ตอนที่ 67: คุ้มที่จะรอหรือเปล่า?

หลังจากวางสาย หลินจื้อซือก็พลันกัดริมฝีปาก เธอเพิ่งจะใช้คำพูดเมื่อครู่เป็นข้ออ้างในการให้กำลังใจเสี่ยวเฉิง แต่ทว่า ทำไมเธอต้องหาเหตุผลหรือข้ออ้างเพื่อคุยกับเขาด้วยล่ะ?

หลินจื้อซือเผยยิ้มอย่างขมขื่น

เธอในตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงระเบียงคอนโดของเสี่ยวเฉิง ทันทีที่เซินเหยาเดินเข้ามา หลินจื้อซือก็รีบเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า

“เธอจะอยู่ที่นี่สองวันเลยงั้นเหรอ? ไม่กลัวโดนผู้จัดการบ่นหรือยังไงกัน?” เซินเหยาพลันถือจานผลไม้เข้ามาพร้อมกับยืนเคี้ยวและกล่าวคำถาม

“เธอลืมไปแล้วหรือยังไงกันว่าครอบครัวฉันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทน่ะ? อันที่จริง ฉันเองก็มีศักดิ์เป็นผู้จัดการเหมือนกันนะ ช่วงแรกที่บริษัทเพิ่งเริ่มก่อตั้ง เราเองก็ต้องรับสมัครนักร้องแล้วก็ดาราที่มากความสามารถเพื่อที่จะมาพยุงบริษัทให้อยู่รอด ช่วงนั้นแหละคือตอนที่ฉันได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคนดัง อีกอย่าง ผู้จัดการเองก็บังคับอะไรฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้ทางบริษัทก็ทั้งเซ็นสัญญากับดาราแล้วก็รับพวกเด็กใหม่เข้ามามากกว่าเดิมด้วย เชื่อเถอะ ถึงไม่มีฉัน บริษัทก็อยู่รอดได้น่า” หลินจื้อซือพลันกล่าว

“แต่ตอนนี้เธอเป็นเหมือนตัวทำเงินของบริษัทเลยนะ ฉันว่าถ้าบริษัทขาดเธอไป ก็คงจะแย่มากเลยล่ะ” เซินเหยาเผยหน้ามุ่ยพร้อมกล่าวคำพูดออกมา

“เงินน่ะ… หาตอนไหนก็หาได้ มีเงินเยอะก็ใช่ว่าจะมีความสุขเสมอไปนะ” หลินจื้อซือพลันคิดถึงช่วงเวลาที่เธอควรจะมีกับเสี่ยวเฉิง ช่วงเวลาที่เธอพลาดไปเพราะช่องว่างทางสังคมและฐานะของทั้งสอง

เซินเหยาพลันเผยยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อมองไปยังระเบียงยามค่ำคืนที่มีแสงไฟส่องลอดออกมา เธอก็พลันกล่าวคำพูดอย่างเห็นด้วย “ก็จริง เงินสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้หมด… แล้วก็เพราะเงินนี่แหละ พ่อฉันเลยต้องสูญเสียบางสิ่งอันเป็นที่รัก หรือคนบางคนที่เขาควรจะปกป้องและรักษาเอาไว้ไป…”

ทันใดนั้น หลินจื้อซือก็มองไปยังเซินเหยาและถามขึ้น “นี่เธอยังไม่กล้ากลับบ้านเพื่อไปเจอแม่เลี้ยงของตัวเองอีกงั้นเหรอ?”

เซินเหยาพลันรู้สึกเคว้งคว้าง เธอมองไปข้างหน้าพร้อมส่ายหัว “บางที แผลเป็นที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของฉันยังไม่หายดีมั้ง ฉันไม่อยากกลับไปเจอหน้าพวกเขาหรอก แต่ยังไงเสีย ด้วยงานที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ ฉันก็ยังมีเงินเลี้ยงตัวเองอยู่”

หลังจากนั้น เธอก็หันกลับมามองหลินจื้อซือและถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ยังไงก็ช่างมันเถอะ! มาพูดถึงแม่สาวซุปเปอร์สตาร์เพื่อนรักของฉันกันดีกว่า เธอคิดจะวางแผนแต่งงานเมื่อไหร่ล่ะ? ฉันไปแอบได้ยินมาว่าลูกเศรษฐีตั้งหลายคนต่างก็เข้ามาจีบเธอแทบจะทุกวันเลยนะ แถมยังจะให้เงินใช้เป็นล้าน ๆ อีก โอ๊ย! ได้ยินแล้วอิจฉา!”

หลินจื้อซือพลันเผยเสียงหัวเราะและตอบกลับ “ไม่ต้องมาอิจฉาเลยน่า คนพวกนั้นสนใจฉันแค่เปลือกนอกเท่านั้นแหละ ถ้าสมมติวันใดวันหนึ่งฉันเกิดไม่สวยแล้วก็ไม่มีสเน่ห์ขึ้นมาล่ะ? เธอยังคิดว่าคนพวกนั้นอยากจะจีบฉันอยู่ไหม?”

“แล้วเธอมีคนที่ชอบหรือยังล่ะ?” เซินเหยาพลันถามขึ้น

หลินจื้อซือเผยยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว “ตอนนี้ยังไม่อยากหาคู่ชีวิตน่ะ ฉันแค่อยากจะโฟกัสเรื่องงานแล้วก็เรื่องอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะปล่อยออกมาก่อน อีกอย่าง ตอนนี้ฉันเพิ่งจะอายุแค่ยี่สิบสามเองนะ จะรีบคิดเรื่องนั้นไปทำไมกันล่ะ?”

“ไม่เอาน่า เธอมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะความพยายามของตัวเอง ฉันรู้นะว่าบางครั้งมันก็คงอาจจะรู้สึกเหงาบ้างแหละ แต่ยังไงก็เถอะ ฉันว่าเธอควรจะหาใครสักคนที่พร้อมจะดูแลเธอได้แล้วนะ” เซินเหยากล่าว

หลินจื้อซือเผยยิ้ม “นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ยังไงล่ะ… เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉันไม่ใช่หรือยังไงกัน? เธอก็ต้องพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างแล้วก็ดูแลฉันสิ!“

เซินเหยาพลันกลอกตา “ไม่ต้องมาพูดแบบนั้นเลย… เธอทำฉันเกือบซวยมาสองครั้งแล้วนะ ฉันยังจำวันที่ถูกพวกแฟนคลับซอมบี้ของเธอล้อมเอาไว้ได้อยู่เลย”

หลินจื้อซือพลันหัวเราะและตอบกลับ “ก็ตอนนั้นเธอไม่ยอมเชื่อเองนี่ว่าฉันดังขนาดไหน… ฉันบอกเธอให้ระวังตัวตั้งแต่แรกแล้ว อีกอย่าง ฉันบอกเธอแล้วด้วยว่าอย่าไปบอกคนอื่นว่าฉันอยู่ที่ไหน ว่าแต่… นี่เธอกำลังจะโทษฉันอยู่หรือยังไงกัน?”

ทั้งนี้ เซินเหยาเองก็อดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมาบ้าง อันที่จริง เซินเหยาและหลินจื้อซือรู้จักกันโดยบังเอิญ ในตอนนั้น เซินเหยาก็เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเช่นเคย ส่วนหลินจื้อซือเองก็กำลังปลอมตัวเพื่อหลบแฟนคลับอยู่ที่สนามบิน ทั้งนี้ เซินเหยาเองก็ได้รับมอบหมายให้พาหลินจื้อซือออกไปจากด้านตรวจสอบความปลอดภัยของสนามบิน ในตอนแรก ทุกอย่างพลันไปได้สวย จนกระทั่งเธอยืนกรานที่จะซื้ออาหารกลางวันให้หลินจื้อซือ ระหว่างที่ทั้งสองกำลังยืนซื้ออาหารกันอยู่นั้น พวกเขาก็ถูกเหล่าแฟนคลับซอมบี้ล้อมเอาไว้หมดทุกทิศทางจนแทบจะหาทางออกมาไม่ได้เลย…

เซินเหยาเผยยิ้มออกมาทันทีที่นึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น เหตุการณ์ที่ทั้งสองเจอกันเป็นครั้งแรก

ไม่นานนัก เซินเหยาก็พลันเดินไปยืนข้างระเบียงพร้อมถอนหายใจออกมา “เธอคิดว่าเสี่ยวเฉิงจะเอาชนะผู้นำของแก๊งเต่าดำได้ไหม? ในฐานะคนท้องถิ่น ฉันเองก็รู้จักประวัติของหัวหน้าแก๊งเต่าดำมาระดับหนึ่งเลยล่ะ เขาเป็นผู้ชายที่ไร้ความปราณีมาก แถมยังเป็นคนที่ชอบใช้วิธีสกปรกและโหดร้ายเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการอีกด้วย…”

หลินจื้อซือมองไปยังเซินเหยาด้วยความประหลาดใจ “เธอเป็นห่วงเขาเหรอ?”