธอให้น่วม”

หญิงสาวหลายคนเข้าหาถึงข้างกายของเฉินปิงเหยา เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังไปเรื่อยพร้อมกับรอยยิ้มเบิกบานบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอนั้นดีเยี่ยมเพียงใด

เฉินปิงเหยายิ้มแย้ม พร้อมกับตอบรับ “วันนี้ฉันเลี้ยงพวกเธอเอง”

“มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว”

ตอนนี้เองที่กลุ่มหญิงสาวเห็นอู๋ฝานที่อยู่ถัดจากเฉินปิงเหยา หนึ่งในนั้นจึงเอ่ยซุบซิบขึ้นมา “ปิงเหยา คนนี้ใครกัน? แฟนของเธอเหรอ? ไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกให้พวกเรารู้บ้างเลย”

“ใช่แล้ว ทำตัวลึกลับจริง ๆ ว่าแต่แฟนเธอก็ไม่ใช่เล่นนะ หน้าตาก็โอเค ท่าทีก็ดี ไปหาเขามาจากไหน? แนะนำให้พวกเราได้รู้จักบ้างสิ”

ความสนใจของกลุ่มหญิงสาวทั้งหมดย้ายมายังอีกเป้าหมายหนึ่งโดยทันที

ส่วนทางด้านหวงถิงเฟิงผู้น่าเวทนา ขณะนี้ถูกเมินเฉยอีกครั้งหนึ่งแล้ว

ชุดที่อู๋ฝานสวมใส่นั้นเป็นชุดหนูขนทอง แม้ว่าจะไม่มีแบรนด์อะไรให้เห็น แต่สไตล์ของตัวชุดนั้นดีเยี่ยม และไม่ใช่เครื่องแบบของทางร้าน ดังนั้นกลุ่มหญิงสาวจึงไม่คิดว่าชายหนุ่มจะใช่พนักงานของที่นี่

อีกทั้งท่าทีของอู๋ฝาน ก็ไม่คล้ายจะเป็นบริกรเลยแม้แต่น้อย

คำพูดของกลุ่มเพื่อน ทำให้เฉินปิงเหยาหน้าแดงเขินอายในชั่วขณะ จนเธอต้องเร่งร้อนอธิบาย “อย่าพูดจาไร้สาระน่า นี่เถ้าแก่ของฉันเอง อู๋ฝาน”

“สวัสดีครับ” อู๋ฝานทักทายด้วยรอยยิ้มบาง “ขอบคุณที่วันนี้แวะเวียนมานะครับ”

“เป็นเถ้าแก่ของที่นี่เหรอคะ? ยังหนุ่มอยู่เลย”

“เถ้าแก่มีแฟนหรือยังคะ? สนใจพิจาณาพวกเราบ้างไหม?”

กลุ่มเด็กสาวไม่มีท่าทีเขินอายแม้แต่น้อย แทนที่จะหยอกล้ออู๋ฝานสักเล็กน้อย กลับพูดจาออกมาอย่างฉะฉาน

เฉินปิงเหยากลัวว่าอู๋ฝานจะโกรธขึ้นมา ตอนนี้จึงเร่งเข้าไปห้ามปรามกลุ่มเพื่อน พร้อมกับหันไปบอกอู๋ฝาน “เถ้าแก่ อย่าโกรธพวกเธอเลยนะคะ ก็แค่หยอกล้อกันเล่น ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรค่ะ”

“เห็นผมเป็นคนใจแคบขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” อู๋ฝานยิ้มรับ

ได้ยินคำของอู๋ฝาน เฉินปิงเหยาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะเธอยังไม่อยากถูกไล่ออกด้วยเหตุผลส่วนตัวตั้งแต่เริ่มงาน กระทั่งเกิดนึกเสียใจที่ชวนเพื่อนมาวันนี้ ใครกันคาดคิดว่าพวกเธอจะหาญกล้าถึงขนาดพูดจาหยอกเย้าทีเล่นทีจริงกับอู๋ฝาน

ตอนนี้เองที่รถสปอร์ตอีกคันหนึ่งแล่นมาจอดลงตรงหน้าร้านอาหารของอู๋ฝาน เกิ่งหย่าเฟยลงจากรถ เธอในวันนี้สวมใส่แว่นกันแดด และชุดกระโปรงสั้นเดินเข้ามาทักทายพูดคุยกับชายหนุ่ม

“อาจารย์เกิ่ง ทำไมมาที่นี่กันครับเนี่ย?” เห็นเกิ่งหย่าเฟยมาถึง อู๋ฝานก็เร่งเข้าไปให้การต้อนรับทักทาย

อู๋ฝานแทบไม่ค่อยได้ใช้เวลาที่ออฟฟิศในมหาวิทยาลัยมากนัก ครั้งนี้เปิดร้านอาหาร เขาจึงไม่ได้บอกใครในออฟฟิศแม้สักคน แต่ก็ไม่คาดคิดว่าเกิ่งหย่าเฟยจะเป็นฝ่ายมาตั้งแต่วันแรกด้วยตัวเอง

“ทำไมกันคะ ไม่ต้อนรับกันงั้นเหรอ?” เกิ่งหย่าเฟยเผยยิ้มแย้มตอบรับ “อาจารย์อู๋ คุณก็เกินไป พวกเราทำงานด้วยกัน เปิดร้านทั้งทีกลับไม่เชิญฉันแม้สักคำ หรือว่าดูถูกฉันกันแน่คะ?”

“ไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ ผมกลัวว่าคุณจะไม่มีเวลาด้วยซ้ำ” อู๋ฝานรีบตอบรับ “ผมผิดไปแล้วครับ”

“รู้ก็ดีแล้วค่ะ” เกิ่งหย่าเฟยตอบรับ “ถ้าไม่ได้ยินนายน้อยหวังพูดถึงก่อนหน้านี้ ฉันก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ มื้ออาหารวันนี้ ฉันขอไม่จ่ายก็แล้วกันนะคะ”

“ผมรับรองเองครับ วันนี้อยากทานอะไรสั่งได้เลยนะครับ” อู๋ฝานตอบรับ

“ต้องอย่างนี้สิคะ” เกิ่งหย่าเฟยยิ้มตอบรับ

“เอ ผู้จัดการหวงก็มาด้วยงั้นเหรอคะ?” เกิ่งหย่าเฟยเพิ่งเห็นหวงถิงเฟิงที่อยู่ใกล้เคียง ด้วยฐานะลูกค้าประจำของร้านคัลเลอร์แมน เกิ่งหย่าเฟยย่อมรู้จักอีกฝ่าย

“ครับ อยู่ครับ” เป็นอีกครั้งที่หวงถิงเฟิงต้องเผยยิ้มแข็งค้างเป็นการตอบรับ

อู๋ฝานเปิดร้านใหม่ เกิ่งหย่าเฟยก็ยังมา นี่ก็เทียบเท่าการแย่งชิงลูกค้าไปอีกคนแล้วใช่หรือไม่?

หวงถิงเฟิงยิ่งอารมณ์ไม่ดีมากขึ้น

เกิ่งหย่าเฟยเพียงพยักหน้าตอบรับ สุดท้ายก็เมินหวงถิงเฟิงไป

ตอนที่อู๋ฝานทักทายต้อนรับเกิ่งหย่าเฟย กลุ่มเพื่อนของเฉินปิงเหยาก็กำลังพูดคุยกับเธออย่างสนุกสนาน

“ปิงเหยา เถ้าแก่ของเธอเป็นมายังไงกันแน่ ทายาทรุ่นที่สองตระกูลร่ำรวยงั้นเหรอ?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เฉินปิงเหยาส่ายศีรษะตอบรับ “เพียงแต่ได้ยินเถ้าแก่เคยบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนเจียงโจว ทางบ้านอยู่ค่อนข้างชนบท แล้วก็ไม่ใช่ทายาทรุ่นที่สองตระกูลที่ร่ำรวยด้วย แล้วเขาเองก็ไม่ได้มีเส้นสายอะไรในเจียงโจว”

“ไม่ใช่ทายาทตระกูลร่ำรวย แต่กลับเปิดร้านอาหารซะใหญ่โตขนาดนี้ ทั้งยังในทำเลแบบนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยเนี่ยนะ? พูดไปใครจะเชื่อ?”

“เขาดูแก่กว่าพวกเราไม่กี่ปี ถ้าไม่ใช่เพราะมีการสนับสนุนจากทางบ้าน อย่างนั้นไปหาเงินมากมายจากไหนมาเปิดร้านอาหาร?”

เห็นได้ชัดว่ากลุ่มเพื่อนของเฉินปิงเหยา ไม่คิดเชื่อคำพูดของเธอ

แท้จริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องต้องประหลาดใจ ตามธรรมดาแล้ว คำพูดของเฉินปิงเหยาแทบไม่น่าเชื่อถือ

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เฉินปิงเหยาตอบกลับ

แท้จริงแล้วตัวตนของอู๋ฝาน เฉินปิงเหยาเองก็มีความสงสัยเหมือนพวกเพื่อนของเธอ ถ้าไม่ใช่ทายาทตระกูลร่ำรวย อย่างนั้นชายหนุ่มไปหาเงินมากมายจากที่ใดมาเปิดร้านอาหาร? ตัวอีกฝ่ายกล่าวเองว่าตนเองในเจียงโจวนี้ไม่มีเส้นสายอะไร และแทบไม่รู้จักใครในแวดวงของผู้มั่งมี เรื่องราวทั้งหมดนี้จึงทำเฉินปิงเหยาสับสนและสงสัย

เพียงแต่อย่างไรมันก็เป็นเรื่องของอู๋ฝาน และเขาเป็นเถ้าแก่ของเธอ ต่อให้เฉินปิงเหยามีความสงสัย หากคิดสอบถามสืบหาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

อู๋ฝานพูดคุยกับเกิ่งหย่าเฟยอยู่หลายคำ จากนั้นจึงเข้าร้านมาพร้อมกัน เพราะในความเห็นของเขา วันนี้ไม่น่าจะมีแขกคนอื่นมาเพิ่มเติมแล้ว

เพียงแต่หลังก้าวเท้าได้ไม่กี่ก้าว รถสปอร์ตที่ดูคุ้นเคยกลับแล่นเข้ามาอีกคันหนึ่ง ถังอวี่เฟยในชุดกระโปรงยาวสีแดงพลันก้าวเดินลงมา ด้วยท่วงท่าอันน่ารับชม

“เถ้าแก่อู๋ ขอแสดงความยินดีกับการเปิดร้านด้วยค่ะ” ถังอวี่เฟยบอกอู๋ฝานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เป็นรอยยิ้มอันเรียบง่าย เพียงแต่เมื่ออยู่บนใบหน้าของเธอ มันกลับดูมีเสน่ห์ชวนดึงดูดอย่างน่าประหลาด

เจอกันวันนี้ถังอวี่เฟยไม่ได้เรียกหาอู๋ฝานว่าเป็นอาจารย์

“มาด้วยเหรอครับเนี่ย?” อู๋ฝานหันไปขอให้เกิ่งหย่าเฟยเข้าร้านไปก่อน จากนั้นจึงเข้าไปทักทายถังอวี่เฟยด้วยตัวเอง

“แน่นอนค่ะ ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าจะมาน่ะ?” ถังอวี่เฟยตอบรับ

ถังอวี่เฟยเคยพูดไว้ว่าวันนี้จะมาจริง เพียงแต่อู๋ฝานคิดไปว่าเธอเพียงพูดไปอย่างนั้น ไม่ได้คิดว่าจะมาจริง ๆ แต่อย่างใด

“ร้านดูดีเลยทีเดียวค่ะ” ถังอวี่เฟยมองร้านอาหารของอู๋ฝานพลางเอ่ยคำ “เธอมาไหมคะ?”

“ใครเหรอครับ?” อู๋ฝานถามกลับด้วยความสงสัย

“หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไงคะ จะมีใครได้อีก?” ถังอวี่เฟยจ้องมองเฉินปิงเหยา ผู้ที่ไม่ได้มีความงามด้อยไปกว่าตนเอง สุดท้ายจึงเอ่ยคำขึ้น “หรือว่า.. มีคนรักใหม่แล้วเหรอคะ?”

“ไม่มีรักใหม่อะไรทั้งนั้นครับ ผมไม่ได้มีความรักมานานมากแล้ว” อู๋ฝานตอบกลับ “หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้มาครับ เธอไม่ได้บอกว่าจะมา”

“ถ้าอย่างนั้นได้บอกเธอเรื่องเปิดร้านนี้หรือเปล่าคะ?” ถังอวี่เฟยยังคงถาม

“บอกครับ”

“งั้นเธอต้องมาแน่นอนค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบรับด้วยความมั่นใจ

“ทำไมแน่ใจล่ะครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“ไม่รู้จริง หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่คะ?” ถังอวี่เฟยหรี่ดวงตาจนเป็นประหนึ่งจิ้งจอกสาว

“ไม่รู้จริงครับ” อู๋ฝานตอบรับ

ขณะถังอวี่เฟยคิดจะเอ่ยอะไรขึ้นต่อ รถเฟอร์รารี่สีแดงอีกคันหนึ่งก็มาหยุดจอดลงตรงหน้าร้านของอู๋ฝาน สีรถนั้นเหมือนรถของถังอวี่เฟย เพียงแต่เป็นคนละรุ่นกัน

ถังอวี่เฟยมองคนที่ลงจากรถคันดังกล่าว ถัดจากนั้นจึงหันไปบอกกับอู๋ฝาน “นั่นไงคะ เธอมาแล้ว”

บุคคลที่ลงมาจากรถไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ชุดสีขาวที่เธอใส่ดูเข้ากันได้ดีกับภาพลักษณ์เย็นชา เปรียบดังดอกบัวบนภูเขาหิมะ ที่แม้เย็นเยือกทว่าสูงศักดิ์

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินเข้ามาหาอู๋ฝาน ถัดจากนั้นจึงเอ่ยเสียงเบา “ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ”

พูดน้อยคำ สงวนคำพูดไว้ประหนึ่งทองคำมีค่า ทั้งยังไม่แม้แต่จะหันมองถังอวี่เฟยที่อยู่ข้างอู๋ฝานเลยแม้แต่น้อย