บทที่ 158.1 เด็กเรียน (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้ก็จบลงด้วยการที่กู้เจียวต้องหอมหัวกลมของจิ้งคงไปสามที

จิ้งคงไม่มีกะใจวอแวกับพี่เขยตัวแสบอีกต่อไป เขาเอามือป้องหัวแล้วรีบวิ่งหลุนๆ เข้าไปข้างในเรือน ก่อนจะนำผ้ามาโพกหัวไว้ หวังให้มันงอกขึ้นมาอีกครั้ง!

หลังจากที่ทั้งสามรักษาอาการตุ่มขึ้นตามตัวกันจนหายดีแล้ว ก็กลับไปเรียนหนังสือได้ตามปกติ หญิงชราเองก็ย้ายกลับมาอยู่ที่เรือนดังเดิม

จี้จิ่วอาวุโสนั้นพอรู้ข่าวก็ซาบซึ้งจนห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่

ในที่สุด นางก็ย้ายออกไปเสียที!

จะได้ไม่ต้องมีคนมาใช้มีดขู่ขอเงินกินข้าวอีก!

เซียวลิ่วหลังลาหยุดไปหลายวัน เลยมีการบ้านกองโตที่ยังไม่ได้ทำ แถมต้องมาเตรียมสอบก้งเซิงปีหน้าอีก จึงหน้าดำคร่ำเครียดกันไปตามระเบียบ

เฝิงหลินกับหลินเฉิงเย่ก็จะเข้าสอบด้วยเหมือนกัน แม้จะไม่ได้เตรียมใจมาสอบก็ตาม

ดังนั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กู้เจียวจะรับหน้าที่รับส่งจิ้งคงไปโรงเรียนเอง จะได้ไม่รบกวนเวลาอ่านหนังสือของเซียวลิ่วหลัง

เด็กคนอื่นๆ ในชั้นเรียนของจิ้งคงเองก็เริ่มเป็นอีสุกอีใสกันมากขึ้น สาวความไปมาก็พบว่าเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาที่ชื่อว่าฉินฉู่อวี้เป็นผู้เริ่มต้นแพร่เชื้อ

แน่นอนว่าจิ้งคงได้รับเชื้อจากฉินฉู่อวี้มา แล้วมาแพร่ต่อให้คนในเรือนอีกที

แต่ดูเหมือนฉินฉู่อวี้จะฟื้นฟูร่างกายได้ไม่ไวเท่าจิ้งคง

และเนื่องจากมีเด็กขอลาหยุดจำนวนมาก จึงต้องเลิกเรียนเร็วกว่าปกติ

ปกติหลังเลิกเรียน จิ้งคงจะนั่งอยู่ในห้องต่อเพื่อทำการบ้าน เลยกลายเป็นว่าวันนี้เขาต้องมานั่งทำในโรงหมอแทน

สักพักพอถึงเวลาที่สำนักบัณฑิตชิงเหอเลิกเรียน กู้เจียวก็พาเขากลับเรือนด้วยกัน

จิ้งคงมักจะมานั่งทำการบ้านที่โรงหมอเป็นบางวัน ไม่รู้ว่าเถ้าแก่รองไปหาขนมนมแพะจากที่ไหน จิ้งคงพอได้ลองก็เอาแต่ชมออกปากว่าอร่อยนักอร่อยหนา

กู้เจียวจึงได้รู้ว่า จิ้งคงกินขนมที่ทำจากนมได้อย่างไม่มีปัญหา

กู้เจียวไหว้วานให้เถ้าแก่รองช่วยซื้อนมแพะสดมาให้ เพื่อจะเอามาต้มให้จิ้งคงดื่ม

มีอยู่ครั้งนึงเขาซื้อนมแพะมาเยอะเกิน จิ้งคงดื่มไปได้แค่ครึ่งหม้อเท่านั้น ทั้งกู้เจียวและกู้เสี่ยวซุ่นดื่มนมแพะไม่เป็น แต่จะให้เททิ้งก็กะไรอยู่

กู้เจียวครุ่นคิดอยู่พัก ก็เกิดความคิดขึ้น เอาใบชาและน้ำตาลใส่ลงไปในนมแพะแล้วต้มจนเกิดกลิ่นหอมอบอวลของใบชาและนม

เหล่าบัณฑิตหญิงพอเดินผ่านบริเวณหน้าโรงหมอก็พลันได้กลิ่นหอมนี้ จึงเดินเข้ามาถามว่าสิ่งนี้คือสิ่งใด

กู้เจียวนึกได้ดังนั้น จึงตอบออกไป “ชานมไงเล่า”

จากนั้นก็จัดแจงตักชานมใส่ถ้วยแล้วให้เหล่าบัณฑิตหญิงได้ชิม

พวกนางคุ้นเคยแค่น้ำชาใสๆ ทั่วไป หรือไม่ก็ชาเนยทิเบตที่มีรสชาติเค็มปะแล่มๆ แม้ว่าชาเหล่านั้นจะอร่อยเพียงใด แต่ชาที่พวกนางกำลังได้ลิ้มลองอยู่นั้น รสชาติหวานหอมละมุนของมันเป็นที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง

สวรรค์โปรด รสสัมผัสแปลกใหม่นี้ ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก อร่อยเป็นบ้าเลย!

“ยังมีอีกไหม ขออีกได้ไหม” บัณฑิตหญิงผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

กู้เจียวส่ายหัว “วันนี้ข้าทำมาน้อย เลยหมดแล้ว พรุ่งนี้พวกเจ้ามาใหม่แล้วกัน เดี๋ยวข้าทำเพิ่มไว้”

วันต่อมา บริเวณหน้าโรงหมอมีแต่คนมายืนต่อแถวยาวเป็นหางว่าว

เถ้าแก่รองที่เพิ่งเดินออกจากห้องเก็บของ พอเห็นสภาพการณ์ตรงหน้าก็อดรู้สึกประหลาดใจมิได้ พลางคิด ไฉนวันนี้มีคนป่วยเยอะนัก ถึงกับต้องมาต่อแถวรอรักษากันเชียวรึ ที่น่าแปลกคือคนเหล่านี้ล้วนเป็นบัณฑิตหญิงทั้งสิ้น หรือว่าที่สำนักบัณฑิตสตรีจะมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นเช่นนั้นหรือ

พวกนางมาหาหมอเสียที่ไหนกัน มารอต่อแถวซื้อชานมกันต่างหากเล่า

กู้เจียวตั้งราคาไว้สูงพอตัว แต่ถึงกระนั้น ก็ยังไม่พอกับความต้องการอยู่ดี

ความนิยมของเครื่องดื่มชนิดใหม่นี้ ทำเอาเถ้าแก่รองถึงกับตกใจจนเบิกลูกตาอ้าปากค้างเลยทีเดียว

เขาเปิดโรงหมอมาตั้งหลายปี ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าจะมีรายได้เสริมจากงานรอง

แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจเร็วไป ด้วยความที่ชานมมีวิธีการทำที่ไม่ซับซ้อน พอได้ลองดื่มก็รู้แล้วว่าจะต้องชงออกมาอย่างไร

ร้านค้าที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงจึงเริ่มทำธุรกิจชานมตามกันมาเรื่อยๆ ซ้ำเหล่าแม่ครัวพ่อครัวของพวกบัณฑิตหญิงก็เริ่มเรียนรู้ที่จะทำชานมกันได้แล้ว ไม่นานควานิยมของโรงหมอก็ค่อยๆ ตกลงไป

วันนี้ จิ้งคงมาเขียนการบ้านที่โรงหมออีกครั้ง

พอเขาเห็นเถ้าแก่รองกำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดและถอนหายใจ ก็วางปากกาในมือลง แล้วถามไถ่เถ้าแก่ “ท่านถอนหายใจทำไมรึ”

“ก็ขายไม่ดีเลยน่ะสิ” ชานมที่ว่านอกจากจะรสชาติหวานหอมถูกปากแล้ว ต้นทุนยังต่ำ ทำกำไรได้ดี เขายังวางแผนจะทำห้องอุ่นไว้เพื่อให้พวกบัณฑิตหญิงมานั่งจิบชาในบรรยากาศสบายๆ ด้วยซ้ำ

เถ้าแก่รองเพิ่งจะลิ้มรสความสำเร็จได้ไม่กี่วัน ก็ถูกสกัดดาวรุ่งจนได้

และนั่นก็เพราะเจ้าอื่นขายถูกกว่าเขา เลยโดนตัดเรื่องราคา ขณะที่ต้นทุนของพวกเขาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เพราะกู้เจียวเลือกแต่ใบชาชนิดดีที่สุดเท่านั้น

“กลุ้มใจชะมัด!” เถ้าแก่รองได้แต่ระบายความอัดอั้นใจนี้

พอจิ้งคงได้ฟังเรื่องราวดังนั้น ก็ตัดสินใจอยากลองพิสูจน์ด้วยตัวเองสักครั้ง

“เจียวเจียว ข้าขอดื่มชานมสักจอกนึงสิ!”

เด็กน้อยไม่ควรกินชา กู้เจียวจึงให้เขาชิมแค่นิดเดียวเท่านั้น

อร่อยจริงด้วย!

จิ้งคงมองว่าสูตรชานมของกู้เจียวไม่มีปัญหาอย่างใด!

พอชิมเสร็จก็เดินหน้านิ่งเข้าไปที่ห้องอุ่น

ในใจก็นึกอยากจะถามว่าทำไมบรรดาบัณฑิตหญิงถึงไม่มาต่อแถวซื้อกันแล้ว ครั้นกำลังจะอ้าปากเอ่ยถาม ทันใดนั้นก็มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเข้ามานั่งที่โต๊ะพลางร้องโอดครวญ

“เป็นอะไรรึ ปวดท้องมาล่ะสิ” จิ้งคงเอ่ยถาม

“ข้าไม่ได้ปวดท้อง แต่ข้าปวดหัวต่างหาก!” เด็กหญิงทำหน้ายู่

อาจารย์สั่งการบ้านโหดเกิน นางทำไม่ไหว!

จิ้งคงจึงปีนขึ้นไปบนเก้าอี้เพื่อดูการบ้านของนาง นี่เหมือนกับที่เขาเคยเห็นผ่านตามาเลยนี่นา เจียวเจียวน่าจะช่วยได้นะ!

จิ้งคงเลยเอาไปให้กู้เจียวช่วยดู

ระหว่างนั้นเอง กู้เจียวกำลังต้มสกัดยาเม็ดอยู่

จิ้งคงยื่นกระดาษในมือให้นาง “เจียวเจียว! โจทย์พวกนี้ข้าไม่เคยทำ เจ้าช่วยทำให้ทีสิ ทำเสร็จแล้วเอาให้ข้าดูด้วยนะ!”

“ได้สิ” กู้เจียวรับปาก จากนั้นหยิบกระดาษมาอ่าน

โจทย์พวกนี้ล้วนเป็นข้อคำนวณทั้งสิ้น

ห้องเด็กพิเศษเองก็มีการบ้านเป็นโจทย์คำนวณอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่ละข้อนั้นไม่ใช่ง่ายๆ เลย

กู้เจียวไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบกระดาษแผ่นใหม่ออกมา จากนั้นใช้ดินสอเขียนคำตอบลงไป

แต่ไหนแต่ไรจิ้งคงไม่เคยคิดจะลอกคำตอบของกู้เจียวอยู่แล้ว เขาใช้วิธีเรียนรู้จากการมอง พอจับทางได้แล้ว ก็ลองทำตามกู้เจียวก่อนหนึ่งรอบ ถ้ายังทำไม่ได้ ก็ลองต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถูกต้อง

กู้เจียวไว้ใจให้จิ้งคงทำโดยที่นางไม่ต้องมาคอยกำกับเขา

พอทำเสร็จ จิ้งคงก็รีบเอากระดาษโจทย์และกระดาษคำตอบไปคืนให้เด็กหญิงคนนั้น “อ่ะนี่ คำตอบ!”

แต่ดูเหมือนเด็กหญิงมีท่าทีไม่อยากเชื่อเท่าไหร่นักว่าเด็กน้อยตัวเล็กๆ อย่างจิ้งคงจะแก้โจทย์ให้นางได้ เลยมองว่าคงเขียนมาให้มั่วๆ กระมัง

แต่ต่อให้เขียนมามั่วๆ อย่างไรก็เขียนออกมาได้อยู่ดี นางเองใช่ว่าจะไม่เคยเขียนคำตอบมั่วๆ ส่งให้อาจารย์เสียหน่อยนี่

เด็กหญิงได้แต่เบะปาก แล้วจำใจเขียนคำตอบลงไป

วันต่อมา พอถึงเวลาส่งการบ้าน ทั้งห้องมีบัณฑิตหญิงอยู่แค่สามคนที่แก้โจทย์ได้ ได้แก่กู้จิ่นอวี๋ จวงเยว่ซี และ…เด็กหญิงผู้นั้น!

เด็กหญิงผู้นี้มาจากตระกูลอวี๋ ใช้เส้นสายเข้ามาเรียนที่สำนักบัณฑิตสตรีเช่นกัน ตำแหน่งในห้องคือสลับกันเป็นที่โหล่กับจวงเมิ่งเตี๋ย ตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ นางแทบไม่เคยได้รับคำชมจากอาจารย์เลยแม้แต่ครั้งเดียว!

แน่นอนว่าแม่นางอวี๋ผู้นี้ไม่ใช่คนหวงวิชาแต่อย่างใด นางจึงเอาเรื่องโรงหมอของกู้เจียวบอกกับกลุ่มเพื่อนอย่างไม่มีหมกเม็ด

ทำให้บ่ายวันนั้น โรงหมอจากที่เคยเงียบอยู่ช่วงหนึ่ง ก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง!

จิ้งคงน้อยจอมเจ้าเล่ห์เดินผายอกออกมาจากโรงหมอ จากนั้นหันหน้าไปทางร้านชานมคู่แข่ง!

แบร่ แบร่ แบร่ พวกเจ้าเลียนแบบสูตรชานมของกู้เจียวได้ก็จริง แต่พวกเจ้าไม่มีทางเลียนแบบสติปัญญาของนางได้หรอก!