ตอนที่ 155

The simple life of the emperor

เทียนหลางเดินตรงไปด้านหน้าโดยที่ไม่สนใจเสียงเรียกของหัวหน้าบอดี้การ์ดเลยแม้แต่น้อย เขาทำได้เพียงยืนมองดูเทียนหลางพร้อมกับคิดว่าจะทำยังไงกับสถานะการณ์ตรงหน้าดี เพราะเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่เขาจะทันได้ตั้งตัว

เพราะเมื่อห้านาทีก่อนเขายังยิงต่อสู้กับกลุ่มคนติดอาวุธอยู่เลย แต่เพียงไม่กี่นาทีที่เด็กหนุ่มคนนั้นปรากฏตัวออกมา กลุ่มคนติดอาวุธสงครามครบมือกลับตายลงอย่างน่าประหลาด
เขาอยู่ในแวดวงนี้มานับสิบปีพบเห็นอะไรมาก็มาก แต่เขาไม่เคยพบเจอเหตุการณ์น่าตกใจแบบนี้มาก่อน และทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้
เกี่ยวกับสิ่งที่หัวหน้าเก่าของเขาได้เคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว เกี่ยวกับคนกลุ่มหนึ่งที่แข็งแกร่งเกินกว่าสามัญสำนึกของมนุษย์ พวกเขามีอำนาจมากพอที่จะเรียกลมเรียกฝนได้ดั่งใจ พวกเขาเหล่านั้นถูกเรียกว่าเหล่าผู้บ่มเพาะ
แต่จากที่หัวหน้าของเขาได้เคยบอกว่า เหล่าผู้บ่มเพาะนั้นมักจะเป็นคนแก่ที่ไม่ค่อยสนใจโลกภายนอก และมักจะบำเพ็ญเพียรอยู่ตามหุบเขา หรือในป่าเสียมากกว่า น้อยครั้งนักจะออกมาสู่โลกภายนอก
แต่คนตรงหน้านี้ดูยังไงก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยรุ่นทั่วไปเท่านั้น ไม่น่าจะใช่ผู้บ่มเพาะที่สามารถเรียกลมฝนได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างงั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเขาก็สามารถยืนยันได้เรื่องหนึ่งแล้วก็คือ เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นคนที่ไม่สมควรจะถูกทำให้โกรธอย่างแท้จริง
เทียนหลางเดินตรงไปยังจุดปะทะอีกจุดหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปเขาก็ตะโกนเรียกคนพวกนั้น
“เฮ้ พี่ชาย !!”
กลุ่มคนร้ายติดอาวุธที่กำลังระดมยิงอยู่นั้น เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเทียนหลางพวกเขาก็ถึงกับหยุดชะงักเล็กน้อยและหันความสนใจมาทางเขาทันที
“มีอะไรไอหนู พวกฉันกำลังยุ่งแกรีบถอยไปจะดีกว่า”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
“พอดีว่าเพื่อนของพวกพี่ชายมาให้ผมเรียกคุณไปพบนะ”
เมื่อพวกนั้นได้ยินคำพูดของเทียนหลาง พวกเขาก็งุนงงเล็กน้อยก่อนจะถามออกมาด้วยความสงสัย
“เรียกพวกฉัน ? สมองแกดีหรือเปล่า ?”
เทียนหลางยิ้มก่อนจะพบอกว่า
“จริงๆนะพี่ชาย เพื่อนของพี่เขาบอกว่ามีเรื่องด่วนที่จะปรึกษานะ”
ชายคนนั้นได้ยินก็คิดเล็กน้อยก่อนจะถามเทียนหลางกลับไปว่า
“ทางนู้นจัดการกันเสร็จแล้วงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะบอกว่า
“ใช่ เสร็จแล้วครับพวกเขาอยากให้พวกคุณไปพบ”
เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็ถึงกับขมวดคิ้วและอดไม่ได้ที่จะโวยวายออกมาด้วยความไม่พอใจว่า
“ถ้าพวกมันจัดการเสร็จแล้วก็มาช่วยกันสิวะ ทำไมต้องส่วนไอเด็กนี่มาบอกด้วย !?”
เทียนหลางเดินเข้าไปหาชายคนนั้นพร้อมกับเกาหัวก่อนจะพูดออกมาว่า
“ช่างเถอะ สิ่งที่ผมจะบอกก็บอกไปแล้วเอาเป็นว่าผมจะส่งพวกพี่ไปพบกับเพื่อนก็แล้วกันนะ”
ชายคนนั้นได้ยินก็แสดงสีหน้างุนงงออกมาก่อนจะถามด้วยความสงสัย
“อะไรของแกกันแน่ไอหนู ?”
เทียนหลางส่ายหน้าก่อนจะสบัดนิ้วเบาๆ ร่างของชายคนนั้นก็ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ ต่อหน้าต่อตาเพื่อนของเขาที่กำลังยิงปะทะกับเหล่าบอดี้การ์ดอยู่
เมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนตายด้วยฝีมือของเด็กหนุ่ม พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะหันปืนมาทางเทียนหลางและระดมยิงเข้าใส่ทันที
แต่มีหรือของเหล่านี้จะทำอะไรเทียนหลางได้ ทันจังหวะที่กระสุนกำลังจะเข้าปะทะกับร่างกายของเขา ตัวกระสุนก็สลายหายไปทันที
ทันทีที่เห็นว่ากระสุนปืนทำอะไรเทียนหลางไม่ได้พวกเขาก็เริ่มที่จะเล่นของหนัก มีหนึ่งในนั้นได้หยิบระเบิดมือออกมาและเขวี้ยงเข้าใส่เทียนหลาง
แต่เหตุการณ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ระเบิดมือราวกับชนเข้ากับอะไรบางอย่างและได้ระเบิดขึ้นก่อนที่จะเข้าถึงตัวของเทียนหลาง และเมื่อเห็นว่าแม้แต่ระเบิดมือก็ยังทำอะไรเทียนหลางไม่ได้ พวกเขาก็เริ่มที่จะหวาดกลัวและระดมยิงใส่เทียนหลางอีกครั้ง
เทียนหลางมองคนเหล่านั้นเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวด้วยความเบื่อหน่าย และส่งให้คนเหล่านั้นกลายเป็นเศษเนื้อไปอย่างรวดเร็ว
เพียงเวลาไม่ถึงนาทีที่เทียนหลางปรากฏตัว สถานที่ที่เหมือนกับเป็นสนามรบย่อมๆก็ได้กลับมาเงียบสงบดังเดิม เหล่าบอดี้การ์ดเงยหน้าขึ้นมาจากที่ซ่อนตัวก็ถึงกับตกใจเมื่อเห็นว่ามีกองเศษเนื้อจำนวนมากอยู่บนพื้น
พวกเขาเริ่มออกมาจากที่ซ่อนและคอยมองสอดส่องไปรอบๆบริเวณ ก่อนจะสังเกตุเห็นเทียนหลางกำลังนั่งอยู่บนหลังคารถมองพวกเขาอยู่
เมื่อพวกเขาสังเกตุเห็นเทียนหลางก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจที่พบเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น และก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหล่าพวกคนติดอาวุธเหล่านั้นหายไปไหน
แต่เมื่อพวกเขานึกถึงกองเศษเนื้อบนพื้นถนนแล้ว พวกเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลังจากขบคิดอยู่นานก็ได้มีหนึ่งในบอดี้การ์ดถามกับเทียนหลางว่า
“เธอเป็นคนช่วยพวกเรางั้นเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการยืนยันคำตอบ เมื่อเหล่าบอดี้การ์ดได้เห็นแบบนั้นพวกเขาก็อดไม่ได้ที่ขมวดคิ้ว เพราะมันน่าเหลือเชื่อเกินไปที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งจะช่วยเหลือพวกเขาจากกลุ่มคนติดอาวุธครบมือ โดยที่ไม่มีแม้แต่บาดแผลเลย
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังสับสนกันอยู่นั้น หัวหน้าบอดี้การ์ดก็วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเทียนหลางก่อนจะกล่าวขอบคุณเขา
“ขอบคุณเธอมากเลยนะ ที่ช่วยพวกฉันและคุณหนูเอาไว้ ถ้าหากเธอต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ขอให้บอกฉันได้เลยนะ”
“ทุกอย่างงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางถามกลับ หัวหน้าบอดี้การ์ดก็พยักหน้า เทียนหลางจึงคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“พวกคุณหากระดาษกับปากกาให้ผมหน่อยสิ”
หัวหน้าบอดี้การ์ดได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้างุนงงเล็กน้อย แต่พวกเขาก็หาสิ่งที่เทียนหลางต้องการมาจนได้ จากนั้นเทียนหลางก็เขียนบางอย่างลงไปและส่งคืนให้กับหัวหน้าบอดี้การ์ด
หัวหน้าบอดี้การ์ดมองเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“นี้คืออะไรงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางจึงตอบกลับไปอย่างสบายๆ
“พวกคุณมีส่วนร่วมในการทำรถของผมพัง แม้ผมจะอยากไปตามเก็บที่หัวหน้าของพวกนั้นก็ตามแต่ก็อย่างที่คุณเห็น คงไม่ได้เรื่องอะไรฉะนั้นผมจะขอตามเก็บจากพวกคุณเองก็แล้วกัน”
“เพื่อให้เรื่องจบง่ายที่สุดโดยไม่ติดค้างอะไรมากมายนัก ผมขอเป็นรถสักคันแล้วกัน ส่งมายังที่อยู่ที่เขียนอยู่บนนั้นนะ”
หัวหน้าบอดี้การ์ดได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า ก่อนจะถามอีกว่า
“แล้วมีเรื่องอีกที่อยากให้ช่วยอีกไหม ?”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า
“งั้นไปส่งผมที่เมืองจิงไห่หน่อยก็แล้วกัน”