ตอนที่ 154 ภูมิใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 154 ภูมิใจ
ท่ามกลางลูกศรที่ตกลงมาราวกับสายฝน หญิงสาวจ้องไปที่ใบหน้าสง่างาม และเต็มไปด้วยรอยยิ้มของบิดา ท่านยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง

“อาเป่าของพ่อโตแล้ว เจ้าต้องดูแลปกป้องแม่ของเจ้าแทนพ่อ อย่าแก้แค้น อย่าเกลียดชัง จงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข!”

มองดูร่างของบิดาค่อยๆ จางหายไปราวกับเม็ดทรายที่โดนลมพัด หญิงสาวกระวนกระวายในทันที ความหวาดกลัวคืบคลานเข้ามาในใจ ยื่นมือไปคว้าร่างของบิดาอย่างร้อนรน ทว่า นางคว้าสิ่งใดไม่ได้เลย!

“พี่หญิง!”

สิ้นเสียง ไป๋ชิงเหยียนหันขวับไปทันที นางมองเห็นร่างโชกเลือดของน้องชายแท้ๆ ของตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางซากศพ นางวิ่งไปหาน้องชายอย่างบ้าคลั่ง “อาอวี๋! อาอวี๋!”

ทั้งๆ ที่รู้ว่าบิดาและน้องชายเสียชีวิตไปแล้ว

ทั้งๆ ที่รู้ว่านี่เป็นเพียงความฝันที่น่าหวาดกลัว แต่นางไม่อยากตื่นขึ้นจากความฝันนี้!

เพราะที่นี่มีครอบครัวของนางอยู่!

ใบหน้าที่เปื้อนเลือดของไป๋ชิงอวี๋ปรากฏรอยยิ้มสำนึกผิดขึ้น เขาเอ่ยเสียงสะอื้น

“พี่หญิง อาอวี๋เคยรับปากกับพี่หญิงว่าจะนำหินโลหิตนกพิราบที่สวยที่สุดในหนานเจียงกลับไปให้พี่หญิงหลังจากได้รับชัยชนะ อาอวี๋คงผิดสัญญาแล้วขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนกอดน้องชายแท้ๆ เอาไว้แน่น หลับตาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก “พี่ไม่อยากได้หินโลหิตนกพิราบ! พี่ไม่ต้องการ! พี่แค่ต้องการให้อาอวี๋ปลอดภัย อาอวี๋…อาอวี๋!”

“อาเป่า…”

สิ้นเสียง หญิงสาวหันกลับไปมอง “ท่านปู่!”

ท่านปู่อยู่ในชุดฝึกซ้อมวิทยายุทธ์ที่มักจะสวมใส่เป็นประจำเมื่ออยู่ที่จวน ท่านกวักมือเรียกนางด้วยรอยยิ้มดังที่เคยทำเป็นประจำ ใบหน้าอ่อนโยนเมตตา

มือของน้องชายที่นางกุมอยู่หายไปในทันที ตรงหน้าไม่มีร่างของน้องชายอีกแล้ว ลำคอของหญิงสาวตีบตัน น้ำตาคลอพลางเดินไปหาท่านปู่ทีละก้าว คุกเข่าลงตรงหน้าท่านปู่ด้วยความเศร้าสร้อย นางกอดขาท่านปู่เอาไว้แล้วร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไหว “ท่านปู่! ท่านปู่…”

ท่านปู่โน้มกายลูบศีรษะของนางอย่างปลอบประโลม ท่านจับมือของนาง น้ำเสียงแก่ชรากล่าวขึ้นช้าๆ อย่างอ่อนโยนเต็มไปด้วยการปลอบขวัญ

“อาเป่าปกป้องน้องๆ และตระกูลไป๋เอาไว้ได้ ปู่ดีใจ และภูมิใจในตัวอาเป่ามาก”

หญิงสาวกัดฟันแน่นพลางส่ายหน้าอย่างแรง ไม่…นางยังทำได้ไม่ดีพอ! นางไม่คู่ควรกับความภูมิใจของท่านปู่ หากนางลุกขึ้นสู้ให้เร็วกว่านี้ ไม่ทำตัวเป็นคนป่วยอ่อนแอ หากนางฟื้นคืนวิทยายุทธ์ให้เร็วกว่านี้ นางคงได้ติดตามไปรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านปู่ที่หนานเจียง ไม่แน่นางอาจใช้ชีวิตของนางแลกกับชีวิตของคนในตระกูลไป๋ได้บ้าง

รอยยิ้มของท่านปู่อ่อนโยนมากกว่าเดิม “อาเป่ารู้หรือไม่ว่าความปรารถนาของปู่ในชาตินี้คือสิ่งใด”

“แผ่นดินราบรื่น ใต้หล้าสงบสุข…”

ท่านปู่พยักหน้า น้ำเสียงที่แก่ชราแฝงไปด้วยความเมตตาอ่อนโยน

“พร้อมจะทำให้ใต้หล้าสงบสุข แต่จะไม่ยอมเป็นถ่อยก่อความโกลาหล! เกิดมาในยุคที่มีแต่ความวุ่นวาย สิ่งที่ชาวบ้านต้องการมีเพียงสันติสุขเท่านั้น! อาเป่ายินดีสานต่อความปรารถนาของปู่ ทำมันให้ดีที่สุดได้หรือไม่”

“ตระกูลไป๋จงรักภักดีมาทุกชั่วรุ่น ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา รักและทำเพื่อชาวบ้านมาโดยตลอด แต่กลับโดนฮ่องเต้หวาดระแวงจนเสียชีวิตทั้งตระกูลเช่นนี้ ท่านปู่ยังต้องการให้ข้าปกป้องราชวงศ์ต้าจิ้นนี้อีกหรือเจ้าคะ”

“อาเป่าคิดว่าคนเรามีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใดกัน” ท่านปู่เอ่ยถามเสียงนุ่ม

ไม่รอให้หญิงสาวตอบ ร่างของท่านปู่ก็หายลับไปในทันที หญิงสาวลำคอตีบตัน รีบยื่นมือไปคว้าร่างของท่านปู่เอาไว้แต่กลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า

“ท่านปู่! ท่านปู่!” หญิงสาวตะโกนเรียกท่านปู่ออกมาอย่างหวาดกลัว ทว่า ภายในหุบเขาอันกว้างใหญ่มีเพียงเสียงของนางดังสะท้อนขึ้น

“พี่หญิงใหญ่! พี่หญิงใหญ่เจ้าคะ…”

เสียงของไป๋จิ่นถงดังขึ้นที่ริมใบหู ไป๋ชิงเหยียนลืมตาขึ้นในทันที

“พี่หญิงใหญ่” ไป๋จิ่นจื้อที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงลุกขึ้นยืนในทันที

“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นซิ่วดวงตาแดงก่ำ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนลืมตาขึ้น น้ำตาของนางไหลพรากในทันที รีบตะโกนไปด้านนอก

“ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ พี่หญิงใหญ่ฟื้นแล้วเจ้าค่ะ! พี่หญิงใหญ่ฟื้นแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ!”

ต่งซื่อที่นั่งสนทนาอยู่กับหมอหงที่ด้านนอกฉากกั้นได้ยินก็รีบถลกชายกระโปรงเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

ไป๋จิ่นซิ่วรีบเช็ดน้ำตาพลางฉุดไป๋จิ่นจื้อและไป๋จิ่นถงให้ถอยห่างออกมาจากเตียง ต่งซื่อลำคอตีบตัน นั่งลงบนเตียงแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะของไป๋ชิงเหยียน

“ตัวไม่ร้อนแล้ว ไม่มีไข้แล้วจริงๆ ด้วย! ขอบคุณสวรรค์!”

“ท่านแม่…”

น้ำเสียงแหบพร่าของไป๋ชิงเหยียนดังขึ้น น้ำตาของต่งซื่อไหลพรากออกมาในทันที นางกุมมือบุตรสาว กัดริมฝีปากแน่น “เจ้าฟื้นมาก็ดีแล้ว! ฟื้นมาก็ดีแล้ว!”

“พี่หญิงใหญ่ ท่านสลบไปสองวันเต็มๆ เลยเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นถงกล่าว

สองวัน…มิน่าร่างกายถึงไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้

“พี่หญิงใหญ่ทำพวกเราใจหายกันหมดเลยเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของไป๋จิ่นจื้อสะอื้น

“นั่นสิเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นถงโล่งใจ กล่าวเร็วขึ้นเล็กน้อย

“จู่ๆ พี่หญิงใหญ่ก็ตัวร้อนจี๋ กระทั่งท่านหมอหลวงหวงและท่านหมอหงก็มิรู้ว่าควรทำเช่นไร แต่เซียวเซียนเซิงผู้นั้นกล่าวว่าพี่ชายของเขาเคยมีอาการเช่นเดียวกับพี่หญิงใหญ่ หลังจากที่ฝั่งร่างมารดาของพวกเขาเสร็จ ท่านหมอหงฝังเข็มด้วยวิธีที่เซียวเซียนเซิงแนะนำ นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้ผลถึงเพียงนี้ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามพี่หญิงใหญ่ก็ฟื้นขึ้นแล้วเจ้าค่ะ!”

“ทุกคนในจวนล้วนเป็นห่วงพี่หญิงใหญ่ ท่านย่าอยู่เฝ้าพี่หญิงใหญ่สองวันเต็มๆ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่เพิ่งเกลี้ยกล่อมให้ท่านกลับไปพักผ่อนเมื่อครู่นี้เองเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“เสี่ยวอู่ เสี่ยวลิ่ว เสี่ยวชีทนไม่ไหวเพิ่งกลับไปเมื่อครู่เจ้าค่ะ หากเด็กพวกนั้นรู้ว่าพี่หญิงใหญ่ฟื้นแล้วคงมาขลุกอยู่นี่ไม่ยอมไปที่ใดแน่นอนเจ้าค่ะ!”

หมอหงตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ปลอดภัยแล้วขอรับ! ปลอดภัยแล้ว! ไม่มีอันตรายอันใดแล้ว พักผ่อนอีกสักสองวันก็หายดีแล้วขอรับ สองสามวันนี้ให้รับประทานแต่อาหารอ่อนๆ ข้าจะเขียนอาหารบำรุงให้ขอรับ…”

“ลำบากท่านหมอหงแล้ว!” ชุนเถารีบแหวกม่านเปิดทางให้หมอหงเดินออกมาจากห้องเพื่อเขียนใบสั่งยา

ชุนเถาปรนนิบัติไป๋ชิงเหยียนล้างหน้าแต่งตัว เมื่อรับประทานโจ๊กเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนเริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อคนในจวนรับรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนฟื้นขึ้นแล้ว องค์หญิงใหญ่มาเยี่ยมไป๋ชิงเหยียนเป็นคนแรก จากนั้นก็ตามด้วยท่านอาสะใภ้และบรรดาน้องสาว เมื่อเห็นว่านางปลอดภัยดีแล้วจึงกลับไปอย่างสบายใจ

ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นถงและไป๋จิ่นจื้อนั่งล้อมเตาผิงอยู่กับไป๋ชิงเหยียน สี่พี่น้องปรึกษากันเรื่องในภายภาคหน้า

“บัดนี้เหลียงอ๋องเข้าไปพัวพันกับคดีเสบียงอาหารที่หนานเจียง จวนจงหย่งโหวคงหนีไม่พ้นคดีนี้ จงหย่งโหวเสียชีวิตลงแล้ว ฉินหล่างกลับไปอยู่จวนโหว ข้าจะย้ายกลับไปจวนโหวหลังจากส่งท่านย่าไปบำเพ็ญเพียรที่วัดในวันที่สิบห้าเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ข้าเป็นภรรยากับฉินหล่าง เมื่อเสร็จสิ้นพิธีศพของตระกูลไป๋แล้ว ก็ควรไปช่วยจัดเตรียมพิธีศพของจวนจงหย่งโหว”

ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนขาวซีด ก้มหน้ายกถ้วยน้ำชาร้อนขึ้นมาอุ่นมือ กล่าวเสียงแผ่วเบา

“หากร่างกายเจ้ายังไหว ก็กลับจวนโหวไปตั้งแต่วันนี้เถิด หากยื้อเวลา ผู้อื่นอาจติฉินนินทาเอาได้”

ไป๋จิ่นซิ่วมองไปยังไป๋ชิงเหยียน ได้ยินเสียงนางกล่าวอย่างไม่รีบร้อน

“บัดนี้จวนโหวกำลังวุ่นวายไร้ผู้ปกครอง เป็นโอกาสดีที่เจ้าจะเข้าไปควบคุมอำนาจ และใจคนไว้ในมือของตัวเอง พี่รู้ว่าเจ้ากตัญญูต่อท่านย่า ท่านย่าอยู่ที่วัดของราชวงศ์ วันหน้ายังอีกยาวไกล”

ไม่ใช่ว่าไป๋จิ่นซิ่วไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้ เดิมทีนางตั้งใจจะกลับไปจวนโหวหลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพในวันที่สิบ แต่จู่ๆ พี่หญิงใหญ่ก็ตัวร้อน สลบไม่ได้สติ นางจึงอยู่ต่ออีกสองวัน

ในเมื่ออยู่มาถึงวันนี้แล้ว นางจึงคิดจะอยู่ต่ออีกสองวันเพื่อรอส่งท่านย่ากับน้องหญิงสามก่อนแล้วค่อยกลับไป

“เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า “เห็นว่าพี่หญิงใหญ่ไม่เป็นอันใดแล้ว ข้าก็สบายใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะกลับไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ ให้อิ๋นซวงอยู่ที่นี่ไปก่อน เมื่อข้าจัดการเรื่องที่จวนโหวเรียบร้อยแล้วข้าค่อยมารับนางไปอยู่ด้วยนะเจ้าคะ”

กล่าวจบ ไป๋จิ่นซิ่วจึงลุกขึ้นยืนทำความเคารพ