ตอนที่ 53

Hell mode

บทที่ 53 วันหยุด 1

ตื่นขึ้นมาหลังเวลาตี 5 ซึ่งมันเร็วกว่าปกติถึง 30 นาที รีบทำการเปลี่ยนชุด ซึ่งไม่ใช่ชุดของคนรับใช้ แต่เป็นชุดลำลองที่ได้รับมา

ไม่แวะที่ชั้น 1 ทำการออกไปทางประตูหลังโดยพึ่งแสงไฟจากในเมือง เป้าหมายคือประตูสำหรับออกนอกเมือง

อเลนวิ่งสุดแรงเกิด

“โอ๊ะ? มีอะไรเหรอเจ้าหนู? ประตูนี้ยังไม่เปิดหรอกนะ”

“ครับ จะรอครับ”

มาถึงประตูที่ใช้ออกนอกเมือง ทหารเฝ้าประตูบอกออกมาว่ายังไม่สามารถเปิดประตูให้ได้

ที่นี่คือ 1 ใน 4 ประตูของเมืองแกรนเวลที่เอาไว้ให้คนของตระกูลแกรนเวลและคนที่อาศัยอยู่ในเขตชนชั้นสูงผ่านเข้าออก ซึ่งทำการตรวจสอบกับหัวหน้าคนรับใช้ฝึกหัดริกเกลเสร็จแล้ว สอนได้ทุกอย่างจริงๆ บอกแม้กระทั่งเรื่องที่ไม่ได้ถามด้วย

ประตูนี้จะไม่เปิดจนกว่าจะถึง 6 โมงเช้า อนึ่ง พอ 6 โมงเช้าระฆังจะดัง หมู่บ้านคุเรนะจะดังทั้งหมด 4 ครั้งคือตอน 9 โมงเช้า, เที่ยง, บ่าย 3 โมงและ 6 โมงเย็น ส่วนเมืองแกรนเวลจะเพิ่มตอน 6 โมงเช้ากับ 3 ทุ่มรวมทั้งหมดเป็น 6 ครั้ง สมแล้วที่เป็นเมืองใหญ่ เริ่มเช้าตรู่และเลิกดึกจริง

(ในระหว่างที่รอก็ทำการเช็คอีกครั้ง)

ทำการตรวจสอบของที่เก็บอยู่ในสมุดเวทมนตร์

・ดาบสั้น 1 เล่ม

・ดาบไม้ 3 เล่ม

・ฟืน 30 ท่อน

・เชือก 3 เส้น

・เนื้อหั่น 5 ชิ้น

・ถุงน้ำ 2 ถุง

・หิน 10 ก้อน

・เหรียญเงิน 93 เหรียญ

・เหรียญทองแดง 2 เหรียญ

・ หินเวทระดับ E 3 ก้อน

ได้ไปทำการซื้อของกินและของจำเป็นสำหรับใช้ชีวิตข้างนอกมาแล้วตั้งแต่ตอนหยุดครึ่งวันครั้งก่อน

ทำการเช็คการ์ดอัญเชิญด้วย

・แมลง G 3 ใบ

・แมลง E 1 ใบ

・สัตว์ E 10 ใบ

・นก E 6 ใบ

・พืช E 20 ใบ

เนื่องจากมีสัตว์อัญเชิญนก E ถึง 20 ใบ เลยทำการเปลี่ยนมาให้เหมาะสมกับการล่า เพราะอย่างนั้นทำให้หินเวทระดับ E ที่เหลือ 10 ก้อนกว่าๆ เหลือเพียงแค่ 3 ก้อน ชักเหลือน้อยแล้วสิ

ยังมีดาบสั้นที่ได้รับมาจากโดโกร่าอยู่ แต่พ่อบ้านบอกว่าคนรับใช้ห้ามถืออาวุธเดินไปเดินมา แถมยังบอกมาว่าถ้าเป็นคนรับใช้ถึงจะพกได้ ถึงจะไม่โดนยึดแต่ก็ห้ามพกติดตัว

เพราะอย่างนั้น ตามปกติเลยทำการเก็บรวมไว้กับดาบไม้

(เอาละ ถ้าไม่มีหินจุดไฟก็ไม่สามารถก่อไฟได้ด้วย ถึงจะเอาฟืนจากห้องครัวมาไว้ด้วยก็ตาม เอาเถอะ ถ้าวันนี้มีของที่ไม่พอ ตอนออกมาซื้อของค่อยซื้อมาด้วยก็แล้วกัน)

ถ้ามีของที่จำเป็นแล้วละก็ ตอนที่เซซิลใช้ให้ออกมาซื้อของ ค่อยแวะข้างทางซื้อเอาก็ได้

ก๊อง

ก๊อง

เสียงระฆังที่ดังส่งเสียงกังวาน สัญญาณบอกเวลา 6 โมงเช้า

“เอาละ ประตูเปิดแล้ว มีตราผ่านทางไหม”

“นี่ครับ”

หยิบตราของตระกูลแกรนเวลออกมาจากกระเป๋ากางเกง สิ่งนี้ได้รับมาจากเซบาสตอนเข้าเป็นคนรับใช้ฝึกหัด และโดนย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามทำหาย

“ตะ ต้องขอโทษด้วยครับ เป็นคนของตระกูลแกรนเวลเหรอครับ”

“เปล่าครับ”

ตราสำหรับคนรับใช้น่ะ นี่เป็นตั๋วผ่านทุกประตูเมืองได้อย่างอิสระ

ทำการลอดผ่านประตูขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ตรงกำแพงที่ใช้ปกป้องเมือง

“โอ้ว ข้างนอก……”

ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง ไม่รู้เลยว่าจะหายใจเข้าหรือหายใจออกดี ภาพที่ใฝ่ฝันมาตลอด 8 ปี อิสระภาพที่แผ่กว้าง

ออกไปข้างนอกราวกับโดนดึงดูด เหมือนได้ยินเสียงของทหารเฝ้าประตูบอกว่า เจ้าหนูระวังอันตรายด้วย

ข้างนอกเป็นทุ่งหญ้าว่างเปล่าเกินกว่า 1 กิโลเมตร นอกนั้นมีต้นไม้ขึ้นประปราย ถึงจะไม่ได้เยอะเท่ากับป่า แต่รู้สึกว่าระยะห่างมันค่อนข้างเท่ากัน เพราะอย่างนั้นแล้วทำให้มองไม่เห็นเส้นขอบฟ้า อย่างนี้เหมือนกับสภาพรอบหมู่บ้านคุเรนะเลย

พอดูตราสัญลักษณ์ ก็เห็นว่าสัญลักษณ์ถูกออกแบบมาให้มีต้นไม้ 3 ต้น ราวกับจะสื่อถึงภาพลักษณ์ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติของอาณาจักรบารอนแกรนเวลเลย

(เอาละ ก่อนอื่นตั้งเป้าหมายไว้ที่มอนสเตอร์ระดับ D ถ้าระดับเดียวกับอัลบาเฮรอนคงไม่มีทางแพ้หรอก)

ทำการรวบรวมข้อมูลที่กิลด์นักผจญภัยแล้ว ยิ่งเข้าใกล้เทือกเขามังกรขาวมอนสเตอร์จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

เทือกเขามังกรขาวนั้นมันสูงสมกับเป็นเทือกเขา แถมยังทอดยาวไปไกลด้วย

หมู่บ้านคุเรนะอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองแกรนเวล ซึ่งเทือกเขามังกรขาวคงทอดยาวไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

ถ้ามุ่งหน้าไปทางตะวันตกของเมืองแกรนเวลจะถึงเทือกเขามังกรขาวได้ ซึ่งบอกกันมาว่ากว่าจะถึงเชิงเทือกเขามังกรขาวต้องเดินไปทางตะวันตกราวๆ 7 วัน

เนื่องจากไม่เคยเห็นแผนที่ เลยถามจากหัวหน้าคนรับใช้ฝึกหัดริกเกลที่บอกได้ทุกเรื่อง

(ถ้าเจอมอนสเตอร์ระดับสูงหรือตัวน่าอันตราย ก็ใช้พอนตะเป็นเหยื่อล่อแล้วหนีดีกว่า)

ทักษะพิเศษของสัตว์อัญเชิญอย่างแมลง G จะทำการยั่วยุมอนสเตอร์ให้อยู่ในสถานะโกรธ ถ้าใช้สิ่งนั้นน่าจะทำให้หนีกลับมาได้อยู่

เพราะเสียดายเวลา เลยทำการออกวิ่ง จากการเร่งรีบเลยออกห่างจากตัวเมืองมาประมาณ 10 กิโลเมตร

(แถวๆนี้ก็พอมั้ง ก่อนล่ามอนสเตอร์ ทำการตรวจสอบสัตว์อัญเชิญก่อนดีกว่า ฮอคออกมา)

ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบสัตว์อัญเชิญระดับ E เลยทำการตรวจสอบก่อนล่า และเรียกสัตว์อัญเชิญนก E ออกมา

เหยี่ยวขนาดกว้างราวๆ 2 เมตรเวลากางปีกปรากฏตัวขึ้นมา

(มาทางนี้)

‘ปี้’

สัตว์อัญเชิณนก E ที่ยืนอยู่ตรงพื้นส่งเสียงร้อง ก่อนจะเดินมาทางนี้

(ฟังที่พูดด้วย นี่เพราะว่าความฉลาดสูงเหรอ? ไหนลองหมุนตัวสิ)

สัตว์อัญเชิญนก E มีค่าความฉลาด 50 พอถูกเสริมความแข็งแกร่งทำให้มีค่าความฉลาดเป็น 150

มันหมุนตัวช้าๆ อยู่ตรงพื้นตามที่อเลนสั่ง

ในที่สุดสัตว์อัญเชิญที่ไม่เคยเชื่อฟังคำสั่งเลยก็เริ่มเชื่อฟังคำสั่งแล้ว ถึงจะค่อนข้างดีใจมากๆ แต่อเลนก็เริ่มวิเคราะห์ว่าทำไมถึงยอมฟัง

(อืม คำสั่งถ้ามีความฉลาดประมาณ 150 จะสามารถทำตามได้ บอกให้หมุนก็หมุน ถึงจะยังไม่ได้สอนคำพูดก็ตาม เอ่อ ลองเดินไปทางขวาราวๆ 1 เมตร)

สัตว์อัญเชิญนก E เดินไปทางขวาราวๆ 1 เมตร

(เยี่ยมเลย อยู่ในสภาพที่เข้าใจคำพูดแล้วด้วย อย่างนี้ช่วยได้เยอะเลย ที่เหลือก็ลองสัตว์อัญเชิญตัวอื่นดูดีกว่า ทามะออกมา)

เพราะรู้ว่าเข้าใจคำพูดได้ เลยลองตรวจสอบเทียบกับสัตว์อัญเชิญอื่นดูว่าแตกต่างกันไหม

‘กรรรร’

สัตว์อัญเชิญสัตว์ E เป็นเสือเขี้ยวดาบมีส่วนสูง 1.2 เมตร ความยาวลำตัว 2 เมตรปรากฏตัวขึ้นมา สัตว์อัญเชิญระดับ E ดูท่าทางแข็งแกร่งแฮะ

(ทามะ มาทางนี้)

สัตว์อัญเชิญสัตว์ E เริ่มกลิ้งไปมาเหนือหญ้า ดูเหมือนจะรู้สึกดีที่ใช้หญ้าเกาหลัง

(อืม ไม่สามารถสั่งทามะที่มีความฉลาดแค่ 28 ได้ แสดงว่าไม่เกี่ยวกับระดับของสัตว์อัญเชิญ แต่ขึ้นอยู่กับความฉลาดถึงจะสั่งให้ทำอะไรได้สินะ)

ทำการตรวจสอบความฉลาดเสร็จแล้ว

(เอาละ ต่อไปก็ตรวจสอบการล่า แต่ถ้าไม่มีมอนสเตอร์ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้เลย ก่อนอื่นต้องออกตามหามอนสเตอร์สินะ ฮอค ใช้ตาเหยี่ยวหามอนสเตอร์)

สั่งให้สัตว์อัญเชิญนก E ใช้ทักษะพิเศษอย่างตาเหยี่ยวในการหามอนสเตอร์

‘ปี้’

อเลนไม่เคลื่อนไหวและรออยู่กับที่ เนื่องจากตรวจสอบไปค่อนข้างมากทำให้ตะวันลอยโด่งแล้ว

เวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที สัตว์อัญเชิญนก E ก็ยังไม่กลับมา

(หรือว่า ที่โลกนี้อัตราการเจอมันต่ำเกินไป)

สมัยที่ยังเป็นเคนอิจิ เกมจะมีการตั้งค่าอัตราการเจอเอาไว้ อัตราการเจอก็คือ ความเป็นไปได้ที่จะเจอศัตรูระหว่างเดิน ให้พูดก็คือถ้าออกมาเดินนอกเมือง ภายใน 1 นาทีจะต้องเจอศัตรู

ที่ต่างโลกนี้ ดูเหมือนมอนสเตอร์จะไม่ได้เยอะขนาดนั้น ตอนที่ออกจาเมืองแกรนเวลมา 1 ชั่วโมง ก็ไม่เจอกับมอนสเตอร์เลย

(อัลบาเฮรอนเองยังต้องรอเป็นชั่วโมงกว่าจะบินขึ้นมาด้วยสิ อย่างนี้ประสิทธิภาพมันแย่นะเนี่ย นี่เป็นช่วงเวลาเพิ่มเลเวลที่สำคัญ ปล่อยเพิ่มดีกว่า)

ทำการอัญเชิญสัตว์อัญเชิญนก E ที่มีอยู่อีก 5 ตัวออกมาทั้งหมดและออกคำสั่งแบบเดียวกัน มันส่งเสียงร้องพร้อมกันก่อนจะบินกระจัดกระจายไป

(เอาละ เท่านี้น่าจะเจอมอนสเตอร์ได้เร็วขึ้น โอ๊ะ ต้องเอาดาบสั้นมาสวมด้วย แล้วก็เก็บตราสัญลักษณ์เพื่อป้องกันการหล่นหาย)

เอาดาบสั้นออกมาจากที่เก็บของ พร้อมกับเหน็บไว้ตรงเอว

‘ปี้’

ยังไม่ทันถึง 1 นาที สัตว์อัญเชิญนก E ก็กลับมา มันลดความสูงลงมาจากท้องฟ้ารวดเดียวและเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ราวกับจะบอกว่าให้มาทางนี้

(อยู่ปลายทางของต้นไม้ที่เกาะอยู่เหรอ)

พอจะเข้าใจถึงสิ่งที่สัตว์อัญเชิญต้องการจะสื่อได้อยู่ เลยทำการชักดาบสั้นและมุ่งหน้าต่อไป

เดินไปประมาณ 100 เมตร

เดินไปประมาณ 300 เมตร

เดินไปประมาณ 500 เมตร

(อ้า ไม่เห็นมีเลยนี่? ใช่แล้ว ถ้าไม่สั่งให้เป็นรูปธรรมกว่านี้ ก็ไม่มีทางรู้ระยะห่างของมอนสเตอร์ได้เลย)

บนท้องฟ้ามีสัตว์อัญเชิญนก E 3 ตัวบินวนอยู่ ราวกับจะบ่งบอกว่าเจอแล้ว

(อย่างนี้ ถ้าเจอมอนสเตอร์ภายในระยะ 1 กิโลเมตรก็ให้ทำอย่างนี้ เพราะถ้าพบตรง 10 กิโลเมตรมันก็ไกลเกินไปด้วยสิ เพราะไม่รู้ด้วยว่ามันจะไกลแค่ไหน)

ความคิดในการปรับปรุงมากมายวนเวียนเข้ามา ในระหว่างที่คิดว่าจะชี้นำสัตว์อัญเชิญนก E อย่างไร ก็เห็นเงาคนอยู่ข้างหน้า

มันมีขนาดใหญ่กว่าอเลนที่ส่วนสูงเริ่มเกิน 120 เซนติเมตรไปแล้ว นิดหน่อย

(หือ? มอนสเตอร์?)

‘กี้กี้กี้กี้’

มอนสเตอร์ที่มีส่วนสูง 150 เซนติเมตร ผิวสีเขียวสวมฟางไว้ตรงเอวปรากฏตัวขึ้น

(นี่มัน ก็อบลินสินะ?)

สบตากับมอนสเตอร์ก็อบลินที่มีผิวสีเขียว

‘กี้กี้กี้กี้’

‘กี้กี้กี้กี้’

‘กี้กี้กี้กี้’

‘กี้กี้กี้กี้’

ก็อบลิน 5 ตัวปรากฏขึ้นมาต่อหน้าอเลน