บทที่ 170 เขาเป็นมังกร

เจ้าของร้านพิศวง

หัวใจของเบลล่าเต้นระรัว

เธอรู้สึกราวกับว่าในที่สุดก็ได้เห็นเสี้ยวเล็ก ๆ ของความจริงเบื้องหลังภาพดำมืดของเจ้าของร้านหนังสือผู้ลึกลับคนนี้…

ประการแรก หากย้อนกลับไปที่ยุคแรก คุณหลินก็ย่อมไม่ใช่มนุษย์ นั่นเป็นเพราะในยุคสมัยนั้นไม่ได้มีร่องรอยของมนุษย์อาศัยอยู่ หรือบางทีอาจจะไม่มีมนุษย์อยู่ในยุคนั้นเลย…

ประการที่สอง เขาจะเป็นเอลฟ์ไม่ได้ เพราะเอลฟ์นั้นเกิดมาจากเถ้าถ่านของเหล่ายักษ์ และพวกเอลฟ์ก็เพิ่งมามีอำนาจและตั้งอาณาจักรกันได้หลังจากเกิดมหาสงครามยักษ์และเผ่ายักษ์ล่มสลายไป แล้วก็ค่อย ๆ แทนที่พวกยักษ์ขึ้นมา

และในประวัติศาสตร์ที่แตกเป็นริ้วนั้น อำนาจยิ่งใหญ่ที่เป็นที่กล่าวขานถึงที่สุดก็คือแม่มดบรรพกาลทั้งสี่ ทว่าพวกเธออยู่ในรูปลักษณ์ของสตรีกันทั้งนั้น ดังนั้นความเป็นไปได้นี้ก็ตัดออกไปได้เลย

ในหมู่มังกรโบราณก็ยังมีมังกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่หลายตน ยกตัวอย่างเช่นมังกรแห่งภัยพิบัติบากั๊ก สัญลักษณ์แห่งหายนะ มังกรแห่งต้นกำเนิดเฟลิกซ์ สัญลักษณ์แห่งภูมิปัญญา และมังกรนภาสลิเฟริน สัญลักษณ์แห่งอีเธอร์

ทว่าสามารถตัดมังกรนภาออกไปจากความเป็นไปได้ได้เลย

เพราะว่าหัวใจฟอสซิลที่พวกเธอนำมานั้นเป็นของมังกรนภา ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าสลิเฟรินได้ตายลงแล้วในยุคแรก

ในฐานะมังกรที่เกิดจากอีเธอร์ ทุกส่วนของร่างกายมันต่างล้ำค่าและเป็นวัตถุดิบร่ายมนตร์ที่แข็งแกร่ง ส่วนหัวใจที่เป็นแก่นของส่วนที่แปรสภาพอีเธอร์นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันเป็นส่วนที่มีค่าที่สุด

ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่จุดอีเธอร์ส่วนเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างในนั้นก็เกินพอที่จะทำให้คนระดับภัยพิบัติตัวระเบิดได้แล้ว

ทว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้วิธีใช้ประโยชน์จากสิ่งล้ำค่านี้หรอก หากตกไปอยู่ในมือของผู้ที่คู่ควร หัวใจนี้จะสามารถถูกใช้เพื่อสร้างเป็นแก่นของข่ายมนตร์ยักษ์ใหญ่หรือเป็นส่วนประกอบระดับเทพในคทาเวทได้ มันก็จะสามารถเสริมอำนาจให้ผู้ถือครองอย่างทวีคูณ

นอกจากเรื่องเหล่านี้ ยังมีสิ่งมีชีวิตธาตุต่าง ๆ ที่โบราณอย่างยิ่งในยุคแรกด้วย ยกตัวอย่างเช่นพหูสูตแห่งแสงอัลเฟรด…

เบลล่าร่ายรายชื่อของทุกตัวตนอันยิ่งใหญ่ในยุคแรกที่เธอรู้ออกมา แต่เธอก็รู้สึกว่าความรู้ของตัวเองนั้นไม่ได้กว้างขวางมากพอ

หัวหน้าสาวใช้มองนายหญิงของเธอแล้วตัดสินใจจะไปสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับยุคแรกใหม่ดี ๆ สักครั้ง…

มันไม่สำคัญว่าเธอจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าของร้านหลินหรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญคือหากหลินเจี๋ยเป็นหนึ่งในตัวตนอมตะเหล่านั้นจริง เขาก็คงไม่สามารถยอมรับเชอร์รี่ได้

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่เป็นความแตกต่างของรากเหง้าระหว่างพวกเขา!

เหมือนที่มนุษย์ไม่อาจรักกับมดได้ นี่จะกลายเป็นความรักข้างเดียวที่รังแต่จะล้มเหลว…

มันเป็นความรับผิดชอบของเราในฐานะผู้ช่วยที่มีความสามารถที่จะทำให้นายหญิงเข้าใจเรื่องนี้และลดความเสียหายที่จะตามมาให้ได้มากที่สุด เบลล่าคิดในใจ

จากตัวบ่งชี้ที่มีอยู่ในตอนนี้ มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่เจ้าของร้านหลินจะเป็นมังกรโบราณ ตัดสินจากลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของเขาแล้ว เขาไม่น่าจะใช่มังกรแห่งภัยพิบัติบากั๊กไปได้

เปิดร้านหนังสือ ชี้นำผู้คน ร่ำรวยความรู้ รอบรู้และทำได้ทุกอย่าง…มังกรแห่งต้นกำเนิดที่เป็นสัญลักษณ์แห่งภูมิปัญญานั้นกล่าวกันว่าครอบครองทุกความรู้บนโลก และเจ้าของร้านหนังสือก็ดูจะมีลักษณะที่ตรงกับที่ว่ามาทุกประการ

ทว่าจากสิ่งที่เบลล่ารู้มา มังกรแห่งต้นกำเนิดนั้นมีระดับเพียงแค่ภัยพิบัติ ในขณะที่คุณหลินอาจจะมีพลังที่เหนือยิ่งกว่าระดับเหนือนภาเสียอีก

หลังจากพูดคุยสัพเพเหระกับเชอร์รี่อีกนิดหน่อย เขาก็พลันตระหนักถึงสายตาแปลก ๆ ที่หัวหน้าสาวใช้เบลล่ามองมาทางเขา

สายตาของเบลล่าที่ดูจะพินิจทุกซอกทุกมุมของเขานั้นดูเหมือนว่าเธอกำลังมองอะไรที่น่าสงสัยอยู่

และเมื่อเธอหันไปมองเชอร์รี่ ริมฝีปากของเธอก็บิดเบี้ยวราวกับกำลังไม่สบายใจ

หลินเจี๋ยคุ้นเคยกับสีหน้าอย่างนี้ดี ไม่ใช่ว่านี่เหมือนพล็อตละครหลังข่าวตอนสองทุ่มที่ ‘ทายาทสาวผู้ร่ำรวยมาชอบพอพ่อหนุ่มจน ๆ เจ้าของร้านหนังสือ ในขณะที่สาวใช้ส่วนตัวของเธอพยายามเอาไม้กวาดฟาดไล่เขาออกไป’ เหรอ?

หลินเจี๋ยเลิกคิ้ว แม้ว่ามันคงไม่ได้โอเว่อร์ขนาดนั้น แต่การที่เชอร์รี่ทุ่มทุนซื้อฟอสซิลมาเป็นของขวัญให้เขานั้นก็คงก่อให้เกิดความไม่พอใจเป็นแน่แท้

มันคงเข้าใจได้ถ้าเบลล่าตัดสินใจจะหยุดไม่ให้เชอร์รี่มีปฏิสัมพันธ์กับเขาเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของนายหญิงของเธอ

สงสัยจังว่าเธอจะล้วงเงินฟ่อนใหญ่ออกมาในเส้นเรื่องนี้ไหม…อะแฮ่ม!

ชายหนุ่มจะไม่มีวันเฝ้ารอฉากนั้นแน่ มิตรภาพของเขากับเชอร์รี่นั้นประเมินค่าไม่ได้ และเงินก็ซื้อไม่ได้ด้วย!

อืม…โบสถ์แห่งจุดสูงสุดได้ใช้มาตรการที่โหดร้ายกับพวกนอกรีตมาหลายปีบ่งบอกว่าพวกเขาทำเงินได้มหาศาล…ฆาตกรรมและวางเพลิง ของพวกนี้มันมาด้วยกัน โบสถ์แห่งจุดสูงสุดคงไม่ทำเรื่องพวกนั้นโดยไม่มีผลประโยชน์แน่

และต่อให้พวกเขาจะไม่ได้ทำอย่างนั้นก็ตาม ผู้เลื่อมใสโบสถ์แห่งจุดสูงสุดก็บริจาคเงินไปมากราวกับเป็นภาษีย่อย ๆ พวกเขาสร้างวิหารไปทุกที่ พระสังฆราช สตรีศักดิ์สิทธิ์และพวกอัครสาวกต่างแต่งตัวดีอยู่ดีกินดี หมดนี่ก็ล้วนเพราะเงินทั้งนั้น…

ถ้าโบสถ์แห่งจุดสูงสุดถูกล้มลงได้สำเร็จแล้ววินเซนต์ขึ้นไปแทนที่ได้ จากลักษณะนิสัยของคุณพ่อเขาแล้ว เราก็แน่ใจว่าเงินก้อนนี้คงถูกใช้ในหน่วยงานการกุศลต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือคนจนแน่ ๆ แต่เรื่องเหล่านี้มันไม่จบไม่สิ้นหรอก

ส่วนเงินที่เหลือนั้น…

ก็อาจจะถูกบริจาคให้กับหอการค้าแอช

เราเชื่อว่าเชอร์รี่จะใช้มันอย่างถูกต้อง และถือว่าเป็นการสนองน้ำใจของเธอได้

หลินเจี๋ยนั่งยืดตัวตรงมากขึ้นในขณะที่เขาคิดเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็บังเอิญสบเข้ากับเบลล่าพอดี ชายหนุ่มก็ยิ้มให้เธออย่างรู้เท่าทันเล็กน้อย

เบลล่าตกใจที่ได้เห็นประกายในดวงตาของเขา หรือคุณหลินจะรู้ว่าเราคิดอะไรอยู่กันนะ?

หรือว่ารอยยิ้มของเขาจะเป็นการยอมรับ…ว่าเขาเป็นมังกร!

หลินเจี๋ยเบนสายตาแล้วขนย้ายกระเป๋าที่มีฟอสซิลอยู่ข้างใน แล้วเขาก็หันไปยิ้มให้เชอร์รี่พลางถาม “ไม่ใช่ว่าคุณบอกว่าอยากให้ผมช่วยเรื่องหนังสือเล่มหนึ่งเหรอครับ?”

สีแดงที่แต่งแต้มใบหน้าของเชอร์รี่จางหายไปในขณะที่เธอปรับท่าทีแล้วพยักหน้า “หนังสือเล่มนี้ซ่อนอยู่ในห้องลับของคอนกรีฟ และได้รับการปกป้องอย่างดีค่ะ”

เธอหันไปพยักเพยิดให้เบลล่า แล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาจากใต้กระโปรงของเธอ

ใต้กระโปรง?

เครื่องหมายคำถามเด้งขึ้นมาในใจของหลินเจี๋ย ชุดสาวใช้นั้นมีกระเป๋ามากมาย และมันก็เป็นแค่หนังสือ

แปลกจัง

หลินเจี๋ยรับหนังสือมา แล้วดวงตาของชายหนุ่มก็หรี่ลงเล็กน้อย ไม่มีข้อความใด ๆ บนปกหนังสือ หน้าปกสีน้ำตาลอ่อนนั้นให้ความรู้สึกแปลก ๆ มันเหมือนทำจากหนังสัตว์ แต่ดูบอบบางและอ่อนนุ่มกว่า อีกทั้งยังมีลายเส้นตื้น ๆ อยู่ด้วย

หลินเจี๋ยลูบมือไปบนนั้นแล้วคิดว่ามันเหมือนกับผิวคน

ไม่สิ! บางทีเราอาจจะคิดผิดก็ได้…

หลินเจี๋ยจ้องหนังสือในมือของเขา แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในใจ

หนังสือหนังมนุษย์!

นี่คือหนังสือที่เย็บขึ้นมาโดยใช้หนังมนุษย์ทั้งเล่ม!

การคาดเดาของหลินเจี๋ยนั้นไม่ได้เดาขึ้นมาลอย ๆ เพราะเขาเคยพบของแบบนี้มาก่อน

ในอดีต ตอนที่เขาอยู่ในระหว่างการวิจัยเรื่องพื้นบ้าน ครั้งหนึ่งชายหนุ่มเคยไปยังหมู่บ้านห่างไกลที่มีประเพณีแปลก ๆ ที่พวกเขาจะนำหนังจากแผ่นหลังของคนตายมาทำเป็นกลองหนังมนุษย์

ไม่ว่าครั้งใดที่หมู่บ้านนั้นทำพิธีบวงสรวง ทุกบ้านก็จะนำกลองหนังมนุษย์ของบ้านตัวเองออกมาตี เป็นสัญลักษณ์ของการขอให้เหล่าวิญญาณมารับเครื่องสังเวยของหมู่บ้านไป

ตัวอย่างนี้ถูกกล่าวถึงในหนังสือ ‘พิธีกรรมและขนบธรรมเนียม’ ที่เขาให้เฒ่าไวลด์ไป

ในตอนนั้น เพื่อการวิจัยและความสงสัยส่วนตัวของชายหนุ่มเอง เขาได้ขออนุญาตเข้าไปดูวิธีการทำกลองหนังมนุษย์ของหมู่บ้าน แล้วเหล่าคนในหมู่บ้านก็ตอบตกลงอย่างกระตือรือร้นอย่างผิดความคาดหมาย

กลองพวกนั้นให้สัมผัสเดียวกับปกหนังสือที่เขาถืออยู่ทุกประการ…