ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 12
“ท่านราชาปีศาจ เอ่อ ขอเรียกว่าท่านแองเจิ้ลได้ไหมคะ?”
“…ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
“ฉันน่ะเหรอ… พีน่า บลัน ที่ทุกคนเรียกว่าหญิงสาวแห่งดวงดาว แต่ท่านแองเจิ้ลจะเรียกว่าพีน่าเฉยๆก็ได้นะ”
พีน่ายังคงเข้าหาต่อไปโดยไม่รู้ว่าคำพูดของเขาคือการตำหนิในความไร้มารยาทของเธอ บนหน้าผากของแองเจิ้ลถึงกับมีรอยเส้นเลือดปูดออกมา พวกเขาเหมือนคุยกันคนละเรื่อง น่าตลกจนข้าอยากส่งเสียงหัวเราะ ใครเป็นคนปล่อยให้ผู้หญิงไร้มารยาทคนนี้ปรากฏตัวต่อหน้าแขกคนสำคัญของประเทศ? เด็กห้าขวบที่ยังไม่เคยเปิดตัวสู่สังคมยังรู้จักวางตัวมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
ตามทางที่พีน่าวิ่งผ่านยังหลงเหลือกลิ่นที่ข้ารู้จัก ข้าอารมณ์ดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าเธอติดกับดักอย่างที่คาดไว้ ‘น้ำเกสรดอกลิลิธ’ ที่ถูกลักลอบซื้อขาย แม้มันจะถูกส่งผ่านอีกหลายมือ อีกทั้งคนกลางก็ยังถูกฆ่าปิดปากทำให้ไม่สามารถสืบต่อได้ แต่ก็ยืนยันได้แน่นอนแล้วว่าปลายทางคือผู้หญิงคนนี้
น้ำเกสรดอกลิลิธในเกมจะอยู่ในรูปแบบของไอเทมเงินจริง ใช้สำหรับเพิ่มค่าความชอบของตัวละครเผ่าปีศาจ ในปัจจุบัน แองเจิ้ลจำกัดการซื้อขายสินค้าชนิดนี้ และมีคำสั่งห้ามส่งออกนอกประเทศโดยเด็ดขาด แน่นอนว่าน้ำเกสรดอกลิลิธที่ผู้หญิงคนนี้ครอบครองไม่ใช่ของแท้ แต่เป็นน้ำหอมธรรมดาที่ไม่ส่งผลอะไร ผลิตจากดอกไม้ชนิดอื่นที่มีกลิ่นเฉพาะตัวและมีอยู่แต่ในโลกปีศาจ ข้าจึงใช้มันเป็นเหยื่อล่อให้พีน่าติดกับ เพราะเธอไม่เคยได้กลิ่นน้ำหอมของแท้มาก่อนจึงไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ เอาหลักฐานความผิดของตัวเองมาแสดงต่อหน้าขนาดนี้ บางทีข้าก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้โง่จนน่ารักเลยทีเดียว
“แล้วก็ ท่านราชาแห่งมนุษย์… ผู้หญิงคนนี้มีกลิ่นของยาต้องห้าม ยาพิษอันตรายที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจ ในประเทศของข้าไม่อนุญาตให้ครอบครองยกเว้นผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้น ข้าจะตัดสินว่ามันคือการประกาศตัวเป็นศัตรูกับเผ่าปีศาจก็คงไม่ผิดสินะ?”
“หา…?!”
องค์ราชาเบิกตากว้างด้วยความแตกตื่นและหันไปให้สัญญาณกับราชองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังให้แยกตัวพีน่าออกห่างจากแองเจิ้ล องครักษ์ผู้นั้นคือบุตรคนโตของโดมินิก พี่ชายชองเดวิด องค์ราชามองข้ามเดวิดที่เป็นคนคุ้มกันของหญิงสาวแห่งดวงดาวโดยตรง เป็นการบอกทางอ้อมว่าการที่เขาปล่อยให้หญิงสาวแห่งดวงดาวก่อเรื่องเช่นนี้คือ ‘ไร้ความสามารถ’ ในฐานะอัศวิน ซึ่งดูเหมือนว่าตัวเขาเองจะไม่สามารถคิดได้ถึงขั้นนั้น เขาคือชายผู้ไม่คู่ควรถูกเรียกว่าอัศวิน ผู้หญิงที่เขาปกป้องรับใช้ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นผู้ร้ายโดยที่เขาไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียงห้ามปราม ได้แต่เอื้อมมือเดินเข้าไปหาอย่างงุ่มง่าม ดูเหมือนเขารู้สึกขายหน้าเมื่อต้องเข้าใกล้เธอ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยยืนหยัดเคียงข้างหญิงสาวแห่งดวงดาวถึงขั้นยอมรับการถูกถอนหมั้น ข้าคิดว่าเขาคงรู้สึกอึดอัดใจพอสมควรที่ไม่ได้ฝึกซ้อมอย่างเหมาะสมจนถูกคนอื่นมองด้วยสายตาเช่นนี้ การฝึกด้วยคนเดียวนั้นย่อมมีขีดจำกัด ตามตารางการฝึกของอัศวินจะต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อคงความพร้อมเข้าต่อสู้กับอสูร… แต่เดวิดใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับพีน่าในฐานะคนคุ้มกัน ‘หญิงสาวแห่งดวงดาว’ ทำให้ไม่สามารถปลีกตัวออกไปเป็นเวลานานได้ อัศวินคนอื่นก็ปฏิเสธที่จะเป็นคนคุ้มกันของพีน่า หน้าที่ทั้งหมดจึงตกอยู่กับเดวิดเพียงคนเดียว และพีน่าที่ไม่มีน้ำหอมดึงดูดใช้งานก็ยังไม่คิดเปลี่ยนพฤติกรรม เธอพยายามเข้าไปตีสนิทกับอัศวินที่หน้าตาดีคนอื่นๆแต่ก็ล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง เธอจึงถูกรังเกียจจากผู้ที่ให้ความสำคัญต่อหน้าที่เหล่านั้น
ยกเว้นกลุ่มคนที่ตกอยู่ใต้ผลของยาเสน่ห์ตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่ คนพวกนั้นเป็นอัศวินได้แค่ในนาม ไม่ถูกยอมรับในสายอาชีพเพราะแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมบ่อยครั้ง เช่นนั่งข้างหญิงสาวแห่งดวงดาวและดื่มชาด้วยกันระหว่างปฏิบัติงาน เดวิดก็เป็นหนึ่งในนั้น และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาไม่กล้ามองหน้าพี่ชายผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างมุ่งมั่นสมชื่อเซียนดาบ
และสเตฟาน บุตรเพียงคนเดียวของหัวหน้าจอมเวทแห่งราชสำนัก ด้วยตำแหน่งของเขาจึงใกล้ชิดกับพีน่าอย่างมาก แต่พ่อของเขาเข้าข้างแองเจิ้ลโดยสมบูรณ์ จ้องมองไปพีน่า คนร้ายพยายามวางยาราชาปีศาจผู้ที่เขาเป็นหนี้บุญคุณช่วยรักษาโรคร้ายที่เขากำลังเผชิญด้วยผลลิลินที่นำมามอบให้
ในช่วงที่สเตฟานยังเป็นนักเรียนอยู่นั้น เขาใกล้จะได้เป็นนักเวทนักดนตรีตามที่ใฝ่ฝันไว้ แต่จอมเวทแห่งราชสำนักทุกคนรังเกียจพีน่า เพราะพวกเขารู้สึกขอบคุณเอมิ เธอได้คิดค้นเวทมนตร์ที่ไม่เป็นอันตรายและมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันด้วย ‘พลังโกงของคนกลับชาติมาเกิด’ นำมาสอนให้กับพวกเขาหลายอย่าง ผู้คนที่เคยดูถูกจอมเวทแห่งราชสำนักว่า ‘นอกจากยามสงครามก็เป็นได้แค่หน่วยงานผลาญภาษี’ ได้ถูกมองใหม่ในทางที่ดี ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียน พีน่าที่ไม่มีน้ำหอมดึงดูดใช้งาน ได้ประพฤติตัวหยาบคายกับสุภาพสตรีขุนนางชั้นสูงจนถูกทอดทิ้งจากแวดวงสังคม สเตฟานที่ยังเป็นผู้ติดตามของหญิงสาวแห่งดวงดาวจึงไม่มีโอกาสออกงานสังคมในฐานะนักดนตรีและไม่มีหน้าไปขอเข้าร่วมกับเหล่าจอมเวทแห่งราชสำนัก หากถามว่าสเตฟานตอนนี้มีอาชีพอะไร ก็คงไม่มีใครตอบได้
โคลดเป็นคนเดียวที่มีการมีงานทำในฐานะข้าราชการมหาดไทย เขาเคยนำเสนอระบบ ‘เงินบำนาญ’ ‘เงินสงเคราะห์บุตร’ ‘ประกันสังคม’ ‘สวัสดิการ’ และอีกหลายอย่างที่ได้ยินมาจากหญิงสาวแห่งดวงดาว แต่ก็ถูกถามกลับมาว่า ‘แล้วจะเอาเงินทุนมาจากไหน?’ เขาถูกย้ายงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำงานในแผนกที่มีความสำคัญน้อยลงเรื่อยๆ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงโง่ได้ขนาดนั้น แค่คิดสักหน่อยก็รู้แล้วว่ามันยังเป็นไปไม่ได้สำหรับประเทศนี้ โลกของเอมิพัฒนาได้ไกลขนาดนั้นก็เพราะมีการจัดวางหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างระเอียดตั้งแต่พื้นฐานและระบบภาษีที่มั่นคง
แทบไม่ต้องพูดถึงว่ามกุฎราชกุมารวิลเลียดตกต่ำแค่ไหน ถ้าจะให้ยกตัวอย่างมาสักเรื่องก็คงเป็นตอนที่พีน่าต้องการอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ ‘มีประโยชน์’ อาจเป็นเพราะตอนนี้สามารถเข้าถึงอัญมณีเวทมนตร์คุณภาพสูงจากโลกปีศาจได้ง่ายขึ้นกับมีวัตถุดิบที่ดูแล้วน่าจะใช้การได้ เธอจึงพยายามผลิตและเผยแพร่ของของที่คล้ายกับ ‘เตาไมโครเวฟ’ ที่มีอยู่ทุกที่ในโลกของเอมิ และ ‘ตู้เย็น’ ที่มีอยู่แล้วในโลกนี้ แต่ด้วยราคาที่สูงจึงมีเพียงขุนนางบางคนเท่านั้นที่มี เธอต้องการผลิตในรูปแบบต้นทุนต่ำ แต่ค่าใช้จ่ายในการวิจัยกลับสูงขึ้นเรื่อยๆและเป็นเช่นนั้นต่อไป… ข้าจึงขัดขวางโดยการพัฒนาอุปกรณ์เวทมนตร์คล้ายๆกันที่มีอยู่แล้วที่ในโลกปีศาจที่มีอุปกรณ์เวทมนตร์ให้ใช้งานหลากหลายมากกว่า และทำการจำหน่ายอย่างแพร่หลายจนเป็นที่นิยมได้ก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด
ข้าหันไปมองพีน่าที่ยายามแก้ตัวในเรื่อง ‘วางยา’ อย่างตื่นตระหนก
“ไม่ใช่นะ! นี่มันก็แค่…”
“ข้าเคยได้รับราบงานว่ามีผู้ที่ต้องการซื้อส่วนผสมของยาต้องห้าม ผู้ที่รับผิดชอบได้ปฏิเสธไปแล้ว แต่อีกฝ่ายพยายามยัดเยียดสินบน เขาจึงขายเกสรดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในโลกปีศาจเป็นของปลอมไปแทน ข้าขอถามหน่อย ตัวเจ้าที่ส่งกลิ่นยาต้องห้ามนั่นออกมา หากไม่ได้มีเจตนาลอบทำร้ายข้าแล้วมันจะหมายความว่าอะไรได้อีก?”
“อุ…”
การใช้ยาเสน่ห์เปลี่ยนแปลงจิตใจของผู้อื่นโดยขัดต่อความรู้สึกของอีกฝ่าย จะเรียกว่า ‘ทำร้าย’ ก็สมควรแล้ว
เธอรู้ว่าดวงดาของราชาปีศาจแองเจิ้ลมองเห็นคำโกหกได้ พีน่าจึงเปลี่ยนสีหน้าและก้มหลบสายตา เธอไม่สามารถพูดให้อีกฝ่ายเชื่อโดยไม่โกหก และทางเดียวที่จะไม่ถูกจับได้ว่าโกหกก็คือการไม่พูดอะไรเลย
“อืม ที่ไม่ตอบก็เพราะเจ้ารู้อยู่แล้วว่าข้ามองเห็นคำโกหกได้สินะ เป็นอย่างที่ได้ยินมาจริงๆ”
“ม- ไม่ใช่… ฉันก็แค่อยากเป็นเพื่อนกับเผ่าปีศาจ…”
“ด้วยการวางยาน่ะเหรอ? โชคดีที่เรมิเลียเตือนข้าเอาไว้ก่อน”
“ทำไมท่านแองเจิ้ลถึงรู้จักยัยนั่น…?!”
“…อัศวินตรงนั้น ทำให้นางเงียบซะ หากข้าได้ยินคำพูดหยาบคายต่อสตรีผู้มีพระคุณในการกอบกู้ประเทศของข้าอีกครั้งไม่ว่าจากใครก็ตาม ข้าอาจเผลอสำเร็จโทษมันตรงนี้เลยก็ได้ แล้วก็ เจ้ามนุษย์ ข้าไม่เคยอนุญาตให้เจ้าเรียกชื่อของข้า ข้าไม่สนยศประดับที่ประเทศนี้มอบให้กับเจ้า เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่อยากตายก็ระวังคำพูดเอาไว้ให้ดี”
ข้าเข้าไปจับแขนของแองเจิ้งอย่างเงียบเชียบ ‘แองเจิ้ล พูดเสียงดังเกินไปแล้ว’ ระงับความโกรธของเขาไม่ให้รุนแรงไปมากกว่านี้ เมื่อเขารู้สึกถึงสัมผัสและเสียงของคนคุ้นเคย แองเจิ้ลเริ่มใจเย็นขึ้นมาได้บ้าง เขาละสายตาจากพีน่าและหันมายิ้มให้ข้า
พีน่าได้เห็นเช่นนั้นก็หันมาจ้องที่ข้าและขยับปากเหมือนต้องการพูดว่า ‘ทำไมแกถึง’ และเงียบไปก่อนที่ถ้อยคำจะออกมา ในตอนนี้ข้าเป็นฝ่ายก้มมองด้วยสายตาของผู้ชนะ แต่งกายด้วยสีของแองเจิ้ล ใบหน้าของเธอมีแค่ความโกรธแค้น มือที่กำแน่นของเธอกำลังสั่น
อ้าว บทบาทลูกแมวน้อยของเธอ วางลืมไว้ที่ไหนซะแล้วล่ะ
“ฉันไม่รู้… ว่ามันคือยาต้องห้าม ฉันแค่ต้องการใช้มัน… เป็นเครื่องรางที่เอาไว้สนิทกับทุกคน… แค่นั้นจริงๆ! แล้วก็ ท่านราชาต้องการเป็นพันธมิตรกับเผ่าปีศาจใช่ไหม? เพื่อเป้าหมายนั้นแล้ว ฉันที่เป็นหญิงสาวแห่งดวงดาว… ยินดีแต่งงานกับราชาปีศาจเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายในฐานะตัวแทนของประเทศนี้”
“…เรมิเลีย ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
“เอ่อ… ท่านราชาปีศาจ หญิงสาวแห่งดวงดาวมีความสามารถในการปลุกพลังและเพิ่มความสามารถของคนอื่น พลังของฉันต้องช่วยโลกปีศาจที่ไม่มีอะไรดีได้แน่ เพราะฉะนั้น ฉันถึงเป็นราชินีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับท่านราชาปีศาจไงล่ะ”
แองเจิ้ลไม่สามารถทำความเข้าใจกับคำพูดของเธอได้ เขามองด้วยแววตาไร้ความรู้สึกปะปนกับความสับสน ข้าที่อยู่ใกล้ๆเห็นได้ชัดว่าเขาทำตัวไม่ถูก เป็นเพราะพีน่าเชื่อจากใจจริงว่า ‘ฉันต่างหากที่เหมาะกับแองเจิ้ลที่สุด แองเจิ้ลต้องอยากแต่งงานกับฉันแน่’ ไม่ได้เป็นการโกหก ดูเหมือนเธอไม่รู้ตัวว่าเธอเพิ่งพูดจาดูถูกประเทศอื่นต่อหน้าต่อตา ทั้งที่ความจริงแล้วภายในดินแดนของโลกปีศาจมีทรัพยากรที่เป็นประโยชน์มากมายพร้อมใช้งานเพื่อพัฒนาประเทศได้อีกไกล เพียงแค่สถานการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้บุกเบิกเท่านั้น หรือว่าเธอจะไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย?
ข้อเสียอย่างหนึ่งของแองเจิ้ลคือ เมื่ออีกฝ่ายพูดย้ำในสิ่งที่เชื่อว่าเป็นความจริง เขาจะรู้สึกสับสนจนตอบกลับไม่ถูก เขาหันมาส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากข้าเหมือนลูกหมาร้องเรียกใช้ช่วยท่ามกลางสายฝน
“องค์ราชา ไม่ได้พบกันเสียนาน ขออภัยที่ข้ามาแนะนำตัวช้า”
“…เจ้าคือ เรมิเลีย…”
“วันนี้ข้าไม่ได้มาในฐานะบุตรีตระกูลดยุกกราปเนอร์ แต่เป็นแขกของโลกปีศาจที่อยู่ภายใต้การดูแลของท่านแองเจิ้ล”
“…งั้นหรือ”
ในเมื่อเป็นถึงราชาของประเทศก็ย่อมไมใช่คนโง่ เขามองมาที่ข้าด้วยสายตาเหมือนต้องการพิจารณา… เขาเห็นว่าราชาปีศาจกุมมือของข้าที่กำลังจับแขนของแองเจิ้ลอยู่ ประกอบกับก่อนหน้านี้ที่ข้าถูกพูดถึงว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อโลกปีศาจ องค์ราชาจึงพยายามคิดหาข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
“…ดูเหมือนหญิงสาวแห่งดวงดาวในวันนี้จะมีสุขภาพไม่ค่อยดี ควรให้นางกลับไปพักผ่อนก่อน ข้าจะชี้แจงเรื่องทั้งหมดให้ฝ่าบาททราบหลังงานเลี้ยง”
“นั่นสินะ เอาตามที่เรมิเลียว่าก็แล้วกัน…”
“ท่านเรมิเลียจะมารังแกฉัน ‘อีกแล้ว’ เหรอ?! พอสักทีเถอะ!”
บุตรคนโตของโดมินิกไม่อยากแตะเนื้อต้องตัวหญิงสาวแห่งดวงดาวมากนักจึงถูกสลัดให้หลุดได้ พีน่าวิ่งกลับเข้ามาในระประชิดและเงยหน้าจ้องมาที่ข้า โทสะแองเจิ้ลประทุขึ้นมาอีกครั้ง นักเวทระดับสูงหลายคนถึงกับตัวสั่น บ้างก็ถึงขั้นเข่าอ่อนจนทรุด
หืม นี่เธอจะหาเรื่องทะเลาะให้ได้ตอนนี้เลยสินะ ข้าปลอบแองเจิ้ลให้หายโกรธก็เพราะเชื่อว่าเอมิจะทำเช่นนี้ ข้าทำให้เห็นว่าไม่อยากประจานเธอกลางงานเลี้ยง และเปิดโอกาสให้เธอกลับไปที่ห้องอย่างเงียบๆ แต่ดูเหมือนพีน่าต้องการทำให้เรื่องมันเลวร้ายลง อันที่จริงข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเธอจะทำเช่นนี้
“นี่ ท่านราชาปีศาจ…! ฟังนะ ท่านราชาปีศาจกำลังถูกผู้หญิงคนนี้หลอก ผู้หญิงคนนี้เคยเป็นคู่หมั้นของมกุฎราชกุมาร แล้วก็… ถูกถอนหมั้นเพราะเป็นอาชญากร มีหลักฐานว่าเธอทำเรื่องเลวร้ายกับฉันมากมาย มีพยานยืนยันได้ว่าเธอพยายามฆ่าฉัน เธอถูกทุกคนประณาม สุดท้ายก็ถูกเนรเทศ!”
เป็นการหว่านล้อมโดยไม่โกหกอย่างง่ายๆ แต่การแสดงออกแย่ไปหน่อย แบบนี้มีแต่จะทำให้แองเจิ้ลโกรธมากขึ้นเท่านั้น
“เรมิเลียบอกกับข้าว่า ‘ถูกผู้ไม่ประสงค์ดีจัดฉากใส่ร้าย และถูกขับไล่โดยไม่มีความผิด’ ข้ายืนยันได้ว่าทุกคำเป็นความจริง ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้วว่าข้าสามารถมองเห็นคำโกหก ก็น่าจะเข้าใจความหมายใช่หรือเปล่า?”
“ไม่สิ… เพราะเรมิเลียไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดไงล่ะ… ในตอนที่ถูกตัดสิน เธอก็ไม่ยอมรับความผิดจนถึงที่สุด…”
“จงตอบมาแค่ ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ ก็พอ เจ้าสร้างหลักฐานปลอมและซื้อตัวพยานให้การเท็จเพื่อใส่ร้ายเรมิเลียผู้บริสุทธิ์ ใช่หรือไม่?”
“…”
“การที่เจ้าไม่พูดก็เป็นการยืนยันเรื่องนี้ได้แล้ว”
แองเจิ้ลยิ้มเยอะเชิดหน้ามองด้วยสายตาทิ่มแทง พีน่าเม้มริมฝีปากก้มหน้ากัดฟันแน่น เธอเหลือบมองมาที่ข้าผ่านเส้นผมด้านหน้าที่ปกปิดดวงตา มีแต่ข้าที่เห็นสายตานั้นของเธอ
“ไม่… นี่มันไม่ถูกต้อง… ฉันเป็นถึงหญิงสาวแห่งดวงดาวเชียวนะ แองเจิ้ลต้องเลือกฉันสิ… แล้วชุดนั้นมันอะไร ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงใส่ชุดของฉัน? แล้วยังเครื่องประดับนั่นอีก… ฉันต้องเป็นคนที่ได้อัญมณีเวทมนตร์อันนั้นต่างหาก…”
“ข้าไม่รู้ว่าคนในประเทศนี้ยกย่องเจ้ามากแค่ไหน แต่ข้าไม่เลือกปฏิบัติกับใครเพียงเพราะชื่อเสียงของคนคนนั้น ถึงอย่างนั้น เรมิเลียก็เป็นถึงผู้ที่ถูกท่านเร็นเงะ เทพธิดาองค์สุดท้องของเทพแห่งการสร้าง แต่ตั้งให้เป็นเทพีแห่งการชำระล้างโดยตรง แต่เรมิเลียที่ข้ารักคือหญิงสาวผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ อุทิศตนช่วยเหลือทุกคนบนโลกโดยไม่แบ่งแยก ยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องแม้เหลือเพียงตัวคนเดียว ไม่ว่านางจะมีพรแห่งเทพหรือไม่ก็ตาม”
ประโยคบอกรักถูกหยิบยกขึ้นมากะทันหัน แองเจิ้ลหันมามองข้า ข้าจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้มาก่อนและมองกลับไปด้วยแก้มที่แดงระเรื่อ เขาจึงเข้ามาจับที่เอวและกระซิบว่า ‘ขอโทษด้วย อันที่จริงข้าก็อยากจะบอกกับเจ้าอย่างถูกต้องในตอนที่พวกเราอยู่กันแค่สองคน’ และข้าก็ตอบกลับไปด้วยท่าทางเขินอาย ‘ไม่เคยคิดมาก่อนเลย แต่ว่า คำพูดนั้นทำให้ข้ามีความสุขเหลือเกิน’
ใช่แล้ว เขาพูดประโยคที่ทำให้พีน่าต้องเจ็บใจเป็นที่สุดออกมาเอง นี่มันยิ่งกว่าที่ข้าวางแผนเอาไว้เสียอีก ทำให้ข้ามีความสุขจริงๆ
วิลเลียดที่อยู่ห่างออกไปข้างหลังพีน่า กำลังมองดูรอยยิ้มของข้าและได้แต่อ้าปากค้าง ข้าเห็นสีหน้าของเขาจากขอบสายตา แต่ตอนนี้ต้องทำเป็นไม่เห็นไปก่อน
ฉากการบอกรักที่แองเจิ้ลพูดกับข้าได้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพีน่า เธอหงุดหงิดจนอาละวาด แต่ก็ถูกอัศวินหญิงเข้ามาประกบตัวจากทั้งสองข้างจึงได้แต่กระทืบเท้าอยู่ตรงนั้นโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย ช่างเป็นคนที่โมโหร้ายเสียจริง
ข้ารู้สึกมีความสุขจนเกือบหลุดหัวเราะออกมา แต่ข้าจะทำเหมือนกับว่ามันเป็นความยินดีที่ได้ยินคำพูดของแองเจิ้ล ข้าควบคุมอารมณ์ไม่ให้แสดงความรู้สึกที่แท้จริงผ่านสีหน้ามากเกินไป และไม่ลืมสังเกตดูท่าทีของพีน่าจากขอบสายตาเป็นครั้งคราว
“ทำไม ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้…! ทั้งหมดเป็นฝีมือของเธอใช่ไหม?! เทพีแห่งการชำระล้างนั่นมันก็ควรจะเป็นชื่อของฉัน!”
“พีน่า… ท่านราชาปีศาจบอกว่าเรมิเลียเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกเจ้าจัดฉากใส่ร้าย เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า…?”
“! ไม่นะ วิล… ฉันต่างหากที่เป็นผู้เสียหาย… แล้วก็ ตอนนั้นฉันกลัวท่านเรมิเลียจริงๆ อืม นั่นแหละ”
พีน่ากลอกตาไปมา แก้ตัวกับวิลเลียดขณะระแวงแองเจิ้ล ข้าคิดว่าเธอกำลังกลัวว่าคำโกหกของเธอจะถูกเปิดโปง
อันที่จริงก็มีความเป็นไปได้ว่าพีน่ากลัวเอมิจริงๆ เพราะเอมิเป็นที่รักของทุกคนได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ไอเทมเพิ่มค่าความชอบ เพราะเธอเข้าใจเรื่องนี้ดี ถึงต้องรีบร้อนกำจัดโดยใช้วิธีนอกรีตที่มาจากความรู้ในเกม
…เอมิเคยพยายามขอยกเลิกการหมั้นด้วยตัวเองในตอนที่วิลเลียนเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากหญิงสาวแห่งดวงดาวปรากฏตัว เธอยังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อเพราะรู้ว่าเขาจะคัดค้าน จึงได้พูดแค่กับองค์ราชินีเท่านั้น ‘ท่านวิลได้พบกับคนที่เหมาะสมแล้ว และคนคนนั้นเป็นประโยชน์ต่อประเทศนี้มากกว่า จึงอยากขอเสนอให้มีการเปลี่ยนตัวคู่หมั้นขององค์ชาย โดยที่หม่อมฉันจะถอนตัวแต่โดยดี’ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าองค์ราชินีจะเคยได้พบกับหญิงสาวแห่งดวงดาวโดยตรง แต่ก็ไม่เคยได้รับผลจากน้ำหอมถึงดูดที่พีน่าใช้ จึงไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนตัวคู่หมั้นในครั้งนั้น
ตั้งแต่นั้นมา องค์ราชินีก็ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพีน่าอีกเลย เพราะไม่พอใจที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวการทำให้เรมิเลียผู้ที่เธอรักเหมือนลูกสาวต้องถูกขับไล่ ก่อนหน้านี้ข้าเคยทำการวิเคราะห์ผลของไอเทมขณะที่จับตาดู ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีผลหากอีกผ่ายไม่มีความสนใจในตัวผู้ใช้ จำเป็นต้องมีความรู้สึกชอบสักเล็กน้อยตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งก็หมายความว่าคนที่รังเกียจพีน่าตั้งแต่แรกเห็นจะไม่ได้รับผลกระทบจากไอเทม
…และก็หมายความว่าในตอนแรกทีวิลเลียดและคนอื่นๆบ่นให้ฟังถึงความน่ารำคาญหญิงสาวแห่งดวงดาวที่เข้ามาจุ้นจ้าน ในใจของพวกเขาอาจไม่ได้ต่อต้านเธอเสียทีเดียว… ข้าได้ลองตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูก็พบว่ายังมีบางคนเป็นเหมือนกับองค์ราชินีที่สามารถรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของพีน่าได้แม้ว่าจะเคยเข้าไปพัวพันกับเธอ และยังมีบางคนเหมือนกับโซเฟียที่ใกล้ชิดกับพีน่าแต่ก็ยังใช้ความคิดแยกแยะผิดถูกอย่างมีเหตุผลได้
วันที่หญิงสาวแห่งดวงดาวปรากฏตัว เอมิแสดงความเป็นกังวลออกมาในตอนที่พีน่าเข้ามาตีสนิทกับวิลเลียดและคนอื่นๆ ผู้ชายพวกนั้นมีความสุขที่ได้เห็นเอมีมองพีน่าด้วยสายตาหวาดระแวง …แน่นอนว่าพวกเขาต้องชอบใจ เอมิเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม ไม่เพียงงดงามที่รูปโฉมแต่ยังงดงามไปถึงจิตใจและไม่เคยคิดอิจฉาใคร จึงเป็นเรื่องน่าสนุกสำหรับพวกเขาที่ได้ค้นหาข้อเสียของเธอ พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธพีน่าทันทีเพราะอยากทำให้เอมิแสดงความหึงหวงออกมา เพื่อที่จะได้ชี้ออกไปว่า ‘นี่ไงล่ะ’ ความรู้สึกของพวกเขาผสมผสานกันระหว่างอยากทำให้เอมิรู้สึกหึงและอยากเข้าข้างพีน่า และทั้งหมดนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์จากข้าซึ่งเป็นเพียงบุคคลที่สาม แต่ข้าก็เชื่อว่าความจริงก็คงไม่ต่างไปจากนี้
ดังเช่นเมื่อมีแมลงน่าเกลียดโผล่ออกมาทำให้แฟนสาวตกใจ คนรักของเธอได้เข้ามากอดโดยคิดว่า ‘นานๆทีแสดงด้านนี้ออกมาบ้างก็ไม่เป็นไร’ แสดงให้เห็นว่าความเอาใจใส่ของเขามีแค่นั่น… เหมือนกับการที่พวกเขาไม่คิดขจัดความกังวลของเอมิและปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นทำตามอำเภอใจต่อไป เป็นการให้ความสำคัญกับการสนองตัณหาของตัวเองเพียงอย่างเดียว
“ฝ่าบาท ขออนุญาต”
“เจ้า… บุตรสาวแห่งเคานต์ลาร์ดไม่ใช่หรือ”
“ในตอนนี้ข้าเป็นเพียงโซเฟีย ผู้ติดตามของท่านเรมิเลีย”
“แล้วเจ้ามีเรื่องอะไร?”
“ข้าขออนุญาตแสดงให้เห็นว่าใครกันแน่ คือคนชั่วที่สมควรถูกประณามที่แท้จริง”
โซเฟียแสดงตัวออกมาโดยไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าเดวิด อดีตคู่หมั้นของเธอที่ได้แต่ยืนบื้ออยู่ตรงนั้น ก่อนหน้านี้เธอได้เข้ารับ ‘พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งอัศวิน’ ที่โลกปีศาจมาแล้ว ฐานะของเธอในตอนนี้คือหนึ่งในอัศวินจากโลกปีศาจ คนคุ้มกันที่ติดตามแองเจิ้ลมาที่นี่ เดินตามหลังคลิมตั้งแต่เข้ามาในงานเลี้ยง ขุนนางที่จำได้ว่าเป็นเธอก็เริ่มพูดคุยกันเสียงดัง ดูเหมือนว่าหลังจากตัดสัมพันธ์กับตระกูลแล้ว เธอไม่เคยติดต่อแจ้งข่าวใดๆกลับมาเลย
ตังแต่วันแรกที่เธอแสนอตัวรับใช้ข้า เธอก็ยังมีนิสัยดื้อรั้นอยู่เช่นเคย… ไม่ยอมรับตำแหน่งอื่นนอกจากอัศวินรับใช้ของข้า ทั้งที่ข้าอยากให้โซเพียทำงานด้วยตำแหน่งที่เท่าเทียมกัน… เพราะเธอได้รับการศึกษามาในฐานะขุนนางคนหนึ่ง จึงอยากให้เธอช่วยบริหารปกครองเมืองในดินแดนของข้าที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างมาก แต่เธอก็ปฏิเสธเสียงแข็ง
สิ่งที่เธอนำติดตัวมาในวันนี้คือกล่องใส่อัญมณีเวทมนตร์บันทึก ‘กระจกน้ำสะท้อนอดีต’ ที่วางเรียงอย่างเป็นระเบียบเหมือนของสะสม ซึ่งข้าฝากมันไว้กับเธอตอนที่อยู่ในรถม้าก่อนเข้ามา
‘กระจกน้ำสะท้อนอดีตคืออะไร?!’ พีน่าดิ้นพล่านกรีดร้องโวยวาย เวทมนตร์ที่ไม่ปรากฏในเกม ได้ฟังแค่ชื่อก็รู้แล้วว่ามันคือเวทมนตร์ที่สมารถทำอะไรได้บ้าง เธอเคยเชื่อว่าแองเจิ้ลเป็นคนเดียวที่มองเห็นคำโกหก เพราะฉะนั้นหลังจากนี้จะหลอกคนอื่นๆอีกสักกี่ครั้งก็ได้
“โซเพีย ถ้าใช้สิ่งนั้นตอนนี้… คุณพีน่าจะอับอาย”
“ไม่ค่ะ! เหมือนที่ผู้หญิงคนนี้ประณามท่านเรมิเลียต่อหน้าทุกคน ข้าจะทำให้คนเหล่านั้นตาสว่างเดี๋ยวนี้”
“แต่ว่า โซเฟีย… พวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะมอบสิ่งนี้หลังงานเลี้ยง ให้มันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างถูกต้อง…”
และข้าส่งสายตาของความช่วยเหลือไปยังแองเจิ้ลเหมือนต้องการพูดว่า ‘ช่วยหยุดเธอที’ ใช่แล้ว โซเฟียเป็นคนที่ยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างแรงกล้า หากฝากหลักฐานชิ้นสำคัญไว้กับเธอก็มีแนวโน้มว่าเธอจะประกาศความผิดของอีกฝ่ายออกมาโดยพลการ
แองเจิ้ลที่เห็นปฏิกิริยาของข้าก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เขาหันกลับไปบอกกับโซเฟียว่า ‘มาทำให้ทุกคนได้เห็นกันเถอะ’
“แองเจิ้ล…!”
“เรมิเลีย เจ้ารออยู่เฉยๆเถอะ แล้วก็… คลิม ระหว่างนี้อย่าให้ใครเข้ามาขวางข้า”
“รับทราบ ท่านพี่”
คลิมยิ้มอย่างไร้อารมณ์และเข้ามาขวางข้าให้ถอยกลับไป ข้ามองไปทางพีน่าด้วยสายตาแสดงความเป็นห่วง แต่ทางนั้นกัดฟันด้วยความเคียดแค้นและจ้องกลับมาด้วยความเป็นศัตรู ซึ่งคลิมที่อยู่ระหว่างพวกเราก็เอาตัวมาบังไว้
“เพราะหลังจากนี้คุณเรมิเลียคิดจะประนีประนอมกับพีน่า ไม่เอาความผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หรือครับ? แต่สำหรับผมเชื่อว่าคนผิดควรถูกลงโทษโดยไม่มีข้อยกเว้น”
“นั่นมัน… ถึงจะจริง แต่นี่ก็ไม่ใช่วิธีที่ข้าจะทำ…”
“นี่ก็เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีของคุณเรมิเลียเองด้วย”
“ข้าไม่เคยอยากได้ศักดิ์ศรีของตัวเองคืน… ข้าทำเพราะไม่ต้องการให้มีบุคคลที่คอยฉุดรั้งผู้อื่นให้ตกต่ำอยู่ใกล้ตำแหน่งที่มีความสำคัญต่อประเทศ… ถ้าเป็นแบบนี้ งานเลี้ยงที่ทุกคนเฝ้ารอจะถูกรบกวน…”
ศักดิ์ศรีของตัวข้าเองจะเป็นอย่างไรก็ช่าง สิ่งที่ข้าต้องการคือ ‘ศักดิ์ศรีและความสุขของบุตรีดยุก เรมิเลีย โรส กราปเนอร์’ ที่เอมิสร้างไว้เท่านั้น
คลิมเข้ามาขวางทุกครั้งที่ข้าแสร้งพยายามเข้าไปขัดขวางแองเจิ้ลกับโซเฟีย เมือข้าอ้อมหลบ แองเจิ้ลที่เห็นเข้าก็ได้ใช้เวทมนตร์บาเรียกั้นข้ากับคลิมเอาไว้ด้านนอกด้วยกำแพงสีดำโปร่งแสง บาเรียระดับนี้ข้าสามารถใช้กำลังทำลายได้อย่างง่ายดาย แต่ข้าก็รู้ว่า ‘เรมิเลียจะไม่ทำอะไรรุนแรงให้คนรอบข้างมีโอกาสได้รับบาดเจ็บ’ ข้าหันไปมองคลิมอย่างเศร้าสร้อยและเริ่มทำการทำลายบาเรียอย่างช้าๆด้วยท่าทางเหมือนพยายาม
วิลเลียดมักพูดจาตรงไปตรงมา แต่ในหมู่ขุนนางจะมีเพียงไม่กี่คนที่อุทิศตนเพื่อชาติบ้านเมืองจริงๆโดยไม่ฝักใฝ่ขั้วอำนาจและใช้อุบายหลอกล่ออีกฝ่าย และเจ้าชายลำดับหนึ่งเป็นคนที่เข้ากันได้กับทั้งน้ำใสและน้ำขุ่นสมเป็นราชวงศ์ ส่วนแองเจิ้ลน่ะเหรอ? รายนั้นสามารถมองเห็นคำโกหกได้ด้วยตัวเอง จึงมีรูปแบบการปกครองที่ค่อนข้างเด็ดขาด ผู้นำที่มุ่งหน้าสู่อุดมคติจะยังไม่ใช่สิ่งเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้
ในแง่นั้น ต้องยอมรับว่าเอมิไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งราชินีจริงๆ โดยที่ผู้หญิงคนนั้นสามารถหลอกลวงผู้คนอย่างมีชั้นเชิง ปลอมแปลงหลักฐานเล่นงานฝ่ายตรงข้ามได้โดยไม่รู้สึกผิด ในเรื่องนี้ถือว่ามีความเหมาะสมมากกว่า เกมการเมืองอันสกปรกไม่เหมาะกับผู้หญิงที่อ่อนโยนและซื่อสัตย์เช่นเธอ
อันที่จริงนี่ก็เป็นเหตุผลที่พ่อของข้าตัดสินว่า ‘เรมิเลีย’ ใช้การไม่ได้ เพราะ โง่พอที่จะทำความผิดให้คนอื่นจับได้ หรือ พลาดท่าให้กับอุบายของคนอื่น ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด มีความผิดจริงหรือไม่ สำหรับเขาจะเห็นแค่เป็น ‘ตัวหมากที่หมดประโยชน์’ เท่านั้น
ข้ารู้ว่าเอมิไม่ได้คิดว่าชายคนนั้นเป็นครอบครัว และหากได้รู้ว่าเขาทอดทิ้งลูกสาวของตัวเองได้หน้าตาเฉยก็ไม่ได้ทำให้เอมิรู้สึกเจ็บปวด ดังนั้น เขาจึงไม่มีบทในฉากการแก้แค้นของข้า แต่เขาจะค่อยๆสูญเสียความมั่งคั่งและความน่าเชื่อถือ เหนือสิ่งอื่นใด ฐานอำนาจของตระกูลดยุกที่เขาหวงแหน
ในตอนนี้ เป้าหมายหลักของข้าคือพีน่า วิลเลียด โคลด เดวิด และสเตฟาน ผู้หญิงที่ทำร้ายเอมิด้วยการโกหกหลอกลวง กับผู้ชายที่ทรยศความไว้ใจที่เอมิมอบให้
เหล่าพยานเท็จผู้ให้ความสนับสนุนพีน่าก็จะถูกพิพากษาไปกับเหตุการณ์นี้ด้วย เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะต้องให้วิลเลียดกับคนอื่นๆเห็นถึงความจริงในรูปแบบที่ชัดเจนที่สุด
หลังจากนี้จะมีอีกหลายคนที่ถูกทอดทิ้งหรือหมดอนาคตเพื่อสังเวยการก่อตั้งพันธมิตรกับเผ่าปีศาจ พวกเขาจะโดนอะไรบ้างก็ถือเป็นผลกรรมของตัวเอง คิดว่าข้าจะสงสารพวกเขาหรือ??
โซเฟียกับแองเจิลประสานงานกันได้ดีเยี่ยม หลักฐานปลอมแต่ละชิ้นกับคำโกหกของพยานแต่ละคนทยอยถูกเปิดเผยอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ‘หลักฐานและพยานทั้งหมดที่กล่าวหาว่าเรมิเลียตบหน้าผู้หญิงคนนั้นที่สวน ไม่มีความจริงแม้แต่เสี้ยวเดียว มีใครยังเชื่อเรื่องนี้อยู่อีก? ผู้หญิงตรงนั้นล่ะ’ แองเจิ้ลในบทบาทของราชาปีศาจพูดเสียงดัง พีน่ายังคงก้มหลบสายตาโดยไม่พูดอะไร วิลเลียดกับคนอื่นๆที่ก่อนหน้านี้ได้แต่อ้ำอึ้งก็เริ่มถอยออกห่างจากเธอและมองด้วยสายตารังเกียจ
หลายคนที่ถูกประจานว่าให้การเท็จจะมีความผิดที่ต้องกลับไปถูกไต่สวนอีกครั้ง บางคนพูดออกมาว่า ‘ภาพพวกนี้ต่างหากที่เป็นของปลอม’ แองเจิ้ลหัวเราะเยอะและตอบไปว่า ‘ข้าอยากจะรู้นักว่าใครยังจะเชื่อข้ออ้างของเจ้า’ พวกเขาจึงเริ่มกรีดร้อง
ในบรรดาผู้ที่โกหกในคดี ‘บุตรีดยุกเรมิเลีย’ ยังมีสามัญชนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกหลายคน ดั่งเช่นคนคุ้มกันและสาวใช้ส่วนตัวของข้าเป็นบุตรสาวคนที่สามกับบุตรคนที่สี่ของตระกูลขุนนางระดับล่าง พวกเขาสูญเสียสถานะขุนนางเมื่อถึงวัยที่ต้องออกจากบ้าน แต่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ยังมีพวกคนรับใช้ของสถาบันกับพวกนักเรียนทุนที่คล้ายกับพีน่า พวกเขาให้ความร่วมมือในการใส่ร้ายข้า หากว่ากันตามตามกฎหมายของอาณาจักร โทษของสามัญชนหลอกที่ลวงขุนนางจะรุนแรงยิ่งกว่า
ข้าเชื่อว่าพวกเขาแตกต่างจากกรณีของคนรับใช้ของ ‘บุตรีดยุกเรมิเลีย’ ที่ถูกซื้อด้วยเงิน พวกเขาสนับสนุนเพียงเพราะชื่นชอบ ‘เรื่องราวความรักระหว่างอดีตสามัญชนหญิงสาวแห่งดวงดาวกับเจ้าชาย’ อย่างแท้จริง พวกเขาต้องการสร้างสถานการณ์ให้เป็นเช่นนั้นและกำจัดอุปสรรคต่างๆด้วยสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นแค่การโกหกนิดๆหน่อยๆ ในเมื่อตัดสินใจให้การเท็จด้วยตัวเองก็คงจะเตรียมตัวรับโทษตามกฎหมายกันแล้วใช่ไหม?
คนที่ตกหลุมพรางในครั้งนั้นกลับมาในฐานะ ‘เทพีแห่งการชำระล้าง เรมิเลีย’ ผู้มีพระคุณต่อเผ่าปีศาจทั้งประเทศ เหล่าขุนนางบางส่วนรีบตัดขาดจากคนที่กำลังถูกประจานอยู่ตอนนี้เพราะไม่อยากให้ปีศาจมองในทางไม่ดี
“ภาพที่จะได้เห็นต่อจากนี้อาจดูรุนแรงสำหรับหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน เพราะฉะนั้น สุภาพสตรีท่านใดรับไม่ได้ก็กรุณาปิดหูและหันหลัง! …ท่านแองเจิ้ล เชิญค่ะ”
“โรมาโน่ โดล มัลคีรอฟ… อดีตคนคุ้มกันของเรมิเลีย นอกจากจะขายข้อมูลของเจ้านายที่ควรปกป้องแล้วยังทำเรื่องผิดประเพณีกับคนรักของมกุฎราชกุมาร”
โอ้โห! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโซเฟียจะรุกหนักขนาดนี้!
ข้าเก็บซ่อนความยินดีที่โลดเล่นอยู่ในใจไว้อย่างมิดชิด เหลือบตามองขณะหน้าแดงด้วยความเขินอาย ทำให้คลิมมองมาด้วยความสงสัย โดยที่ข้ายังพยายามทำลายบาเรียของแองเจิ้ลอย่างช้าๆแต่ให้ดูเหมือนทำเต็มที่แล้ว
“คุณเรมิเลียครับ…?”
“ก็ตอนที่… พีน่าร่วมมือกับโรมาโน่วางแผนใส่ร้ายข้า… นอกจากการซื้อตัวด้วยเงิน… ยังมีการร่วม… ระหว่างชายหญิงคู่แต่งงานเท่านั่นที่จะทำ… มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขาที่ไม่ควรให้ใครเห็น แต่ข้ามั่นใจว่าลบบันทึกส่วนนั้นออกไปแล้วนี่นา…”
ข้าแสดงความลำบากใจให้เขาเห็น ในตอนที่โซเฟียช่วยตรวจสอบบันทึกหลังจากที่ข้าทำเสร็จ เธอได้เห็นว่ามีภาพบางส่วนถูกตัดออกไปจนดูผิดธรรมชาติ เป็นช่วงหลังจากคนพวกนั้นพูดเรื่องไร้ยางอายของชายหญิง เธอจึงไปปรึกษากับแองเจิ้ลเพื่อขอให้เขาหาข้อมูลมาเติมส่วนที่ขาดหายไป ขั้นตอนนี้ข้าต้องอาศัยดวงพอสมควร มีความเสียงว่าพวกเขาจะสังเกตเห็นความผิดปรกติที่ข้าตั้งทำใจให้มันเกิดขึ้นหรือไม่
ข้าก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้เห็นรอยยิ้มที่ใกล้จะหัวเราะออกมาเต็มที วันนี้มีแต่เรื่องดีๆเข้าทางข้าเหลือเกิน คนที่เห็นจะคิดว่าข้าไม่กล้ามองภาพอนาจารของชายหญิงเหล่านั้นโดยตรง
แม้แต่ข้ายังตกใจในตอนที่ได้เห็นครั้งแรก เธอเปลื้องผ้าสวมกอดแนบชิด เปิดเผยเนื้อหนังมังสาแม้แต่ในส่วนที่ไม่ควรให้ใครได้เห็นนอกจากผู้เป็นสามี ใบหน้าซุกไซ้ไปที่หว่างขาเปลือยเปล่าของชายเบื้องหน้า… ดูเหมือนเธอจะรักษาพรหมจรรย์ในฐานะหญิงสาวเอาไว้ โดยใช้… รูที่เหลือ… และปากของเธอ ดุเดือดน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ป่าผสมพันธุ์ แม้ว่าข้าต้องการหาหลักฐานมาโจมตีศัตรูของเอมิก็ยังเกือบจะยอมแพ้กลางคัน
โชคดีที่โซเฟียสังเกตเห็นและนำฉากนั้นมาใช้อย่างดี คุ้มกับการที่ข้าต้องมาเห็นเรื่องอุจาดตาเหล่านี้
พ่อของข้าโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี คนที่หยิ่งยโสแบบเขาถูกมองเป็นไอ้โง่ที่จ่ายเงินจ้างคนรับใช้กับคนคุ้มกันเพื่อมาทรยศตัวเอง จะต้องรู้สึกอับอายจนไม่รู้เอาหน้าไปไว้ที่ไหนอยู่แน่
อันที่จริง หากเขาไม่จ้างคนรับใช้กับคนคุ้มกัน… ที่ไว้ใจไม่ได้ แผนการที่ทำให้ข้าถูกประณามก็คงไม่เกิดขึ้น ถ้าคนใกล้ตัวไม่หักหลังเป็นรายแรก ขโมยของใช้ส่วนตัวไปให้คนชั่วสร้างหลักฐานมาใส่ร้ายเจ้านายของตัวเอง… ไม่ใช่สิ ข้าไม่ควรหมกมุ่นกับอดีตที่ทำให้เอมิต้องเจ็บปวด ต้องคิดถึงอนาคตว่าจะตอบแทนคนพวกนั้นอย่างไรให้สาสม
“แองเจิ้ล! ได้โปรด พอแค่นี่เถอะ!”
ขณะภาพขนาดใหญ่ที่ปรากฏอยู่กลางห้องโถงแสดงฉากชายหญิงในร่างเปลือยกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างมัวเมา ในตอนนั้นเอง ข้าได้สร้างรอยแยกบนบาเรียได้สำเร็จ และเข้าไปห้ามไว้ในจังหวะที่เหมาสม อย่างน้อยเอมิคงต้องอยากรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้หญิงคนนั้น หลังจากผู้หญิงคนนั้นทำให้ข้าถูกเนรเทศได้สำเร็จ เธอพูดว่า ‘นี่มันผิดจากในเกมตั้งเยอะ จะปล่อยให้ผู้หญิงน่ารังเกียจนั่นไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่คนเดียวไม่ได้ เดี๋ยวส่งพวกผู้ชายไปเล่นสนุกกับมันดีกว่า เอาให้ไม่กล้าแต่งงานไปชั่วชีวิตเลย’ เหมือนเป็นเรื่องปรกติราวกับไปจ่ายตลาดแล้วนึกว่าอยากได้อะไรเพิ่มดี
อัญมณีเวทมนตร์บันทึกภาพเหล่านี้อาจสูญหายในภายหลัง มีโอกาสที่มันจะถูกใช้โดยสุภาพบุรุษหรือสุภาพสตรีเพื่อบรรเทาความเหงาก็ได้ใช้ไหม?
ออ แล้วก็ โรมาโน่กับคนคุ้มกันคนอื่นรวมถึงสาวใช้ที่เคยรับใช้เอมิ ข้าก็มีบทลงโทษให้กับพวกเขาเช่นกัน หลังจากวันที่ข้าถูกขับไล่ พวกเขาได้กลายเป็นนางกำนัลและอัศวินของวังหลวงด้วยความช่วยเหลือจากพีน่า โดยให้เหตุผลว่า ‘หลังจากเหตุการณ์นี้จะไม่สามารถรับใช้ตระกูลกราปเนอร์ได้อีกต่อไป’ แต่ด้วยความผิดของพวกเขาตั้งแต่ให้การเท็จและทรยศเจ้านาย จึงมีโทษประหารชีวิต หากข้าแสดงความเมตตาขออภัยโทษ พวกเขาก็จะได้รับอิสระแต่ก็ไม่มีอนาคต ไม่มีใครอยากจ้างอาชญากรที่เคยหักหลังเจ้านาย แม้แต่ครอบครัวของพวกเขาก็ตัดความสัมพันธ์ และทั้งห้าคนนี้จะกลับมาทำประโยชน์ให้กับข้าในตอนที่พวกเขา ‘หายสาบสูญ’ โดยไม่มีใครสนใจ
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น! วิลเชื่อฉันใช้ไหม…? ตอนที่ดูหลักฐานก็สรุปด้วยกันแล้วว่าเชื่อถือได้แน่นอนไงล่ะ?!!”
“ตอนนั้น…”
วิลเลียดเงยหน้ามองฉากกอดจูบอันเร่าร้อนระหว่างพีน่ากับโรมาโน่กลางห้องโถง และส่งเสียงพูดออกมาเบาๆด้วยความขยะแขยง
“นั่น นั่นมันภาพลวงตา! ท่านเรมิเลียสร้างมันขึ้นมาเพราะต้องการขัดขวางความสุขของฉันอีกครั้ง…”
“…แล้วทำไม พีน่าในภาพนั่นถึงมีไฝที่เดียวกันได้ล่ะ? เรมี่รู้ด้วยเหรอ?”
“ไฝ…? ตรงนั้น… แล้ววิลล่ะ ทำไมวิลถึงรู้?!”
“…ไม่นานหลังจากจบการศึกษา เจ้ามาหาข้าด้วยเสื้อผ้าชุดบาง เรียกร้องให้ทำเครื่องหมายแลกเปลี่ยนหลักฐานของความรักระหว่างชายหญิง แต่ข้าได้ปฏิเสธไปเพราะพวกเรายังไม่ได้แต่งงาน… ในตอนนี้ข้าดีใจเหลือเกินที่ไม่ได้ตอบตกลงในคืนนั้น”
“ไม่จริง!!”
จะว่าไป ภาพที่ถูกแสดงอย่างใหญ่โตนั้น หากมองดีๆก็จะเป็นไฝสองเม็ดอยู่ที่สะโพกของพีน่า อา โชคดีอะไรอย่างนี้ เธอมีจุดสังเกตเพื่อยืนยันตัวตนได้สะดวกปรากฏออกมาเด่นชัดในภาพบันทึก ยิ่งไปกว่านั้น วิลเลียดมองเห็นมันและยังจำได้ ข้าเดาว่านิสัยส่วนตัวของเขาอาจมีส่วน
“วิล… แย่ที่สุด… ไหนเคยบอกว่าอยากได้ฉันเป็นเจ้าสาวไงล่ะ… วิล…”
“…ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร ข้าก็ไม่เคยโกรธเกลียดเจ้าสักครั้ง… และที่น่าแปลกคือในตอนนี้ข้ามองเจ้าแล้วไม่รู้สึกถึงความรักใดๆต่อพีน่าเลย…”
“….เอ๋?”
“ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมในตอนนั้นข้าถึงหลงรักเจ้ามากมายขนาดนั้น… ท่านราชาปีศาจบอกว่าได้ถอนคำสาปบางอย่างให้พวกข้า… นี่ พีน่า… เจ้าทำอะไรลงไป…?”
วิลเลียดมีสีหน้าพะอืดพะอมคล้ายอยากอาเจียน ถอยออกห่างจากพีน่า ในน้ำเสียงมีความเกลียดชังจนพีน่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจ และเมื่อเธอมองไปรอบๆก็พบว่า โคลด เดวิด และสเตฟาน ก็กำลังมองเธอด้วยท่าทางไม่ต่างกับวิลเลียด เป็นเรื่องที่พีน่ายอมรับไม่ได้ เธอจึงขึ้นเสียง
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่! ฉันไม่ผิด… ไม่ผิดสักหน่อย… ก็วิลน่ะ ทุกคนน่ะ บอกว่าฉัน… พูดออกมาเองว่าชอบฉันมากกว่า…”
“ผิดแล้ว เจ้าจะโทษข้าไม่ได้ …ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า พีน่า… เป็นความผิดของเจ้าที่หลอกให้พวกข้าทำเรื่องโหดร้ายกับเรมี่…”
“วิล…?”
ดูเหมือนพีน่าจะยังไม่รู้ว่าขุนนางทุกคนในที่นี้รวมถึงลูกหลานของพวกเขาที่มาร่วมงาน ต่างก็มองเธอด้วยสายตาแบบเดียวกัน บุคคลอันเป็นที่รักของทุกคนที่เธอสร้างภาพเอาไว้ในสมัยที่ยังเรียนอยู่ได้หายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงสิ่งมีชีวิตโสโครกน่ารักเกียจที่สมควรถูกเหยียดหยาม ก็ไม่ต่างกับตัวตนที่แท้จริงของเธอสักเท่าไหร่
“ไม่จริง… โกหก โคร เด็บ สเต ทุกๆคน พวกนายชอบฉันไม่ใช่หรือไง เพราะฉันน่ารักจนทุกคนอยากแต่งงานด้วยไม่ใช่เหรอ?!!”
ไม่เพียงไม่มีใครตอบ ทุกคนที่เธอหันไปมองต่างเบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว ในเวลาเช่นนี้ไม่มีใครอยากถูกพาดพิง ทั้งเดวิด สเตฟาน และโคลด ปฏิเสธมือที่ยื่นมาหา พีน่าในชุดปักลวดลายหรูหราฟูฟ่อง ตัวสั่นแข็งทื่อ ส่งเสียงโอดครวญดูไม่เข้ากัน ‘อา…อ…อ๊า…’ และกระโจนใส่ข้า
“แก!!! ทั้งหมดนี้เป็นแผนชั่วของแก!!! ยัยผู้หญิงน่ารังเกียจ! ไปตายซะไปตายซะไปตายซะ!! อิจฉาที่ฉันเป็นนางเอกล่ะสิ! ก็เพราะแกมันโง่เอง!! เป็นความผิดของแก!!”
“กรี๊ด”
แน่นอนว่าแองเจิ้ลไม่ยอมให้พีน่าเข้าใกล้ข้า เขาปัดเธอล้มกระเด็นก่อนที่เธอจะเข้าถึงตัว องค์ราชาผู้น่าขายหน้าของประเทศนี้ได้สั่งให้ราชองค์รักษ์เข้าจับกุมผู้หญิงคนนั้นอย่างเด็ดขาดทันที เธอถูกจับตัวกดลงไปหมอบกับพื้น
“นี่มันโลกของฉัน! ถูกสร้างมาเพื่อนางเอกอย่างฉัน!!”
“โลกนี้ไม่ได้เป็นของใคร ผู้คนแต่ละคนล้วนมีอิสระในความคิดของตัวเองไม่ใช่หรือ?”
“ค่าความชอบที่ฉันสะสมมา แกทำมันหายหมด! ไอ้คนไม่เคารพต้นฉบับ! เนื้อเรื่องห่วยๆที่นี่มันอะไรกัน! เรื่องโกหกพวกนั้นก็ฝีมือแกด้วยใช่ไหม?! เทพมารลาสต์บอสต้องเป็นคนเดียวกับเทพแห่งการสร้างต่างหาก คนที่ฉันต้องเอาชนะและชำระล้างให้กลับสู่สภาพเดิม…! มารกับปีศาจก็เป็นสิ่งเดียวกัน! แล้วตอนนี้คิดจะหลอกคนอื่นๆเหมือนเรื่องหลอกลวงพวกนั้นด้วยเหรอ?!!
“ถึงกับกล่าวหาเทพแห่งการสร้างว่าเป็นเทพมาร…!”
“ก็มันจริงไม่ใช่หรือไง! แกน่ะ! เป็นคนกลับชาติมาเกิดเหมือนกันล่ะสิ! อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ!! ทั้งที่ทำถึงขนาดนี้ก็เพื่อขัดขวางความสุขของฉัน… น่ารังเกียจจริงๆ…!!”
“…คนกลับชาติมาเกิด? คืออะไร…”
“ก็แกนั่นแหละ เป็นคนที่มาเกิดใหม่! คิดจะแกล้งโง่ไปถึงเมื่อไหร่?! โอโตคิชิไงล่ะ! เพราะรู้อย่างนั้นแกถึงไปจับแองเจิ้ลมาอวดฉันไม่ใช่เหรอ…!”
“โอโตคิชิ…? ข้าไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร… และตัวข้าก็ไม่ใช่คนที่กลับมาเกิดใหม่เหมือนเรื่องราวในนิทาน ตั้งแต่เกิดมาข้าจำความได้ว่าเป็นเพียงเรมิเลีย และตอนนี้ข้าก็ยังคงเป็นแค่เรมิเลียเท่านั้น ไม่เคยมีความทรงจำของชาติที่แล้ว…”
หลังจากบอกไปว่าข้าไม่รู้จักโอโตคิชิ ข้าก็ค้นหามันในความทรงจำของเอมิ ดูเหมือนว่ามันคือชื่อเรียกของเรื่องราวในโลกนี้ ‘โฮชิโนะโอโตเมะ โทกิวเซโนะคิชิ (สาวน้อยแห่งดวงดาวกับเหล่าอัศวินผู้ขจัดภัย)’ ผู้เล่นจะเรียกย่อๆว่า ‘โอโตคิชิ’
เป็นเรื่องจริงที่ข้าไม่ใช่คนกลับชาติมาเกิด และไม่มีความทรงจำจากชาติก่อน เอมิต่างหากที่เป็นคนกลับชาติมาเกิด และความทรงจำที่ข้าเรียกดูนั้นก็เป็นของเอมิ ไม่ใช่ของข้า
ข้าตอบไปเช่นนั้นและพีน่าก็เห็นว่าแองเจิ้ลที่ดูอยู่ตลอดไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ เธอพึมพำด้วยสีหน้าไร้วิญญาณว่า ‘นี่มันอะไรกัน ไม่เห็นเข้าใจเลย’
ข้ามองไปที่พีน่าและดำเนินตามแผนการต่อไปให้จบ ข้าออกแรงจับแขนของแองเจิ้ลให้แน่นขึ้นราวกับหวาดกลัวพีน่า แองเจิ้ลยิ้มกลับมาอย่างอ่อนโยนและเข้ามาโอบเพื่อปกป้อง
ขณะที่เป็นเช่นนั้น… พีน่าจ้องหน้าข้าที่อยู่ในอ้อมแขนของแองเจิ้ลอย่างไม่เกรงกลัว เพื่อต้องการย้ำว่า ‘ฉันไม่มีวันยกตัวละครโปรดนี้ให้กับเธอแน่’ ข้าก้มมองเธอด้วยความสงสารราวกับนักบุญโปรดสัตว์
“คุณพีน่า… ช่างน่าสงสารจริงๆ ต้องการความรักจากคนอื่นถึงขั้นใช้คำสาปหลอกลวง ทั้งที่ความรักเหล่านั้นมันไม่จริง… คุณอยากได้ความรักมากจนยอมรับความรักจอมปลอมได้เลยหรือ…?”
“ทำไมเจ้าต้องสงสารนางด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ใส่ร้ายเจ้าจนต้องถูกขับไล่เชียวนะ…”
“ไม่ค่ะ แองเจิ้ล… จริงอยู่ที่ข้าเสียใจอย่างมากในตอนที่ถูกทุกคนประณามด้วยความผิดที่ไม่ได้ก่อ แต่ตอนนี้ข้ามีความสุขดี โดยที่คุณพีน่า… ใช้เงินทองมากมาย ซ้ำยังขายร่างกาย เพื่อให้ผู้คนรังเกียจข้า… สุดท้ายเธอยังก็ไม่มีความสุขเลยไม่ใช่หรือ…? ทั้งการทำให้ข้าได้รับความอัปยศ ทั้งการใช้คำสาปควบคุมจิตใจของผู้คน แต่คุณพีน่าก็ไม่เคยได้พบกับรักแท้… ข้ารู้สึกสงสารคุณพีน่าเหลือเกิน…”
“หา?! นี่แกพูดบ้าอะไรน่ะ!! คนอย่างแกอย่ามาเยอะเย้ยฉันด้วยการแสดงเป็นแม่พระนั่นนะ!! คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?!! ความสุขของฉันก็ถูกแกทำลายอยู่นี่ไงล่ะ!! ฉันไม่ยอมหรอก!! ฉันไม่ยอม ไม่ยอม ไม่ยอมเด็ดขาด!! ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก!!”
พีน่ากรีดร้องด้วยความเดือดดาล ของเหลวจากทุกส่วนบนใบหน้าไหลเประเปื้อน มือทั้งสองของเธอถูกจับไพล่หลังทำให้ไม่สามารถเช็ดได้… คนรอบข้างแสดงความรังเกียจออกมาอย่างชัดเจนชัดเมื่อได้เห็นน้ำตาอาบหน้า น้ำมูกไหลย้อย และน้ำลายฟูมปากของเธอ
ในทางกลับกัน ข้าหันหน้าในมุมที่งดงามที่สุด หยดน้ำตาที่ไหลออกมาสะท้อนกับแสงระยิบระยับจากโคมระย้า คนที่เคยร่วมประณามข้าเพราะหลงเชื่อคำหลอกลวงเหล่านั้นต่างหลบสายตาไม่กล้าสู้หน้าข้าด้วยความเคอะเขิน
ใช้แล้ว นี่แหละ ผู้หญิงคนนั้นมันน่าสมเพช น่าสมเพชเหลือเกิน เหล่าสมุนผู้ติดยาของเธอก็ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว คนที่เคยถูกซื้อด้วยเงินก็จะหันมากล่าวโทษเธอเพื่อให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง จากชีวิตที่เคยมีผู้ชายมากมายห้อมล้อมเอาใจ ตอนนี้เหลือตัวคนเดียวไม่มีใครเหลียวแล
ไม่มีใครอยู่ปกป้องเธออีกต่อไป ถูกจับกดลงแนบกับพื้น แขนถูกจับบิดไปด้านหลัง อยู่ในสภาพที่แสดงความอัปลักษณ์ออกมาได้อย่างเต็มที่ เบื้องหน้ามีศัตรูที่ครั้งหนึ่งเคยเอาชนะได้ด้วยกลโกงขี้ขลาด แต่ก็ได้กลับมาทวงเอาชัยชนะไปอย่างหมดจด เปิดเผยความผิดของเธอทั้งหมด ซ้ำยังถูกบอกว่า ‘น่าสงสาร’… ผู้หญิงอย่างเธอเกลียดการถูกคนอื่นเห็นใจมากที่สุดใช้ไหม? ดังนั้นข้าจะแสดงความเห็นใจจากก้นบึ้งของหัวใจ มอบความสงสารให้อย่างเต็มที่ แม้ส่วนใหญ่จะเป็นการประชด แต่ข้ารู้สึก ‘สงสาร’ ในความโง่เขลาของเธอจริงๆ
ในตอนนี้ พีน่ากรีดร้องไม่เป็นภาษา แม้แต่ข้าก็ฟังไม่ออกว่าเธอต้องการพูดอะไร แต่เธอก็ยังส่งเสียงต่อไปแม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยน้ำตาน้ำมูกน้ำลาย ข้าอยากจะถามเธอว่าตอนนี้รู้สึกเจ็บใจแค่ไหน และแล้วแองเจิ้ลก็ตะโกนออกมาสั้นๆว่า ‘หนวกหู’ ด้วยความหงุดหงิด เขาดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวและเสียงร้องของพีน่าก็จบลง เฮ้อ น่าเสียดาย
กลางห้องโถงอันเงียบสงบ หลังจากเสียงโหยหวนของพีน่าขาดหายไปก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก เบื้องหน้ามี ‘เทพีแห่งการชำระล้าง เรมิเลียผู้เมตตา ให้ความสงสารแม้กระทั้งกับผู้ที่เคยใช้คำลวงชักจูงให้ผู้คนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอ’ หลั่งน้ำตาอยู่ข้างๆราชาปีศาจผู้สูงส่งงดงามที่กำลังลูบหัวราวกับต้องการปลอบโยน ผู้คนโดยรอบกำลังมองฉากที่สวยงามราวกับภาพวาดนี้
เชื่อได้เลยว่าเอมิจะต้องร้องไห้สงสารผู้หญิงคนนี้แน่ คนใจดีอย่างเธอจะไม่เลือกใช้คำพูดยั่วยุทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายด้วยความตั้งใจเหมือนกับที่ข้าทำ
แองเจิ้ลหมุนตัวสลับที่กับข้าเพื่อบังสายตาข่มขู่ของพีน่าที่จ้องมาอย่างไม่ลดละ ราชองครักษ์ทั้งหลายเข้ามาลากตัวพีน่าออกไปจากห้องโถงงานเลี้ยง โธ่…ตกเวทีไปซะแล้ว ช่วยไม่ได้ ถ้าข้าพยายามถ่วงเวลาเพื่อประจานเธอต่อไปมันจะดูไม่เป็นธรรมชาติ… ข้าจะยอมปิดฉากลงแค่นี้ก่อนก็ได้