บทที่ 202 ภูตผีปีศาจรวมตัวกัน

ทางด้านนั้นทะเลสาบเกลือและเหมืองแร่กำลังจะเข้าสู่การผลิตแล้ว แต่ทางเซี่ยหยางกลับไม่ราบรื่นนัก

รอยแผลที่ถูกจี้จือฮวนแทงเหล่านั้นอันตรายถึงชีวิต สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือเส้นเอ็นที่มือและเท้าของเขาถูกตัดจนขาด เขาเสียเลือดไปมากจึงสลบไปเป็นเวลาสามวันเต็ม ๆ จึงได้พ้นขีดอันตราย และได้หานฉีพาตัวกลับมายังเมืองหลวง เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็พบว่าหานกุ้ยเฟยนั่งอยู่ข้างเตียงของเขา

“เสด็จแม่…” เซี่ยหยางเพิ่งจะเอ่ยปาก หานกุ้ยเฟยก็ตบหน้าเขาอย่างแรง

ตัวนางเองไม่มีลูก ความหวังทั้งหมดจึงฝากเอาไว้กับเซี่ยหยาง แต่สุดท้ายเขากลับไม่ได้เรื่องได้ราว ออกไปข้างนอกครั้งแรกก็ถูกคนทำร้ายจนมีสภาพเช่นตอนนี้ นางทำได้เพียงเชิญหมอที่มีชื่อเสียงมารักษาเขาเป็นการส่วนตัว หากคนชั่วเหล่านั้นรู้เข้าไม่รู้ว่าจะแอบหัวเราะเยาะพวกเขาสองแม่ลูกลับหลังเพียงใด

เซี่ยหยางถูกตบจนหน้าหัน ซุ่นไฉจึงรีบเอ่ยขึ้นมา “พระนางเพคะ องค์ชายรองเพิ่งจะฟื้น ร่างกายจะรับไม่ไหวเอานะเพคะ

องค์ชายรอง พระนางสงสารท่านมากก็เลยทำตัวไม่ถูกน่ะเพคะ”

เซี่ยหยางใช้ปลายลิ้นดุนฟันกรามเล็กน้อย จากนั้นก็เบือนหน้าหนีและหลุบตาลง พลางเอ่ยอย่างนอบน้อม “เป็นเพราะลูกถูกคนลอบกัด ทำให้เสด็จแม่ทรงเป็นกังวล”

หานกุ้ยเฟยหลับตาลง เมื่อลืมตาอีกครั้งก็จ้องไปที่เซี่ยหยางแล้วเอ่ยขึ้นมา “รู้หรือไม่ว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ?”

ตอนนี้ในหัวของเซี่ยหยางยังมีภาพตอนที่สตรีลึกลับผู้นั้นแทงตัวเองอยู่ “คนที่ส่งคนมาลอบสังหารลูกคงจะเป็นเจ้าสามและเจ้าห้า อย่างไรซะต้องเกี่ยวข้องกับพวกเขาสองคนอย่างแน่นอน ส่วนบาดแผลตามร่างกายของลูก เป็นเพราะลูกประมาทศัตรูเอง จึงถูกสตรีผู้หนึ่งทำร้ายเข้าพ่ะย่ะค่ะ”

“สตรี?” หานกุ้ยเฟยอดที่จะก่นด่านิสัยเจ้าชู้ของเซี่ยหยางในใจไม่ได้ สตรีที่หามาก็ไม่ได้เรื่องเลยสักคน

“เส้นเอ็นที่มือและเท้าของเจ้าข้าจะให้หมอที่มีชื่อเสียงมาช่วยต่อให้ ช่วงนี้ให้เจ้าอยู่แต่ในจวน ห้ามให้ใครรู้เรื่องอาการบาดเจ็บของเจ้าเด็ดขาด”

ระหว่างทางที่เซี่ยหยางกลับมาเมืองหลวง ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาก็ได้รู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวงในช่วงนี้จากปากของหานฉีแล้ว

“ลูกจะทำตามที่เสด็จแม่บอกพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่จวนจี้กั๋วกง…”

คิดถึงตรงนี้เซี่ยหยางก็รู้สึกโมโหขึ้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างจวนจี้กั๋วกงกับเขาใต้หล้านี้มีใครบ้างที่ไม่รู้ เผยยวนก็ยังไม่ตาย ทั้งยังพาคนมารื้อจวนจี้กั๋วกงอีก เช่นนั้นวันหน้าหากเขาไม่พอใจใครก็จะไปรื้อจวนทิ้งตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ?

กำเริบเสิบสานสิ้นดี เผยยวนทำเช่นนี้ก็ต้องเตรียมรับความโกรธของราชวงศ์ให้ดี

“ไท่ซ่างหวงถูกลักพาตัว เหตุใดคนภายนอกยังคุกเข่าขอร้องให้เสด็จพ่อออกราชโองการตำหนิตัวเองอีกเล่าพ่ะย่ะค่ะ? หรือว่าเผยยวนจะเป็นคนส่งพวกเขามา? เสด็จพ่อได้ตรวจสอบหรือไม่พ่ะย่ะค่ะว่าตอนที่เขาหายไปช่วงนั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“ราษฎรในเมืองหลวงลือกันว่า หญิงอัปลักษณ์ที่แต่งจากจวนจี้กั๋วกงผู้นั้นเป็นคนช่วยเขาเพคะ” ซุ่นไฉนำเรื่องที่ไปสืบมาได้ทั้งหมดรายงานให้เซี่ยหยางทราบ

เซี่ยหยางขมวดคิ้ว จี้จือฮวนผู้นั้นเขาเองก็รู้จัก ได้ยินว่าเป็นสตรีที่ไม่ได้เรื่องได้ราว จึงได้พระราชทานสมรสให้กับเผยยวน หมิงซูจึงถอนหมั้นได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นคนพิการที่นอนเป็นผักคนหนึ่งเทียบกับว่าที่องค์รัชทายาทเช่นเขา จี้กั๋วกงควรเลือกใคร ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ก็รู้ว่าควรเลือกเช่นไร

ดูเหมือนว่าตัวแปรจะอยู่ที่จี้จือฮวน

“เจ้ายังจะสนใจจวนจี้กั๋วกงอีกอย่างนั้นหรือ ตอนนี้เจ้าแทบจะเอาตัวเองไม่รอดอยู่แล้ว ข้าวางแผนให้เจ้ามานานเพียงนี้ แต่เจ้ากลับกลับมาพร้อมบาดแผลทั่วร่างกาย หากให้ฝ่าบาททรงทราบ ตำแหน่งองค์รัชทายาทของเจ้ายังอยากจะได้อยู่หรือไม่?” หานกุ้ยเฟยเมื่อเห็นเขาพูดถึงจวนจี้กั๋วกงก็โมโหขึ้นมา

เซี่ยหยางไม่สามารถขยับตัวได้ ทำได้เพียงเอ่ยด้วยความร้อนรน “เสด็จแม่อย่าทรงกริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ลูกไม่ได้ถามเพราะความเสน่หาของชายหญิง แต่เพราะเข้าใจเสด็จพ่อดี เผยยวนต้องการให้จวนจี้กั๋วกงถูกทำลาย เช่นนั้นเสด็จพ่อก็ต้องยกย่องจวนจี้กั๋วกงขึ้นมาอย่างแน่นอน เพื่อใช้สิ่งนี้มาพิสูจน์ว่าอำนาจของฮ่องเต้นั้นเหนือกว่า หาใช่สิ่งที่เผยยวนจะสามารถสั่นคลอนได้ และจวนจี้กั๋วกงไม่มีทางล้มลงเช่นนี้ได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

ตอนนี้จี้หมิงซูยังได้ชื่อว่าเป็นคนของเขา ต่อให้จะใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศจริงหรือไม่ แต่คนที่ทะนงตนอย่างเซี่ยหยางก็ไม่สามารถให้คนมาหัวเราะเยาะว่าเขาไม่มีแม้แต่ความสามารถจะปกป้องผู้หญิงของตนได้

แต่ในขณะเดียวกันเขาเองก็นึกตำหนิจี้หมิงซูอยู่ในใจ เหตุใดนางจึงประเมินศัตรูต่ำเกินไปเช่นนี้ ทำให้คนที่ถูกเรียกว่าเป็นตัวอัปมงคลอย่างจี้จือฮวนทำร้ายจนมีสภาพเช่นนี้ได้ และพลอยทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายไปด้วย

หากไม่สามารถแก้ไขได้ ดูท่าเขาเองก็คงต้องเลือกคู่ใหม่เสียแล้ว

ในตอนนั้นเอง เสียงของอัครมหาเสนาบดีหานก็ดังขึ้นมาจากด้านนอก “องค์ชายรองพูดถูก”

หานกุ้ยเฟยจึงลุกขึ้นยืนทันที “ท่านพ่อ”

อัครมหาเสนาบดีหานมองหน้านาง ก่อนจะเอ่ยตำหนิเสียงเย็น “ใครให้เจ้ามาที่นี่? แม้ตอนนี้เจ้าจะเป็นคนดูแลตราประทับหงส์แทนฮองเฮา แต่ลับหลังมีคนจับจ้องเจ้ามากมายเพียงใด ในใจเจ้าไม่รู้หรืออย่างไร?”

หานกุ้ยเฟยเม้มริมฝีปาก “ข้าได้ยินว่าหยางเอ๋อร์กลับมาแล้ว ข้าเป็นห่วงเขาจึงได้มาที่นี่ ข้ารายงานฝ่าบาทแล้วนะเจ้าคะ”

อัครมหาเสนาบดีหานมองไปที่ผ้าพันแผลของเซี่ยหยางด้วยสายตาเรียบนิ่ง “เรื่องสองวันมานี้ องค์ชายคงรู้เรื่องแล้วใช่หรือไม่ ครั้งนี้ฮ่องเต้จะไปทูลเชิญไท่ซ่างหวงกลับมา ขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ สตรีในวังหลังล้วนต้องติดตามไปด้วย ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีในการสร้างผลงาน”

เซี่ยหยางย่อมเข้าใจดี ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญในการชิงบัลลังก์ ใครก็ตามที่สามารถคลายความกังวลของเสด็จพ่อได้ก็จะเป็นผู้ชนะ เขาจะให้ไท่ซ่างหวงกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน ส่วนเจ้าสามและเจ้าห้า ไม่ว่าผู้ใดที่ขวางการขึ้นครองบัลลังก์ของเขา เขาก็จะกำจัดคนผู้นั้นทิ้งซะ

ทว่าตอนนี้เขาถูกคนทำร้ายและบาดเจ็บหนัก ดังนั้นเซี่ยหยางจึงขมวดคิ้วแน่น อัครมหาเสนาบดีหานราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงเอ่ยขึ้นมา “ข้าเตรียมคนเอาไว้แล้ว เข้ามา”

เซี่ยหยางและหานกุ้ยเฟยจึงมองไปที่ประตู ก่อนจะเห็นบุรุษที่มีรูปร่างและหน้าตาเหมือนกับเซี่ยหยางเดินเข้าประตูมา ชายผู้นั้นมองไปรอบ ๆ ท่าทางของเขาเหมือนกับเซี่ยหยางทุกประการ

“คารวะเสด็จแม่ ท่านอัครมหาเสนาบดี”

แม้แต่เสียง หางเสียง ก็เหมือนกับเซี่ยหยางไม่มีผิด

อย่าว่าแต่หานกุ้ยเฟยเลยที่ตกใจ แม้แต่ตัวเซี่ยหยางเองก็ถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เช่นกัน

“ตอนไปหมู่บ้านตระกูลเฉิน องค์ชายเองก็ต้องไปด้วย จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด หากองค์ชายสามองค์ชายห้าตั้งใจกลั่นแกล้ง มีองค์ชายอยู่ข้างกายเขาก็จะสามารถชี้แนะได้ตลอดเวลา แต่คงต้องลำบากองค์ชายแล้ว เพราะก่อนที่อาการบาดเจ็บจะหายดี องค์ชายต้องสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมเป็นผู้ติดตามไปก่อน”

ให้คนอื่นมาปลอมตัวเป็นเขา และให้เขาปลอมตัวเป็นองครักษ์

เซี่ยหยางรู้สึกว่านี่เท่ากับเป็นการดูถูกเหยียดหยามเขาชัด ๆ แต่เขาก็เป็นคนมีความอดทนสูง ตั้งแต่เด็กจนโตเพื่อปีนขึ้นไปอะไรบ้างที่ไม่เคยทน เรื่องแค่นี้จะเป็นอะไรไป

“ท่านอัครมหาเสนาบดีทำเพื่อข้า ข้าจะไม่พอใจได้อย่างไรกัน”

เมื่อเห็นเซี่ยหยางเอ่ยเช่นนี้ อัครมหาเสนาบดีหานก็มีสีหน้าสบายใจ “เช่นนั้นก็ดี เพื่อเป็นการป้องกัน ข้าจะให้หานฉีคอยอยู่ข้างกายเพื่อคอยปกป้ององค์ชายรองด้วยอีกแรง”

“ขอบคุณท่านอัครมหาเสนาบดีมาก”

ทุกคนนั่งคุยกันอีกสักครู่ ก็ให้เซี่ยหยางกับตัวปลอมนั่นหารือถึงรายละเอียด และดูว่ายังมีข้อบกพร่องอะไรหรือไม่ เพื่อไม่ให้มีพิรุธใด ๆ

เซี่ยหยางมองหานฉีที่ยืนอยู่ที่มุมห้องแล้วเอ่ยขึ้นมา “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีการใด ตามหาสตรีที่ชื่อว่าเมี่ยป้าผู้นั้นให้เจอ และจับตัวมาเป็น ๆ ข้าจะจัดการนางด้วยตัวเอง”

เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุใดนางถึงต้องการจะสังหารเขา

สองวันที่ผ่านมา ในความฝันเซี่ยหยางก็ต้องการจะถามเรื่องนี้ให้ชัดเจน หากไม่สามารถรู้ความจริง เกรงว่ายามค่ำคืนเขาคงไม่อาจข่มตานอนหลับได้

ผู้คนในเมืองหลวงกำลังเตรียมกองเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อไปรับไท่ซ่างหวงกลับมา เพื่อให้คนเหล่านั้นที่กล่าวว่าฮ่องเต้ไม่กตัญญูหุบปากไป

ทว่ากลับมีรถม้าคันหนึ่งปรากฏขึ้นบนถนนหลวง มุ่งหน้าสู่ตำบลฉาซู่ก่อนพวกเขา