ตอนที่ 4 ถูกขับไล่ออกจากกิลด์

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ

ตอนที่ 4 ถูกขับไล่ออกจากกิลด์

「นักผจญภัยระดับสิบ ท่านโซระ ฉันต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ แต่คุณสมบัติในฐานะนักผจญภัยของท่านจะถูกเพิกถอนในวันนี้ค่ะ」

「….เอ๋? 」

สามวันก่อนที่ผมจะถูกราชาแมลงวันจู่โจม

ในวันนั้นพนักงานต้อนรับของกิลด์แจ้งกับผมว่าผมถูกไล่ออกจากกิลด์นักผจญภัยแล้วโดยไม่มีความรู้สึกเสียใจในน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อย

คำพูดนั้นมันทำให้ผมกรามแทบค้าง

ตัวผมไม่อาจทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ได้ยินในทันทีได้

「นี่ล้อกันเล่นใช่ไหม…? 」

「ไม่ค่ะ การตัดสินนี้ได้รับการอนุมัติจากทางหัวหน้ากิลด์เป็นอย่างเป็นทางการที่เรียบร้อยแล้วค่ะ นี่เป็นเอกสารกำกับค่ะ」

ผมคว้าเอกสารแผ่นหนึ่งมาจากพนักงานต้อนรับที่ยื่นให้ผมอย่างสุภาพด้วยมือที่สั่นเทา

มันระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าตัวผม นักผจญภัยระดับสิบ โซระถูกขับไล่ออกจากกิลด์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สังเกตได้จากตราประทับของหัวหน้ากิลด์ที่อยู่ภายในนั้น

ผมรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างรุนแรงเมื่ออ่านมันจบ

ผมได้แต่ถามตัวเองว่าเพราะอะไร

ทำไมผมถึงถูกขับไล่ออกจากกิลด์นักผจญภัยด้วย?

เนื่องจากผมเพิ่งเสร็จจากการรวบรวมสมุนไพรประจำวัน แล้วกำลังจะทำการส่งเควสที่ได้รับมา

เนื่องจากเป็นการรวบรวมที่ถูกระบุมาไว้อย่างชัดเจน เควสที่ผมส่งไปก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

แถมในเควสอื่นๆ ผมก็ไม่ได้ทำผิดพลาดร้ายแรงอะไรลงไป แถมสองสามเดือนที่ผ่านมาผมก็ทำแต่เควสรวบรวมสมุนไพรด้วย

แล้วทำไมผมถึงถูกไล่ออกกันล่ะ?

ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางสงบเสงี่ยมของพนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ตรงหน้าของผมขณะคิดเรื่องเหล่านี้ไปด้วย

พนักงานต้อนรับผมถักเปียคนนี้ แม้คำพูดของเธอจะสุภาพเป็นอย่างมาก แต่แววตาของเธอนั้นกลับเย็นชา และมองมาที่ผมเหมือนเป็นเพียงก้อนหินหรือวัชพืช มันทำให้ผมนึกถึงสายตาที่พ่อของผมมองไปในอดีต

เนื่องจากตั้งแต่ที่ผมลงทะเบียนกับกิลด์นักผจญภัยนั้นก็ผ่านมาแล้วถึง 5 ปี แต่ตัวผมยังอยู่ในระดับต่ำที่สุดของเหล่านักผจญภัย มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะโดนดูถูกเอา

แต่มันก็มากเกินไปหรือเปล่าหากจะถูกเพิกถอนคุณสมบัติการเป็นนักผจญภัยออกอย่างไม่มีเหตุผลด้วยเรื่องแค่นั้น

ผมพยายามเปิดปากออกมาหมายจะตะโกนให้เธอหยุดล้อผมเล่นได้แล้ว

「 …มะ-มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เลยใช่ไหม? 」

แต่สิ่งที่ออกมาจากปากของผมกลับเป็นคำพูดที่แสนสุภาพ จนทำให้ตัวผมเองรู้สึกแย่

สาวพนักงานต้อนรับที่ดูเหมือนจะอายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำได้ถอนหายใจออกมา ด้วยความรู้สึกขยะแขยงที่ตนต้องมาเสียเวลาจัดการกับเรื่องไร้สาระนี้ ซึ่งมันแสดงออกมาทางสีหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน

「มันไม่ใช่ข้อผิดพลาดค่ะ เนื่องจากทางกิลด์มีกฎระบุเอาไว้ว่า นักผจญภัยที่ไม่สามารถเลื่อนออกจากขั้นสิบมาได้ภายในระยะเวลาสามปีจะถูกเพิกถอนคุณสมบัติการเป็นนักผจญภัยค่ะ เนื่องจากท่านโซระถูกลดระดับจากเก้าลงไปสิบเมื่อสามปีที่แล้ว หลังจากนั้นก็ติดอยู่ระดับนั้นมาโดยตลอด เงื่อนไขจึงตรงกับที่กล่าวมาทั้งหมดค่ะ」

「…เอ่อ…คือ…อย่างงั้นเหรอ..? ตะ-แต่ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยนะ…เอ่อ ที่จริงก็น่าจะมีการเตือนล่วงหน้าก่อนถึงเวลา….」

「ฉันขอแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะ สิ่งที่ฉันได้กล่าวไปข้างต้นนั้นเป็นกฎที่ถูกระบุเอาไว้ชัดเจนของกิลด์อยู่แล้ว ดังนั้นมันถึงเป็นความผิดของตัวท่านเองที่ไม่ทราบเรื่องนี้ค่ะ ทางกิลด์ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแจ้งให้ท่านทราบ」

พนักงานต้อนรับจ้องมองมาที่ผมก่อนจะตอบอย่างฉะฉาน

การจ้องมองนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธและการดูถูกจนทำให้ผมถึงกับผงะโดยสัญชาตญาณ

「เมืองอิชกะแห่งนี้ให้การบริการที่เหมาะสมกับเหล่านักผจญภัยมากมาย นั่นเพราะเมืองนี้ต้องการพลังของเหล่านักผจญภัยในการปกป้องจากภัยคุกคามของเหล่ามอนสเตอร์ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนักผจญภัยหรือพนักงานของกิลด์ หากมีความเกี่ยวข้องกับทางกิลด์แล้ว พวกเขาก็คือบุคคลทรงคุณค่ากับเมืองแห่งนี้ค่ะ」

「เรื่องนั้น….ผมก็เข้าใจหรอก…」

ไม่ได้จะโกหกหรอกนะ แต่ที่ผมเลือกเมืองนี้ก็เพราะได้ยินถึงสถานการณ์ของเมืองนั่นแหละ

ผมตั้งใจมาที่นี่เพราะได้ยินว่าผู้คนมักถูกเปล่ามอนสเตอร์คุกคามอยู่เป็นประจำ ผมจึงคิดว่าตนน่าจะสร้างชื่อเสียงได้หากเลือกมาที่เมืองนี้

ผมสาบานกับตัวเองว่าจะทำทุกสิ่งที่ผมไม่สามารถทำได้บนเกาะ ในเมืองแห่งนี้

…แต่กระทั่งตอนนี้คำสาบานนั้นก็ช่างอีกยาวไกล กว่าพระจันทร์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเสียอีก

พนักงานต้อนรับยังคงส่งสายตาที่แสนเย็นชามาให้กับผมหลังจากเธอได้ยินคำตอบของผม

「นั่นหมายความว่าถึงท่านจะรู้ตัวดี แต่ก็ไม่ได้พยายามจะไต่ระดับขึ้นไปให้สูงกว่าเดิมเลยในระยะสามปีที่ผ่านมาใช่ไหมคะ? ประการแรกเลยคือการจะเลื่อนจากระดับสิบไประดับเก้านั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ท่านก็น่าจะทราบดียิ่งกว่าใครในที่แห่งนี้เพราะท่านก็เคยอยู่ในระดับนั้นมาห้าปีก่อนแล้วนี่คะ? 」

「ตะ-แต่นั่น…มันจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง…」

「ค่าธรรมเนียมในการสอบระดับเก้าคือหนึ่งเหรียญเงิน ท่านกำลังจะบอกว่าท่านไม่สามารถหาเงินหนึ่งเหรียญเงินได้เลยตลอดระยะเวลาสามปีนี้เหรอคะ ทั้งที่ในขณะเดียวกันท่านก็สามารถเพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษทั้งหมดที่กิลด์สามารถมอบให้ได้ในฐานะนักผจญภัยงั้นเหรอคะ สิทธิพิเศษเหล่านี้มันมีไว้เพื่อนักผจญภัยที่คอยปฏิบัติหน้าที่อยู่ตลอดเวลานะคะ แม้แต่พวกเด็กยังรู้เลย」

「อึก….」

「อย่างไรก็ตาม กฎก็ย่อมเป็นกฎค่ะ การเพิกถอนสิทธิ์ดังกล่าวจะยังเหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อได้คุยกับท่านโซระเช่นนี้แล้ว ก็ดูเหมือนว่าท่านจะละเลยหน้าที่ของท่านในฐานะนักผจญภัยตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมาจริงๆ 」

น้ำเสียงที่ดังฟังชัดเจนออกมาจากปากของพนักงานต้อนรับ

ฉันไม่สามารถแม้แต่จะปฏิเสธมัน ผมทำได้เพียงพยายามเปิดและปิดปากเหมือนจะพูดอะไรออกมาอย่างไร้จุดหมาย

ผมเดาว่าท่าทางของผมที่เป็นแบบนั้น ทำให้พนักงานต้อนรับมองว่าปล่อยไว้นานกว่านี้ก็เสียเวลาเปล่า จึงทำการพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไร้เยื่อใย

「นี่เป็นรางวัลของท่านสำหรับเควสในวันนี้ค่ะ ขอให้ท่านโชคดี- เชิญท่านถัดไปได้เลยค่ะ」

「เดี๋ยว—」

ผมที่หมายจะขอให้เธอรออีกสักหน่อยก็ถูกตัดบทไป ดูเหมือนพนักงานต้อนรับคนนั้นจะไม่ได้สนใจอะไรผมอีกแล้ว

เหล่านักผจญภัยที่รออยู่ข้างหลังผมก็ต่างจับจ้องมาที่ผมราวกับกับเร่งให้ผมออกจากแถวไปสักที

แน่นอนว่าพวกเขาต่างก็เป็นเหล่าผู้ที่มีระดับสูงกว่าผมทุกคน สายตาที่จ้องมามองนั้นย่อมสร้างความสะพรึงให้กับผมได้เป็นอย่างมาก

ผมแสร้งทำเป็นยิ้มออกมา ขณะที่รู้สึกสมเพชตัวเองอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจ

การกระทำเช่นนี้ก็เป็นเหมือนกับพังพอนผายลม

(Note : พอมีปัญหาก็มักจะหาทางออกฉุกเฉินมาแก้ขัดไปก่อน)

ผมคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะสร้างชื่อเสียให้กับพนักงานต้อนรับได้บ้าง…แต่พอกลับมาคิดอีกที เธอคนนั้นก็ทั้งสาวและสวยแถมเป็นที่นิยมในหมู่นักผจญภัยอีก

หากไปด่าเธอเสียๆ หายๆ คงไม่พ้นโดนนักผจญภัยคนอื่นมารุมกระทืบเอา

ท้ายที่สุดผมก็ทำได้เพียงเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความสลดใจ

โดยปกติแล้วหลังจากผมทำเควสเสร็จ ผมก็มันจะไปยังโซนทานอาหารเพื่อซื้อเอล (เบียร์) สักแก้ว แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ผมไม่มีอารมณ์จะทำแบบนั้น

เดี๋ยวสิ ก่อนหน้านั้น–

「เธอยังไม่คืนตรานักผจญภัยมาให้เราเลยนี่นา…เอาจริงเหรอเนี่ย? 」

พอผมส่งเควสไปพร้อมกับตราเสร็จ เธอกลับคืนมาเพียงค่าตอบแทนแต่ไม่มีตราอยู่ในนั้นด้วย

ตรานักผจญภัยเป็นสิ่งที่มีไว้เพื่อยืนยันตนเองในฐานะนักผจญภัย อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่มีไว้เพื่อใช้รับสิทธิพิเศษในฐานะพนักผจญภัยจากทางเมืองอีกด้วย

พูดง่ายๆ ก็คือถ้าไม่มีตรา ผมก็ไม่ได้รับสิทธิ์ใดๆ อีก

เมืองอิชกะ หรือที่รู้จักกันในเมืองแห่งเสรีหรือเมืองเหล่านักผจญภัย เมืองแห่งนี้มักถูกเหล่ามอนสเตอร์อยู่เป็นประจำ

โดยปกติแล้ว ก็จะมีเหล่าอัศวินและทหารที่มีหน้าที่ในการปกป้องเมือง แต่เมืองอิชกะนั้นแตกต่างออกไปเนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาเหล่านักผจญภัยเป็นจำนวนมาก นโยบายและสิทธิพิเศษต่างๆ จึงเอื้อให้กับคนเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่

ซึ่งก็เป็นเหมือนกับที่พนักงานต้อนรับพูด

ผลประโยชน์ของพนักผจญภัยก็มีตั้งแต่การได้รับส่วนลดการซื้ออาวุธและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ รวมไปถึงการได้พักโรงเตี๊ยมในราคาที่ถูกลง และหากผมไม่มีตราของกิลด์ ค่าครองชีพที่ผมต้องแบกรับก็จะเพิ่มขึ้นมาถึง 30%

โดยปกติแล้วตรานักผจญภัยนั้นจะถูกส่งมอบพร้อมกับเควสเพื่อเป็นการยืนยัน ก่อนจะถูกส่งคืนมาพร้อมกับรางวัลที่ได้

ความเป็นจริงที่ว่าพนักงานต้อนรับนั้นไม่ได้ส่งคืนตราดังกล่าวมาให้กับผม มันไม่ใช่เรื่องที่หยอกล้อกันเล่น แต่นั่นคือการที่บอกว่าเรื่องที่เธอพูดเป็นความจริง

…ในตอนนี้ความเป็นจริงที่ว่าผมถูกขับไล่ออกมาจากกิลด์นั้นได้ถาโถมเข้ามาหาตัวผมแล้ว แผ่นหลังของผมเริ่มสั่นโดยไม่รู้ตัว

หากผมไม่มีงานทำผมก็จะไม่มีรายได้ แถมเงินเก็บผมก็เหลืออยู่ไม่มากแล้วด้วย

จนถึงตอนนี้ที่ผมยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ก็เป็นเพราะการทานอาหารในพื้นที่ของกิลด์และการรับส่วนลดค่าที่พักของนักผจญภัย

นั่นหมายความว่าผมจะไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยได้อีกแล้วตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป

ผมก้าวออกมาจากกิลด์นักผจญภัยด้วยความงุนงง

องค์กรที่เป็นเป็นสมาชิกมากว่า ห้าปีแม้วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของผม ณ ที่แห่งนี้แต่ก็ไม่มีใครออกมาหยุดผม หรือคิดถึงผมเลยแม้แต่คนเดียว

เหมือนกับห้าปีที่แล้ว

ผมส่งเสียงหัวเราะอันว่างเปล่าออกมาจากปากของตัวเองโดยไม่รู้สึกตัว

เพราะการหัวเราะนั้น….เป็นสิ่งเดียวที่ผมจะทำได้ในตอนนี้

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code