ตอนที่ 345 เทียนเซียนลงสู่โลกมนุษย์ ตอนที่ 346

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 345 เทียนเซียนลงสู่โลกมนุษย์

ซ่งอิงยังคงโอบกอดทัศนคติที่คลางแคลงใจอยู่ แต่สองพี่น้องซ่งจินซานพูดคุยกันอย่างถึงอรรถรส นางจึงไม่เอ่ยถามต่อแล้ว

ซ่งอิ๋นซานนำเรื่องดังกล่าวบอกกับพ่อเฒ่าทันทีที่กลับถึงบ้าน

ชายชรายืดแผ่นหลังที่งอเล็กน้อยตรงดิ่งขึ้นมา “ตระกูลเหยากับตระกูลเรามีสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นต่อกัน เรื่องแค่นี้ตระกูลเหยาน่าจะยินดี หากพี่สะใภ้ใหญ่เจ้าไม่ตกลง เช่นนั้นข้าก็จะไปตระกูลเหยาเชิญด้วยตนเอง”

“การเปิดร้านของเหล่าเอ้อร์เป็นอย่างไรบ้าง หลายวันนี้เขายุ่งตัวเป็นเกลียว ข้าก็เกรงใจเกินกว่าจะไปรบกวน” ชายชราเอ่ยถาม

แยกครอบครัวกันแล้ว บุตรชายคนรองไม่เอ่ยปาก เขาก็ไม่สะดวกเป็นฝ่ายไปช่วยเหลือ จะให้เสนอหน้าชราๆ ของเขาไปอยู่ตรงหน้าบุตรชายคนรอง เช่นนั้นเป็นการทำลายศักดิ์ศรีผู้เฒ่าอย่างเขาเกินไป

“ร้านใหญ่โตโอ่อ่า เป็นอาคารสองชั้นและจ้างคนช่วยงานในร้านไว้ด้วย คนหนึ่งรับผิดชอบเก็บเงินตลอดจนช่วยพี่สะใภ้รองทำงาน แล้วก็มีหญิงวัยกลางคนอีกคนรับผิดชอบเก็บกวาดชามตะเกียบ ด้านในร้านกว้างขวางสะอาดสะอ้าน น่าจะทำเงินได้ดีขอรับ” ซ่งอิ๋นซานกล่าว

ชายชราหรี่ตาเล็กน้อยขณะฟัง รู้สึกปลาบปลื้มในใจเช่นกัน

พรุ่งนี้ก็จะได้ไปชมดูแล้ว

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เรียกเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่มาหาแล้วนำเรื่องราวบอกกล่าววกับเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่

คงเป็นไปไม่ได้หากเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่จะไม่รู้สึกอิดออด บ้านสองได้เปิดร้านค้าแล้ว เช่นนั้นก็แทบจะมีชีวิตสุขสบายเทียบเท่าบ้านใหญ่อย่างพวกเขาแล้ว!

บ้านสองกำลังรุ่งเรืองดั่งเพลิงลุกโชติช่วง แล้วนางยังต้องช่วยเติมฟืนอีกแรงโดยการเชิญบิดาผู้ให้กำเนิดมาสร้างภาพให้อีก…

รู้สึกปวดใจเหลือแสน

แต่…

“ทุกคำพูดของท่านพ่อมุ่งมาที่น้ำใจของเอ้อร์ยาที่มีต่อลูกต๋าครอบครัวเราเสียขนาดนี้แล้ว ข้าเองก็ย่อมไม่อาจเพิกเฉยไม่ยินยอมช่วยพูดสิ่งเหล่านี้ให้ได้เช่นกันเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นเดี๋ยวลูกต๋าก็จะมาต่อว่า หาว่าข้ารังแกพี่สาวคนรองของเขาอีก!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ฝืนฉีกยิ้ม “เกี่ยวกับเอ้อร์ยา ข้าเองก็ไม่มีคำใดจะพูด ขนาดพี่สาวแท้ๆ ของลูกต๋ายังไม่ใส่ใจเขาเท่าที่เอ้อร์ยาดีต่อเขาเลย เจ้าลูกชายครอบครัวข้าผู้นั้นก็เป็นคนหนึ่งที่รู้ความ เอาแต่พูดชื่นชมเอ้อร์ยาต่อหน้าข้าตลอดทั้งวัน…”

นางไม่เอ่ยถึงบ้านสองเลยแม้แต่คำเดียว

นางไปเชิญบิดาผู้ให้กำเนิด นั่นเป็นเพราะเอ้อร์ยา มิใช่เพื่อบ้านสอง!

บ้านสองเป็นคู่อริของนาง

ชายชราไม่ยินดีที่จะจับผิดการอ้อมค้อมของนางครานี้เช่นกัน ลูกสะใภ้ไปช่วยพูดให้ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ยังต้องตั้งเงื่อนไขอะไรมากมายไปทำไมอีก

เมื่อก่อนเขาคิดว่าลูกสะใภ้แต่ละคนต่างก็มีข้อเสียไม่น้อย แต่บัดนี้เทียบกับหลานสะใภ้เผยซื่อ ลูกสะใภ้เขาแต่ละคนกลายเป็นเทียนเซียน[1]ที่ตกลงมาสู่โลกมนุษย์ไปทันที!

มีเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กลับบ้านมารดาไปเชิญคนเขาด้วยตนเอง เรื่องนี้ย่อมสำเร็จได้แน่ ต่อให้ชายชราตระกูลเหยาไม่มีเวลาก็จะเจียดเวลามาสักเล็กน้อยอยู่ดี

ส่วนบ้านสามทางด้านนี้ เจียวซื่อสะใภ้ใหญ่กลับไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย

“หลายวันที่ผ่านมานั้นพี่สะใภ้รองมองข้าด้วยสายตาประหลาดชอบกล ข้าคิดว่านางต้องการชวนข้าไปทำงานด้วยเสียอีก ใครจะรู้ว่ากลับไปจ้างคนนอก ไม่คิดจะชวนข้าเลยด้วยซ้ำ นางหมายความว่าอะไรกัน นี่ดูถูกข้าหรือไร”

“เมื่อก่อนเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่วางมาดใส่บ้านรองเป็นที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้เล่า มิหนำซ้ำยังกลับบ้านมารดาไปเชิญผู้เฒ่ามาสนับสนุนอีก พวกนางรวมหัวกันรังแกบ้านสามอย่างพวกเราแล้วกระมัง” เจียวซื่อน้อยเนื้อต่ำใจอันเนื่องจากรู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรม

หรือจะกล่าว่านี่ไม่ใช่การรังแกบ้านสาม!

เมื่อก่อนบ้านใหญ่และบ้านสี่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน นั่นก็เพราะพวกนางแซ่เหยาเหมือนๆ กัน!

บ้านรองและบ้านสามมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวต่อกัน เพราะพวกนางล้วนถูกชายชรามองข้าม!

แต่บัดนี้เล่า? บ้านสองเข้าตาบ้านใหญ่ได้แล้วเช่นกัน เช่นนั้นเหลือเพียงบ้านสาม นางจึงกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบ…

เจียวซื่อยิ่งคิดยิ่งรู้สึกย่ำแย่ในใจ

พร่ำบ่นจนซ่งอิ๋นซานมีสีหน้าไม่พอใจ “พี่รองเปิดร้านค้าเป็นเรื่องมงคล เจ้ามัวปั้นหน้าเศร้าสร้อยจะพานให้ชักนำโชคไม่ดีมาเปล่าๆ! อีกอย่างพี่รองก็ดีต่อพวกเรา ทำถาดครั้งนี้ให้เงินเพิ่มมาตั้งหนึ่งร้อยอีแปะ ไฉนเจ้าจึงไม่จดจำความดีของคนอื่นเขาบ้าง!”

“ดีตรงไหนหรือ นั่นเดิมทีก็เป็นสิ่งที่เจ้าควรได้รับ หากคำนวณดูจริงๆ หนึ่งเหรียญทองแดงก็ไม่ได้มากมายอะไรนี่ อีกอย่าง…เจ้างานฝีมือดี เป็นพวกเขาที่ขอร้องให้เจ้าทำ มิใช่พวกเราเสนอหน้าเอาไปส่งถึงทีเสียหน่อย” เจียวซื่อไม่พอใจ

ของที่สมควรได้รับ ไฉนจึงกลายเป็นของที่คนอื่นเมตตาบริจาคให้เสียแล้วล่ะ

ฝีมือของสามีนางผู้นี้ ช่างไม้ในหมู่บ้านใกล้เคียงล้วนเทียบชั้นไม่ได้!

หากไม่ใช่เพราะแต่ละตระกูลแต่ละครอบครัวล้วนพอมีฝีมืองานช่างอยู่บ้าง สามีนางจะต้องหาเงินได้มากกว่าบ้านใหญ่และบ้านสองเป็นแน่!

ตอนที่ 346 เมื่อบุคคลหนึ่งได้รับอำนาจ ผู้ที่เกี่ยวข้องย่อมได้รับประโยชน์ไปด้วย

เมื่อเจียวซื่อนึกถึงว่าบ้านใหญ่และบ้านสี่ต่างก็มีเงิน มีแค่บ้านสามพวกเขาที่กัดก้อนเกลือกินจึงรู้สึกย่ำแย่ในจิตใจ!

บุตรชายคนที่สามและบุตรชายคนที่สี่ไปเรียนผู้คุ้มกัน แต่การไปเรียนเป็นผู้คุ้มกันจะมีเงินอะไรเล่า ก็แค่ดูแลเรื่องอาหารการกินให้เท่านั้นเอง หากยังไม่เกินสามปีเกรงว่าคงไม่มีทางได้รับเงินค่าแรงเป็นแน่! ลูกๆ อยู่ในวัยกำลังโตกันทั้งนั้น และครอบครัวนางมีลูกชายตั้งสามคนเชียวนะ!

ยิ่งไปกว่านั้น จากนี้ก็ต้องใช้จ่ายเงินไปกับบุตรสาวลำดับที่สามเช่นกัน เดือนละตั้งหนึ่งร้อยอีแปะ!

เมื่อคิดเช่นนี้ เจียวซื่อถึงขั้นรู้สึกว่าตนเองหายใจไม่ออก

ยังจะเลี้ยงปากท้องอะไรได้อีก จากนี้ก็อดอยากตายไปเลยสิ้นเรื่อง!

ซ่งอิ๋นซานรู้ว่าตัวเองไม่เอาไหน ดังนั้นก็ไม่สะดวกจะโมโหใส่ภรรยาตัวเอง ทำได้เพียงกล่าว “พี่รองได้ใช้ชีวิตสุขสบาย ข้าเองก็รู้สึกดีใจแทนเขาจากใจจริง ครอบครัวเรายากลำบาก นั่นเป็นเพราะข้าไม่เอาไหน ไม่เก่งกาจ ทำให้เจ้าแต่งงานกับข้ามาเผชิญความยากลำบาก แต่เจ้าลองคิดดูให้ละเอียดสิ พี่ชายทั้งสองคนของข้าต่างก็ไม่เลวทั้งนั้น ก็แม้แต่ซ่งหม่านซานน้องชายคนนี้ แม้ดูไม่เอาการเอางานไปวันๆ แต่ก็เป็นคนที่รักและเอ็นดูลูกหลาน พูดประโยคไม่น่าฟังหน่อย หากวันใดข้าเหนื่อยจนตายจากไป พวกเขาก็จะเห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้อง ช่วยจัดการวางแผนให้พวกเจ้าแม่ลูกได้อย่างเหมาะสมเช่นกัน…”

“ถุย ถุย ถุย!” เจียวซื่อได้ยินดังกล่าวแทบจะกระโดดโหยงขึ้นมา “เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใดน่ะ?”

นางย่อมรู้อยู่แล้วว่าบรรดาพี่น้องในตระกูลซ่งนับว่าไม่เลวทีเดียว ไม่ใช่ประเภทที่เจริญรุ่งเรืองแล้วก็อกตัญญูไม่รู้จักนับญาติพี่น้องกันแล้ว

นางก็แค่รู้สึกย่ำแย่ในจิตใจ ยังจะให้นางพร่ำบ่นซักหน่อยไม่ได้เลยหรือ

อีกอย่าง นางก็ไม่เหมือนเผยซื่อที่ถ่อไปทั่วทุกที่เพื่อขอเงินและเอาเปรียบอย่างหน้าไม่อายลักษณะนั้นนี่?

“เราล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ข้าจะยกตัวอย่างแล้วกัน…เจ้าดูอย่างเอ้อร์ยา นางก็เป็นคนหนึ่งที่ดีทีเดียวมิใช่เหรอ” ซ่งอิ๋นซานกล่าว

“เอ้อร์ยาเป็นคนดี มีน้ำใจ ตัวเองหาเงินได้แล้วก็ไม่ลืมนึกถึงผู้คนในหมู่บ้าน ก่อนหน้านี้ครอบครัวเราขายเมล็ดซิ่งได้ก็ต้องขอบคุณนางเช่นกัน” เจียวซื่อรู้สึกผิด ท้ายที่สุดก็กลั้นใจกล่าวออกมา

“ใช่แล้ว แต่ทำไมนางต้องมีน้ำใจด้วยเล่า นั่นก็เพราะหัวหน้าหมู่บ้านเคยช่วยเหลือนางมิใช่หรือ นางสุขสบายแล้ว ผู้คนในหมู่บ้านก็ได้สุขสบายด้วย เราเองก็ได้รับผลประโยชน์ไปตามๆ กัน หากกล่าวถึงครอบครัวพี่รอง ครอบครัวพี่รองมีเงินแล้วก็จะได้ส่งเสียหลานสวินเล่าเรียน หลานสวินเป็นคนที่ชาญฉลาดจริงๆ ต่อให้เขาสอบแค่ถงเซิง ตระกูลซ่งเราก็จะได้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง พูดออกไปไกลหน่อย อีกหลายปีข้างหน้า พวกเรามีหลานมีเหลนแล้ว หากอยากเรียนรู้ตัวหนังสือ เจ้าว่าหลานสวินจะช่วยสอนหรือไม่”

“ช่วยสอนกระมัง?” เจียวซื่อพยักหน้า

“ก็นั่นอย่างไรละ คนตระกูลตัวเอง เขายอมยิ่งเต็มใจช่วยสอน!” ซ่งอิ๋นซานกล่าวด้วยความมั่นใจ “แล้วลองมองดูลูกอู่ครอบครัวเราสิ เมื่อก่อนโง่เขลา เจ้ากล้าเชื่อหรือว่าเขาจะท่องหนังสือได้ด้วย! นี่ล้วนเป็นผลที่เอ้อร์ยาตระกูลเราได้ใช้ชีวิตสุขสบายแล้ว หากนางย่ำแย่ ยังจะมีเวลาว่างมาดูแลลูกของเจ้าได้อีกหรือ”

“ใช่…ก็จริงอย่างเจ้าว่า” เจียวซื่อไม่อาจปฏิเสธได้

มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่าเมื่อบุคคลหนึ่งได้รับอำนาจ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขาทั้งหมดย่อมได้รับประโยชน์ด้วย…

“หากครอบครัวพี่รองกิจการล้มเหลวไม่เป็นท่าเจ้าจะดีใจได้หรือ คนครอบครัวเดียวกันถึงอย่างไรก็ต้องมีความสัมพันธ์ทางด้านผลประโยชน์ร่วมกันอยู่ดี พวกเขาชีวิตยากลำบาก ชีวิตของเจ้าก็จะไม่มั่นคงเช่นกัน” ซ่งอิ๋นซานกล่าวอีกครั้ง

น้อยครั้งมากที่เขาจะพูดจามากความขนาดนี้ เมื่อพูดจบรู้สึกปากคอแห้งผากเล็กน้อย

เจียวซื่อพยักหน้าส่งเสียงอู้อี้ตอบรับ

ที่สามีนางพูดก็ถูก มีญาติร่ำรวยสูงส่งเพิ่มมาสักคนย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว อีกทั้งนี่ยังเป็นญาติใกล้ชิดอีกด้วย

ที่นางคิดไม่ได้ นั่นเป็นเพราะคนที่ร่ำรวยสูงส่งขึ้นมาไม่ใช่ตัวนาง

“ข้าเข้าใจแล้ว ตอนอยู่ข้างนอกข้าจะไม่อิจฉาตาร้อนพวกเขาก็สิ้นเรื่อง…” เจียวซื่อส่งเสียงพึมพำ “ตามจริงที่ข้ารู้สึกแย่ในใจก็เพราะพี่สะใภ้รองไม่เห็นข้าในสายตา…”

“เจ้าฟังจากคำพูดที่เอ้อร์ยามาหาในวันนั้นก็จะรู้แล้วว่าทำไม” ซ่งอิ๋นซานครุ่นคิดแล้วกล่าว

“คำพูดอะไรหรือ” เจียวซื่อนิ่งอึ้งไปชั่วครู่

ซ่งอิ๋นซานถอนหายใจอีกครั้ง ดึงคอเสื้อของตนเองเล็กน้อย “เจ้าดูสิ แล้วก็เสื้อผ้าบนเนื้อตัวลูกชายครอบครัวเราล้วนขาดวิ่น เจ้ายังเสียสละให้ลูกชายตัวเองไม่ได้เลย โดยปกติก็มักจะเขี้ยวขัดมัน ใครจะวางใจเรียกหาเจ้าได้เล่า ตอนแรกที่พวกเจ้าห่อบ๊ะจ่างด้วยกัน บ๊ะจ่างห่อที่ไส้น้อยที่สุดก็เป็นฝีมือเจ้า มักจะทำใจเสียสละไม่ได้ คาดว่าเอ้อร์ยาก็คงกลัวว่าเจ้าจะใส่วัตถุดิบน้อยๆ เข้าไว้เช่นกัน ซึ่งการทำกิจการค้าขายสิ่งที่กลัวมากที่สุดก็คือประเด็นนี้”

เจียวซื่อหน้า ‘แดงก่ำ’ ขึ้นมาในทันทีทันใด

“นั่นก็เพราะว่ายากจนมิใช่หรือ…” เจียวซื่อร้อนตัว

หากนางมีเงินเหลือเฟือ ทำเสื้อผ้าตัวใหม่ให้ตนเองแปดตัวสิบตัวก็ไม่คิดว่ามากไปเช่นกัน!

[1] เทียนเซียน (天仙) คือวิญญาณอมตะที่ถูกรับขึ้นสวรรค์ ในระยะแรกจะได้ปกครองน้ำ ต่อมาจะได้รับมอบหมายให้ปกครองโลกและสวรรค์ตามลำดับ สามารถท่องเที่ยวไปมาระหว่างโลกกับสวรรค์ได้