ตอนที่ 145 ควักตามองใหม่

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ผู้ชายของตระกูลหลินนอกจากเจ้าหนูน้อยที่อายุหกขวบกว่าแล้วก็มีหลินจื่อเหยียนที่อายุเพียง 13 ปี ในฐานะเสาหลักของครอบครัว เขาไม่อาจหวังพึ่งแต่พี่รองได้ ! ดังนั้นแม้ว่าอายุไม่ถึงเกณฑ์ เขาก็ยังหยิบพลั่วไปเข้าร่วมการขุดคูน้ำด้วย

พอมาถึงที่นาของตนแล้วก็เห็นร่างสูงและเตี้ยของคนสองคนซึ่งกำลังขุดคูน้ำอย่างสุดกำลัง เมื่อเดินเข้าไปใกล้และมองให้ดีเขาก็อดพูดเตือนสองคนนั้นไม่ได้ “อาว่ายจื่อ พวกท่านขุดผิดที่หรือไม่ ? ”

ทันใดนั้นหลิวว่ายจื่อก็หันไปส่งสายตาให้เอ้อร์ล่าย…เรียนรู้เอาไว้ เขาปาดเหงื่อเสร็จแล้วก็หันมายิ้มให้หลินจื่อเหยียน “ไม่ผิด ! หลินเว่ยเว่ยทำเพื่อทุกคนในหมู่บ้าน ทั้งตัดไม้ไผ่ ทำรางไม้ไผ่ พวกเราจะไร้มโนธรรมจนปล่อยให้ที่นาของบ้านนางไม่มีคนขุดคูน้ำได้อย่างไร ? ต้าฮว๋า มือของเจ้าใช้จับพู่กัน ไฉนเลยจะเอามาขุดคูน้ำได้ ? กลับไปอ่านตำราของเจ้าเถิด ประเดี๋ยวทางนี้อาว่ายจื่อของเจ้าจัดการเอง ! ”

“ยังมีข้าด้วย ยังมีข้าอีกคน ! ” หลิวเอ้อร์ล่ายรีบส่งเสียงแสดงการมีตัวตน งานนี้ทำโดยคนสองคน แล้วจะปล่อยให้หลิวว่ายจื่อได้หน้าคนเดียวได้อย่างไร !

หลินจื่อเหยียนใช้พลั่วขุดไปบนดิน จากนั้นก็ใช้เท้ากดเพื่อดันพลั่วให้ตักดินขึ้นมาแล้วพยักหน้าให้ทั้งสองคน “ขอบคุณทั้งสองท่าน แต่พี่รองกล่าวไว้ว่าการเรียนรู้ต้องมีความผ่อนคลาย นอกจากนี้ต้องรู้จักการทำงานร่วมกัน จะเป็นแต่หนอนหนังสือไม่รู้จักงานเกษตรไม่ได้…”

หลิวว่ายจื่อจึงรีบกล่าวว่า “พี่รองของเจ้าพูดได้ถูกต้อง ! เจ้าขุดได้ตามที่ต้องการแต่อย่าให้เหนื่อยเกินไป งานที่เหลือยกให้พวกอาทั้งสองเถิด ! ”

หลิวเอ้อร์ล่ายขุดดินไปพลางพยักหน้าไปด้วยอย่างสิ้นหวัง

หลินเว่ยเว่ยแบกท่อไม้ไผ่เดินเข้ามา หลังเห็นหลิวว่ายจื่อทั้งสองคนแล้วนางก็เอ่ยหยอกล้อว่า “ไอหยา ! อาว่ายจื่อ หลิวเอ้อร์ล่าย ! วันนี้ดวงอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกใช่หรือไม่ ? ”

“หลานสาว เจ้าล้อข้าอีกแล้ว ! ไม่ได้มีถ้อยคำประโยคหนึ่งว่า ‘จากไปสามวัน ควักตามองใหม่’ หรอกหรือ ? อาว่ายจื่อของเจ้าไม่ใช่คนเดิมแล้วนะ ! ” ทันใดนั้นหลิวว่ายจื่อก็ยกพลั่วขึ้นเหนือศีรษะ

เมื่อคนผู้นี้ได้ใจก็ลืมตัว เขายกพลั่วสูงเกินไปจึงเกือบทำให้ตนเสียสมดุลจนล้มลงพื้น หลิวว่ายจื่อเดินเซไปหลายก้าว ก่อนจะกลับมายืนได้มั่นคงอีกครั้ง ชาวบ้านที่ขุดคูน้ำอยู่ด้านข้างต่างส่งเสียงหัวเราะกันอย่างไม่ไว้หน้า

หลินเว่ยเว่ยหัวเราะเสียงดังที่สุด “อาว่ายจื่อ ต้องเป็น ‘เปิดตามองใหม่1’ ถ้าควักตาออกมาแล้วจะมองเห็นได้อย่างไร ? ใช้ได้นี่ ตอนนี้รู้จักเล่นสำนวนแล้ว ! สงสัยว่าข้าต้อง ‘ควักตามองใหม่’ บ้างแล้ว ! ”

หลิวว่ายจื่อหัวเราะแล้วกล่าวว่า “หลานสาว เจ้าเลิกล้ออาว่ายจื่อได้แล้ว เจ้าไปทำงานต่อเถิด ส่วนคูน้ำตรงที่นาบ้านเจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วง ! ”

“อาว่ายจื่อ หลิวเอ้อร์ล่าย ข้าคิดว่าพวกท่านไปขุดคูน้ำบ้านตนก่อนเถิด ! ตอนนี้หมู่บ้านเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถ้าบ้านไหนไม่มีร่องน้ำแล้ว น้ำก็จะไหลไปไม่ถึง ! ” หลินเว่ยเว่ยอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือน

หลิวว่ายจื่อกำลังฮัมเพลงขณะขุดดิน เขาเงยหน้ามองนางแล้วกล่าวว่า “วางใจได้ ! แม้ข้าจะไม่ได้กินไม่ได้นอน ข้าต้องขุดคูน้ำให้เสร็จ ไม่มีทางเป็นตัวถ่วงทุกคนแน่นอน ! ”

ผู้ใหญ่บ้านเดินเอามือไพล่หลังเข้ามาตรวจงาน พอได้ยินถ้อยคำของเขาแล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็พยักหน้าให้พลางกล่าวว่า “หลินเว่ยเว่ยพูดได้ถูกต้อง ! ตอนนี้พวกเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทุกคนต้องร่วมมือกัน บ้านใครมีคนเยอะก็ไปช่วยบ้านที่มีคนน้อย เราต้องขุดคูน้ำให้เสร็จก่อนที่กังหันวิดน้ำจะสร้างเสร็จ ! ”

พวกผู้หญิงในหมู่บ้านนำน้ำดื่มมาส่ง ไม่ว่าใครกระหายก็สามารถตักดื่มได้เลย ไม่มีใครตระหนี่น้ำต้มสะอาดเหล่านั้น ทุกคนล้วนมีใจเดียวกันเพราะมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ชาวบ้านในฉือหลี่โกวจึงมีความกลมเกลียวกันยิ่งกว่าเดิม

เวลาเพียง 5 วัน คูน้ำก็ถูกขุดจนเสร็จแล้ว ส่วนท่อที่ถูกวางขึ้นเขาก็ถูกจัดเรียงไว้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน เพียงรอให้กังหันวิดน้ำสร้างเสร็จเท่านั้น

ภายใต้คำอธิบายอย่างละเอียดของเจียงโม่หาน ในที่สุดพ่อซัวถัวและซัวถัวก็ทำชิ้นส่วนทุกชิ้นเสร็จ หลังพวกชาวบ้านได้ข่าวก็แห่กันมาที่บ้านซัวถัวทันที ผู้ใหญ่บ้านมาถึงเป็นคนแรก เขาหยุดชาวบ้านให้อยู่ตรงด้านนอกของลาน “เด็กหนุ่มเข้ามา 10 คนก็พอ ไม่ต้องเข้ามาหมด ถ้าทำชิ้นส่วนกังหันวิดน้ำพังก็จะเสียการใหญ่ได้ ! ”

หลานชายคนโตของผู้ใหญ่บ้านจึงเลือกชายหนุ่มจำนวน 10 คนเข้ามาในบ้าน เมื่อหันไปทางชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่วางอยู่บนพื้นแล้วพวกเขาก็ส่งสายตาไปทางบัณฑิตเจียงด้วยท่าทางที่ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรต่อไป

เจียงโม่หานออกคำสั่งอย่างเป็นระบบ พวกหนุ่มน้อยจึงกล้าลงมือทำ พวกเขายก แบก หามและขนชิ้นส่วนกังหันวิดน้ำขึ้นเขาราวกับสมบัติอันล้ำค่า

ณ ริมสระน้ำบนภูเขา เจียงโม่หานและพ่อซัวถัวถูกฝูงชนห้อมล้อมจนดำมืดเพราะช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยใกล้มาถึงแล้ว พวกชาวบ้านพยายามระงับความตื่นเต้นที่อยู่ในใจอย่างสุดกำลังพลางเฝ้ามองพ่อซัวถัวประกอบชิ้นส่วนกังหันวิดน้ำภายใต้คำสั่งของบัณฑิตเจียงอย่างเงียบ ๆ

ภายในฝูงชนมีทั้งคนชราที่บุตรหลานประคองขึ้นมา เด็กน้อยที่ยังไม่รู้ความ หญิงตั้งครรภ์ที่ได้สามีคอยประคองขึ้นเขา และคนส่วนใหญ่ที่มาเข้าร่วมล้วนเป็นชายหนุ่มซึ่งช่วยกันขุดคูน้ำ ไม่มีใครคนไหนอยากพลาดโอกาสอันน่าตื่นเต้นนี้ไป

สุดท้ายพ่อซัวถัวก็ประกอบกังหันวิดน้ำเสร็จ โครงไม้เรียงสูง ‘หาง’ ยาวลงไปในสระน้ำเหมือนโครงกระดูกมังกรจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดคนในสมัยโบราณจึงเรียกว่า ‘กังหันน้ำกระดูกมังกร’ หลินเว่ยเว่ยยืนมองด้วยรอยยิ้มอยู่ด้านข้าง

ซัวถัวตื่นเต้นจนเข้าไปแย่งบิดาถีบไม้คันชักให้วงล้อไม้เปิดการทำงาน วงล้อเคลื่อนขยับโซ่ไม้และเริ่มทำงาน ‘ชัก’ น้ำในแหล่งน้ำขึ้นมาบนร่องไม้ จากนั้นน้ำก็ไหลลงสู่รางไม้ไผ่ที่ทำไว้ต่อเข้ากับท่อไม้ไผ่ น้ำจึงไหลลงไปตามท่อเรื่อย ๆ …

“น้ำออกมาแล้ว ! น้ำขึ้นมาอยู่ในกังหันวิดน้ำได้จริง ๆ ด้วย ! ” ชาวบ้านที่มุงอยู่รอบ ๆ พากันส่งเสียงเฮทันที ท่าทางตื่นเต้นดีใจนั้นราวกับว่าได้เห็นภาพการเก็บเกี่ยวในปีหน้า

เด็กวัยกำลังโตสองสามคนรีบสาวเท้าวิ่งลงเขา ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็ได้มาเจอกับหลิวต้าซวนที่เฝ้าอยู่ตรงปลายท่ออีกฝั่งของเชิงเขา จากนั้นพวกเขาก็วิ่งหอบหายใจกลับขึ้นมาแล้วตะโกนเสียงดังลั่นว่า “มีน้ำแล้ว ! น้ำไหลลงจากเขาแล้ว ! ”

“เจ้าเด็กนี่ ครั้งต่อไปให้ข้าลองบ้าง ! ” หากเอ่ยถึงผู้ที่ตื่นเต้นที่สุดก็คงเป็นพ่อซัวถัว เพื่อสร้างกังหันวิดน้ำก็สามารถกล่าวได้ว่าเขาลืมกินลืมนอน ทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนชนิดหามรุ่งหามค่ำและยังต้องทนรับสายตาดูแคลนว่า ‘เหตุใดเจ้าถึงโง่เช่นนี้’ จากบัณฑิตเจียงอีกด้วย !

โชคดีว่าในท้ายที่สุดก็ทำภารกิจสำเร็จ เขาสามารถทำกังหันวิดน้ำออกมาได้…เดิมทีคิดว่าตนจะได้เป็นคนถีบไม้คันชักเป็นคนแรก คาดไม่ถึงว่าจะโดนบุตรชายตัวแสบชิงตัดหน้าเสียก่อน !

พ่อซัวถัวดึงตัวบุตรชายออกมาแล้วขึ้นไปบนกังหันวิดน้ำแทน จากนั้นเขาได้ถีบไม้คันชักอย่างมีความสุขราวกับว่าการออกแรงนี้เป็นเรื่องมีเกียรติอย่างยิ่ง ชาวบ้านคนอื่น ๆ ต่างก็มองด้วยสายตาอิจฉา ต่อจากนั้นไม่นานก็มีคนเสนอตัวว่าขอลองบ้าง

ชาวบ้านที่อยากลองทำมีเยอะเกินไป ผู้ใหญ่บ้านจึงกังวลว่าเหล่าคนหนุ่มทั้งหลายมือเท้าหยาบจะทำกังหันวิดน้ำพัง เขาจึงก้าวออกมาแล้วกล่าวเสียงดังลั่น “ลองอันใดกัน ? วันหน้ายังมีเวลาให้พวกเจ้าถีบ ! นับแต่วันนี้ไปก็ให้แต่ละบ้านผลัดกันขึ้นมา ! ”

เพราะเรื่องนี้ถูกเสนอโดยหลินเว่ยเว่ย ภาพวาดก็ขอให้บัณฑิตเจียงวาดให้ ดังนั้นเมื่อวางท่อตรงเชิงเขาซึ่งเป็นที่นาของนางนั้น ทุกคนจึงไม่ได้โต้แย้งอันใด

เพราะทุกคนในฉือหลี่โกวรู้ดีว่าหากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของตระกูลหลินกับบัณฑิตเจียง ด้วยนิสัยเย่อหยิ่งของเขา จะยอมหยุดพักการศึกษาตำราแล้วมาทำเรื่องกังหันวิดน้ำได้อย่างไร ตระกูลเจียงไม่มีที่นาสักหมู่ ดังนั้นการสร้างกังหันวิดน้ำจึงไม่มีประโยชน์ใดต่อเขาเลย

1 จากไปสามวัน เปิดตามองใหม่ หมายถึง แม้ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายวัน แต่อีกฝ่ายก็มีความก้าวหน้าขึ้น อีกนัยหนึ่งคือไม่สามารถมองคนเพียงผิวเผินได้อีกต่อไป

ตอนต่อไป