บทที่ 172 รสชาติอีกอย่างหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 172 รสชาติอีกอย่างหนึ่ง

หลังจากที่รู้ว่าบริษัทถูกโอนย้ายไปให้เถ้าแก่คนใหม่ เจียงมู่หลงอยากไปเจอเถ้าแก่คนนั้นมาก บริษัทถูกควบซื้อ ทั่วทั้งตระกูลเจียงก็พูดได้ว่ากลายเป็นลูกจ้าของเถ้าแก่คนนั้น เจียงมู่หลงในฐานะที่เป็นผู้นำตระกูลเจียง แน่นอนว่ามีความคิด ที่จะมีความสัมพันธ์ที่แนบชิด

เรื่องที่ดีที่สุด ก็คือเป็นเพื่อนกับเถ้าแก่ได้ ทำให้เขามอบบริษัทให้ตัวเองดูแล เป็นแบบนี้ เจียงมู่หลงคิดว่าตัวเองก็มีหน้ามีตาในตระกูลพอถูไถไปได้

แต่ว่า เฝิงจงเหลียงบล็อกเจียงมู่หลงไปตั้งนานแล้ว หลังจากที่ยามหน้าประตูเห็นเขา ขวางกั้นเขาไว้เลย เจียงมู่หลงเขาไม่กล้าบุกเข้าไปอย่างดื้อรั้นด้วยซ้ำ

ยืนอยู่ที่หน้าประตูบริษัท เขาเห็นมู่เซิ่ง เดินออกมาจากลิฟต์

“เศษสวะนี่ก็อยู่ที่นี่ด้วย?”

เจียงมู่หลงมาที่มู่ซื่อ กรุ๊ปก็เพื่อที่จะพบหน้ากับเฝิงจงเหลียง คิดไม่ถึงว่าจู่ๆจะพบกับมู่เซิ่งเศษสวะคนนี้ได้ เขามาที่นี่ทำไมกัน?

ในสายตาของเขา มู่เซิ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะมาที่นี่ด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเพิ่งจะถูกยามขวางไว้ เจอเศษสวะคนนี้ระบายอารมณ์ก็ดีเลย

เจียงมู่หลงเดินก้าวเท้ามาตรงหน้าของมู่เซิ่ง พูดอย่างเยือกเย็นว่า : “เศษสวะ เจียงหว่านล่ะ?หลังจากที่เธอทำร้ายตระกูลเจียงแล้ว หลบซ่อนตัวอย่างหวาดกลัวแล้ว แม้แต่มู่ซื่อกรุ๊ปก็ไม่กล้าไปด้วยตัวเอง?”

“เธอทำร้ายตระกูลเจียง?เจียงมู่หลง ตั้งแต่ต้นจนจบ ล้วนเป็นเพราะแกใช้ทั้งตระกูลเจียงพุ่งเป้ามาที่เธอ” มู่เซิ่งสีหน้านิ่งเฉย เอ่ยปากพูดกล่าว

“เหอะๆ ถ้าหากว่าเธอไม่ใช่หญิงสารเลว ทำไมฉันจะต้องพุ่งเป้าไปที่เธอด้วย?เกรงว่าเธอก็คงนอนกับชายอื่นแล้วสินะ มิเช่นนั้นจะมีกำลังมากมายขนาดนี้มาจัดการตระกูลเจียงได้ยังไงกัน?”

เจียงมู่หลงโมโห ชี้ด่ามู่เซิ่งอย่างหยาบคาย

ปัง!

เขาพูดเสร็จ หน้าท้องของเขา ก็ถูกต่อยอย่างหนักหน่วงแล้ว

สายตาของมู่เซิ่งเย็นชา เผยเจตนาฆ่าออกมา พูดอย่างเยือกเย็น : “เจียงมู่หลง พูดจาให้มันดีๆหน่อยนะ ขืนแกกล้าพูดจาสบประมาทเจียงหว่านประโยคเดียว เชื่อไหมว่าฉันจะทำให้แกเดินออกไปจากประตูใหญ่ของตึกนี้ไม่ได้?”

เจียงมู่หลงเอามือจับท้องหมอบลงกับพื้นอย่างเจ็บปวด นัยน์ตานำมาซึ่งความหวาดกลัว

เขาถูกมู่เซิ่งต่อยไม่ใช่แค่หนึ่งครั้ง รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำ แม้ว่าคืนหมัดก็สู้เขาไม่ได้ เจียงมู่หลงมองดูรอบๆ กลับเห็นยามข้างๆมองเขาอย่างกับมองดูละคร อดไม่ได้ที่จะพูดด่าหยาบคาย ยามกลุ่มนี้ เป็นเศษสวะที่รับเงินเป็นอย่างเดียวเหรอ!

เศษสวะคนนี้ต่อยคนในนี้ พวกแกก็แค่มองดู?

เขาหารู้ไม่ ยามเหล่านั้นรู้ว่าตัวตนของมู่เซิ่งไม่ธรรมดาตั้งนานแล้ว แม้แต่ประธานสวีก็ยังเคารพมาก ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเจียงมู่หลงลงมือ พวกเขาลุกขึ้นห้ามปรามตั้งนานแล้ว

“แกบอกว่าเจียงหว่านไม่ใช่คนลงมือ งั้นทำไมหลี่หยางถึงมาเก็บเงินกู้ธนาคารจากบริษัทของพวกเราคืนล่ะ?ถ้าหากไม่ใช่สถานการณ์เช่นนี้ บริษัทของเราจะใกล้ล้มละลาย ถูกคนควบซื้อกิจการได้ยังไง?” เจียงมู่หลงพูดอย่างขบเคี้ยวเขี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง

ได้ฟังคำนี้ มู่เซิ่งยิ้มเบาๆ “ถ้าหากว่าแกไม่ไปหาเฝิงจงเหลียงเพื่อเอาสัญญาที่ในมือของเจียงหว่าน จะเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?พูดมาถึงตอนท้าย ก็เป็นเพราะแกทำตัวเองแล้ว”

“แก——”

เจียงมู่หลงกัดฟัน ดวงตาแดงระเรื่อ

เขารู้ สิ่งที่มู่เซิ่งพูดเป็นความจริง

แต่ว่าเขาไม่สามารถยอมรับได้ ตัวเองสูญเสียทุกอย่างแล้ว เศษสวะคนนี้กลับกลายว่ามีท่าทางที่สูงส่ง!

“เจียงมู่หลง รสชาติจากประธานเปลี่ยนเป็นพนักงานรับจ้าง รู้สึกค่อนข้างแย่สินะ?แต่ว่าไม่นาน แกจะได้สัมผัสถึงรสชาติอีกอย่างหนึ่ง ทำให้แกเข้าใจโดยสิ้นเชิง ว่าแกล่วงเกินคนแบบไหนแล้ว” มู่เซิ่งยิ่งเบาๆ หันหลังเดินออกจากประตูใหญ่ของมู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว

สำหรับการถามของเจียงมู่หลง เขาไม่ได้โมโห เพราะว่าเขารู้เรื่องราวที่ผ่านมาดี ที่เจียงมู่หลงมีจุดจบในวันนี้ เพราะว่าเขามีพฤติกรรมคอยผสมโรง และไม่นาน หลังจากที่เจียงหว่านเข้าไปยังบริษัทของเจียงมู่หลงในฐานะประธานคนใหม่ เขาจะทำให้เจียงมู่หลงถูกลิดรอน ไม่มีสิทธิ์แม้แต่เป็นผู้นำตระกูลเจียง

แต่ในเวลาแบบนี้ มู่เซิ่งขี้เกียจจะพูดออกมา เขาก็ไม่มีความคิดที่จะจุกจิกกับเจียงมู่หลง ถ้าหากลงมือจริงๆ เขามีแปดชีวิตก็ใช้ไม่พอ

เจียงมู่หลงรีบเดินไล่ตามไป คิดอยากจะกดมู่เซิ่งเพื่อถามให้รู้เรื่อง เขายังสัมผัสได้ถึงรสชาติอะไรบางอย่าง หรือว่าไม่มีบริษัทยังไม่พองั้นเหรอ?แต่ว่าเขาไม่กล้า ทำได้เพียงมองดูมู่เซิ่ง เดินออกไปจากเส้นสายตา

หลังจากที่มู่เซิ่งจากไป เพราะว่ารถถูกเจียงหว่านขับออกไปแล้ว เขาซื้อตั๋วรถจากสถานีรถ นั่งหน้ารถบัสไปยังอำเภอซานเซี่ยง

บนรถ เขายังรับสายจากจ้าวเหมยเหมยแล้ว

หลังจากรับสาย มู่เซิ่งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสาวของจ้าวหลิน นิสัยมนุษย์ป้าใจหยาบด่ากราดไปทั่ว เป็นคนที่ออกมาแบบเดียวกับเธอเลย อีกอย่างดูถูกเขาจากใจจริง ทำไมจู่ๆถึงโทรศัพท์หาเขาแล้วล่ะ?

หลังจากที่ลังเลครู่หนึ่ง มู่เซิ่งรับสายแล้ว

“มู่เซิ่ง ทำไมแกยังมามาอีก มะรืนนี้ก็เป็นวันเกิดของตาแล้ว แกคงไม่ได้คิดที่จะไม่มาหรอกนะ?” เพิ่งจะรับสาย จ้าวเหมยเหมยก็พูดถามด้วยน้ำเสียงที่สอบถาม

“ผมทำธุระอยู่ที่บริษัท เพราะงั้นไปล่าช้าแล้ว วันนี้กลับบ้านนะ” มู่เซิ่งพูดอย่างนิ่งๆ

“พอได้แล้วเถอะ ไม่ต้องหลอกกันแล้ว แกนี่นะยังมีบริษัทอีกด้วย?”

จ้าวเหมยเหมยแสดงให้เห็นว่าไม่เชื่อ พูดอย่างเยาะเย้ยว่า : “มู่เซิ่ง วันๆแกนอกจากทำกวาดบ้านทำกับข้าวในบ้าน เป็นผู้ชายที่รับผิดชอบงานบ้านแล้ว ยังทำอะไรเป็นอีก?ถ้าหากว่าแกจะหางานทำจริงๆ มาขอร้องฉันก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?ลูกเขยของฉันเปิดบริษัทแห่งหนึ่งพอดี ช่วยแนะนำให้แกไปเป็นยามที่นั่นได้”

ในคำพูด เผยให้เห็นการดูถูกอย่างลึกซึ้ง มู่เซิ่งไม่ได้แปลกใจ เดิมทีจ้าวเหมยเหมยก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เหมือนว่าปีนี้ยังได้ลูกเขยร่ำรวยกลับมาด้วย

“ขอบคุณความหวังดีของคุณ แต่ว่าผมยังมีงานที่ต้องทำ ไม่จำเป็น” มู่เซิ่งพูดอย่างเยือกเย็น วางสายแล้ว

“ถุย ยังมีงาน เป็นผู้ชายที่รับผิดชอบงานบ้านไม่ใช่เหรอ อะไรกันเชียว!”

ถูกวางสายใส่ จ้าวเหมยเหมยโมโหอย่างมาก ชี้ที่สายไม่ว่างไม่โทรศัพท์พร้อมด่าทอ

เจียงหว่านนั่งอยู่บนโซฟา ถอนหายใจอย่างจนใจ

หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก แม้ว่าอยู่โรงแรม ก็ดีกว่าอยู่บ้านของจ้าวเหมยเหมย

จ้าวเหมยเหมยเห็นเช่นนี้ ยังคิดว่าเจียงหว่านเป็นกังวลว่ามู่เซิ่งมาแล้วจะขายขี้หน้า พูดเยาะเย้ยอย่างเย็นชาว่า “เจียงหว่าน ไม่ต้องเป็นกังวล ถึงยังไงมู่เซิ่งก็ขายขี้หน้ามาหลายปีขนาดนั้นแล้ว วันนี้มาที่นี่ ก็ไม่ถือว่าอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงแค่เขามาช่วยถูพื้นล้างถ้วยที่บ้านของเรา พวกเราก็ไม่มีทางพูดอะไร”

ในสายตาของเธอ เห็นมู่เซิ่งเป็นพ่อบ้านแล้ว นอกจากล้างถ้วยเช็ดพื้น ก็ไม่มีอย่างอื่นอีก

จ้าวหลินพูดอย่างดูถูกว่า “จ้าวเหมยเหมย แกอย่าได้ใจขนาดนั้น หลังจากรอมู่เซิ่งมาแล้ว พวกแกจะต้องเสียใจภายหลัง!”

“เสียใจภายหลัง ทำไมฉันจะต้องเสียใจภายหลังด้วย?” จ้าวเหมยเหมยรู้สึกขำ

“เสียใจภายหลังแน่นอน ทำไมถึงได้ตาบอดแบบนี้ ล่วงเกินลูกเขยของฉันแล้ว!” จ้าวหลินพูดภาคภูมิใจอย่างมาก

“ฮ่าๆๆ!”

ได้ฟังคำนี้ อย่าว่าแต่จ้าวหลิน แม้แต่เฉินเสวียลี่และถงเสว่เหมยทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาแล้ว ล่วงเกินมู่เซิ่ง?เขาคู่ควรเหรอ?

ในสายตาของเฉินเสวียลี่ มู่เซิ่งไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลียรองเท้าให้เขาเลยด้วยซ้ำ คาดเดาว่าจ้าวหลินโมโหจนบ้าไปแล้ว เพราะงั้นถึงได้พูดคำพูดที่เพ้อฝันออกมาสินะ?

“แม่ ไม่ต้องพูดกับพวกเขาแล้ว” เจียงหว่านพูดอยู่ข้างๆ

คุยกับคนแบบนี้ จะมีความหมายอะไร?

จ้าวหลินจองม้องอย่างไม่ศิโรราบ เมื่อก่อนมู่เซิ่งเป็นเศษสวะ ถูกจ้าวเหมยเหมยเยาะเย้ยก็ถือว่าช่างเถอะ ตอนนี้เธอจะอดทนได้ที่ไหนกัน?ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจียงหว่านตักเตือนให้ระวัง เธอบ้าไปนานแล้ว!

“แกก็รอดูเอาเถอะ!” จ้าวหลินพูดอย่างโหดเหี้ยม