บทที่ 191 ถูกทุบตี

บทที่ 191 ถูกทุบตี

โจวอี้เห็นความตื่นตระหนกของอีกฝ่ายก็นึกฉงน ก่อนจะถามออกไปว่า “คุณรู้จักผมงั้นเหรอ? แต่ทำไมผมจำคุณไม่ได้เลย?”

“ผม ผมเคยไปที่ภูเขาชางหลางเพื่อเก็บสมุนไพร… ” ชายชราฉินซานเฉียงกลืนน้ำลายและพยายามระงับความตื่นตระหนก

“คุณดูกลัวผมมาก คุณคงเคยถูกผมทุบตีมาใช่ไหม แต่ก็จริง ผมทุบตีคนเก็บสมุนไพรมามาก เพราะงั้นเป็นเรื่องปกติที่จะจำคุณไม่ได้” โจวอี้ยักไหล่

“…”

ฉินซานเฉียงพูดไม่ออก

พนันได้เลย!

นี่คือนายน้อยของภูเขาชางหลางที่ชอบทุบตีนักสะสมสมุนไพรมาแล้วหลายคน ในแวดวงนักสะสมสมุนไพร ชายหนุ่มคนนี้คือคนเถื่อนนอกรีต ว่ากันว่านักสะสมสมุนไพรบางคนที่ต้องการแก้แค้นหลังจากถูกทุบตีก็ถูกเขาฆ่าตายที่ภูเขาไปมากมายหลายคน

แต่คนคนนี้ไม่เคยออกจากภูเขาชางหลางเลยไม่ใช่เหรอ?

ทำไมถึงโผล่มาที่นี่?

จู่ ๆ ฉินซานเฉียงก็อยากจะทุบตัวเอง ทำไมวันนี้เขาถึงต้องทักทายซุนเหมาไฉด้วยเนี่ย? แล้วทำไมสหายของเขาถึงพาคนพาลตัวน้อยมาที่นี่?

“ผู้เฒ่าฉิน คุณไม่ได้ชอบอวดว่าตัวเองเก่งกาจไม่กลัวใครแม้กระทั่งภูตผีปีศาจหรอกเหรอ วันนี้เกิดอะไรขึ้น? เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นหมาป่าในคราบมนุษย์หรือไง? ทำไมถึงต้องกลัวอะไรนักหนา?” อวี้ชิงเหอในวัยสามสิบพูดขึ้นขณะมองโจวอี้

หลี่เซียวลี่ที่อยู่ด้วยกันก็มองโจวอี้ด้วยสายตาแปลกประหลาด

ครั้นได้ยินคำพูดนี้ของอวี้ชิงเหอ สีหน้าของฉินซานเฉียงยิ่งเปลี่ยนไป เขาแอบร้องไห้ในใจอย่างหนัก

นายน้อยแห่งภูเขาชางหลางคนนี้ไม่ใช่คนที่ใครจะยั่วยุได้ง่าย ๆ! เขาหยิ่งผยองและอหังการเป็นที่สุด สมองของอวี้ชิงเหอมีปัญหารึไง? ทำไมคุณต้องไปยั่วยุเขา!!?

ทันใดนั้นเอง!

ใบหน้าของโจวอี้ก็เผยความเย็นชา เขาก้าวไปข้างหน้าและตบอวี้ชิงเหอทันที

อวี้ชิงเหอถูกตบหน้าอย่างแรงจนรอยฝ่ามือสีแดงสดปรากฏขึ้นที่แก้ม เขารู้สึกว่ามีดวงดาวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

โจวอี้หันไปที่ฉินซานเฉียงที่มีท่าทีหวาดกลัว ก่อนที่เขาจะพูดอย่างเย็นชาว่า “วันหลัง ถ้าจะมีเพื่อนก็ช่วยหาเพื่อนที่มันนิสัยดี ๆ หน่อย เพื่อนแบบนี้น่ะ คุณจะตายเพราะปากของเขาได้นะ ผมแนะนำให้คุณอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นภัยกับตัวเอง หรือพลอยตายตกตามกันไปด้วย”

เวลานี้โจวอี้ขี้เกียจเกินกว่าจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว เขาจึงหันหลังเดินออกไปทันที

ฉินซานเฉียงไม่กล้าพูดอะไร เขาไม่กล้ายั่วยุโจวอี้ และแอบตัดสินใจว่านับจากนี้เขาจะติดต่อกับอวี้ชิงเหอให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง อีกฝ่ายมักจะหยิ่งยโสและไม่ยอมใคร เป็นคนที่ไม่รู้ว่าควรจะควบคุมตัวเองอย่างไร คนแบบนี้คือคนที่สร้างภัยได้จริง ๆ ควรอยู่ห่างจากคนแบบนี้ให้มากที่สุด

ในขณะที่อวี้ชิงเหอสะบัดหัวไล่ความงุนงง เมื่อความรู้สึกจางหายไป เขาก็ยกมือขึ้นปิดแก้ม ดวงตาของเขาดูเหมือนจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธ

เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะถูกทุบตีต่อหน้าผู้คน

เขานึกเสียใจที่ไม่ได้พาบอดี้การ์ดมาด้วย

เมื่อเห็นว่าโจวอี้เดินออกไปแล้ว เขาก็เดินตามไปข้างหน้าสองสามก้าว แต่แล้วก็หยุดกะทันหัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ในที่สุดเขาก็หันไปหาฉินซานเฉียง ก่อนจะกัดฟันแล้วถามว่า “เขาคือใคร?”

“โจวอี้ จากภูเขาชางหลาง” ฉินซานเฉียงกระซิบตอบ

“ผมหมายถึงว่าตัวตนของเขาเป็นใคร!” อวี้ชิงเหอถามด้วยความโกรธ

“ไม่รู้สิ ทั้งหมดที่ผมรู้ก็คือ เขาอยู่ที่หมู่บ้านโจวเมี่ยวแห่งภูเขาชางหลาง เขารู้ศิลปะการต่อสู้และการปรุงยา เขาเป็นนักล่าที่เก่งกาจมาก นักสมุนไพรทุกคนที่ไปที่ภูเขาชางหลางไม่มีใครกล้ายั่วยุเขาหรอก”

“บัดซบ! คนบ้านนอกนั่นบังอาจมาตบผม! มันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!” อวี้ชิงเหอไม่ต้องการที่จะเดินเที่ยวที่นี่อีกต่อไป เขาจากไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาของผู้คนรอบข้าง

เขาจะโทรหาใครสักคน หลังจากนั้นก็จะตามหาไอ้สารเลวแซ่โจวคนนั้นเพื่อเอาคืน!

หลี่เซียวลี่มองตามแผ่นหลังของอวี้ชิงเหออย่างเงียบ ๆ ก่อนจะมองไปยังทิศทางที่โจวอี้เดินจากไป และถามฉินซานเฉียงว่า “เขาเคยทุบตีคุณจริง ๆ เหรอ?”

“แค่ก ๆ ๆ…” ฉินซานเฉียงไอออกมาสองสามครั้ง และหันหน้าหนีด้วยความลำบากใจ

จะตอบคำถามนี้ยังไงดีล่ะ?

ไม่คิดว่าฉันยังเสียหน้าไม่พออีกเหรอ?

โจวอี้เดินปะปนไปกับฝูงชน ในขณะที่ซุนเหมาไฉเดินตามเหมือนเป็นทาสรับใช้ เมื่อใดก็ตามที่โจวอี้ถาม เขาก็จะรีบอธิบายทันที

พวกเขาเดินเล่นนานกว่าหนึ่งชั่วโมงและหยุดอยู่ใกล้จัตุรัสกลาง

ผู้คนจำนวนมากมาที่นี่ แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของโจวอี้คือโปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อบนแผ่นหินข้างจัตุรัส เนื้อหาเป็นการประกาศว่าวัตถุดิบยาจะถูกประมูลที่นี่ในวันพรุ่งนี้ ใครก็ตามที่มีวัตถุดิบยาล้ำค่า สามารถไปหาผู้ประมูลเพื่อระบุวัตถุดิบยาและลงทะเบียนสำหรับการประมูล

“ประมูล?” โจวอี้หันไปถามซุนเหมาไฉ

“ใช่ นิทรรศการวัตถุดิบยาทุกงานจะมีการจัดประมูล ซึ่งเป็นช่วงสำคัญที่สุดของงานนิทรรศการวัตถุดิบยา วัตถุดิบยาคุณภาพสูงสุดที่จัดขึ้นโดยผู้ผลิตวัตถุดิบยารายใหญ่จะถูกนำเข้าการประมูลด้วย” ซุนเหมาไฉอธิบาย

“แล้วมีมาตรฐานไหม”

“วัตถุดิบยาทุกชนิดที่ต้องการส่งประมูล ต้องได้รับการตรวจสอบจากผู้ประเมิน และจะต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าสองแสนหยวน ในการประมูลของงานนิทรรศการวัตถุดิบยาที่จัดขึ้นในเมืองเจิ้งเมื่อสามปีก่อน มีการประมูลวัตถุดิบยาหลายรายการในราคาเกินเก้าหลัก ซึ่งได้ดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้เข้าร่วมประมูล”

อะไรนะ! ร้อยล้าน?

แค่วัตถุดิบยาชนิดเดียวก็มีค่าถึงร้อยล้าน?

“วัตถุดิบยาอะไร?”

“หญ้าแมงป่อง บัวหิมะเทียนซาน และโสมป่า อายุที่ต่ำที่สุดของวัตถุดิบยาแต่ละตัวคือหกหรือเจ็ดร้อยปี และบัวหิมะเทียนซานมีอายุมากกว่าพันปี”

“ของดี!” โจวอี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะได้เห็นวัตถุดิบยาที่มีค่ามามากมายนับไม่ถ้วน แต่วัตถุดิบยาสามชนิดนี้นั้นหายากทั้งยังมีอายุมาก

“ความจริงแล้ว ถ้าคุณเอาโสมป่าอายุพันปีเข้าร่วมการประมูล อย่าว่าแต่หนึ่งร้อยล้านเลย สามร้อยล้านก็ขายออก” ซุนเหมาไฉแนะนำ

โสมป่าพันปีคือหนึ่งในวัตถุดิบยาที่เขานำมาส่งให้โจวอี้เมื่อไม่กี่วันก่อน

“เฒ่าซุน อะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในสายตาของนักปรุงยา?”

“แน่นอนว่าพวกมันคือวัตถุดิบยาล้ำค่า” ซุนเหมาไฉตอบ

“รู้แบบนี้แล้วยังให้ผมเอาเข้าไปประมูลอีกงั้นเหรอ?” โจวอี้กล่าวอย่างโกรธเคือง

“แค่ก…” ซุนเหมาไฉเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่าโจวอี้เป็นศิษย์ของสำนักโอสถ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาเพิ่งแสดงได้ความโง่เกี่ยวกับคำแนะนำของเขาไปเมื่อครู่

โจวอี้ไม่พูดอะไรอีกแต่ยังคงเดินเที่ยวต่อ

เขาตระหนักได้ว่าแมงมุมผีเสื้อที่อาจารย์ของเขาขอให้ซื้อนั้นคงไม่วางขายตามร้านค้าพวกนี้ แต่คงปรากฏในการประมูลวันพรุ่งนี้ เพราะแมงมุมผีเสื้อเป็นวัตถุดิบยาชั้นเลิศในสายตาของนักสะสมสมุนไพรทุกระดับ

ตอนเย็น

โจวอี้ได้ซื้อวัตถุดิบยาล้ำค่ามา 19 รายการ จาก 24 รายการที่เขาต้องการ ส่วนที่เหลือนั้นเขายังหาไม่พบ แต่เนื่องจากวัตถุดิบยา 19 ชนิดที่เขาซื้อมานั้นมีคุณภาพที่ดีมาก เขาจึงใช้เงินมากกว่าสิบล้านหยวน หากอาจารย์ของเขาไม่ให้เงินเขามาก่อนหน้านี้ร้อยล้านหยวน ป่านนี้เขาคงเหลือเงินติดตัวแค่ 10 หรือ 20 ล้านหยวนเท่านั้น

“ไปกันเถอะ! ค่อยตามหาสมุนไพรที่เหลือพรุ่งนี้ ตอนนี้เราไปหาโรงแรมพักกันเถอะ” โจวอี้กล่าว

“ผมคิดว่าเราควรกลับไปจินหลิง” ซุนเหมาไฉแนะนำ

“กลับไปกลับมาไม่น่ารำคาญรึไง?”

“มันคงไม่ง่ายสำหรับเราที่จะหาโรงแรมใกล้ ๆ นี้ ถ้าจำไม่ผิด โรงแรมใกล้ ๆ นี้เต็มหมดแล้ว” ซุนเหมาไฉยิ้มอย่างขมขื่น

“เมืองฉู่มีโรงแรมเยอะไม่ใช่เหรอ” โจวอี้ขมวดคิ้วถาม

“คุณรู้ไหมว่าคนนอกแห่กันมางานนี่กี่คน”

“กี่คน?”

“อย่างน้อยแสนคน!”

“คุณล้อเล่นรึเปล่า?” โจวอี้รู้สึกประหลาดใจมาก วันนี้เขาเห็นผู้คนมากมายในตลาดยาก็จริง แต่เขาประเมินว่ามันน่าจะอยู่ที่หลักหมื่นคน

“ในช่วงเจ็ดวันของการจัดนิทรรศการ ไม่เพียงแต่มีผู้ค้าวัตถุดิบยาจำนวนมากเท่านั้นที่หลั่งไหลเข้ามา แต่ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการมาซื้อวัตถุดิบยา รวมทั้งนักสะสมวัตถุดิบยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนรายใหญ่ในจีน แพทย์แผนจีนจำนวนมาก และสถานพยาบาลต่าง ๆ…”

โจวอี้ได้ยินแล้วก็เริ่มที่จะคิดว่าสมเหตุสมผล

“ถ้างั้นก็ช่างเถอะ จากที่นี่กลับไปจินหลิงใช้เวลาสองชั่วโมงเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็กลับไปเก็บวัตถุดิบยาที่ซื้อมาวันนี้ก่อนก็ได้” หลังจากโจวอี้พูดจบ เขาก็หันไปมองรอบข้าง

เขารู้สึกว่ากำลังถูกใครบางคนจับตามองอยู่