บทที่ 265 บ้านอันน่าตกตะลึง

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 265 บ้านอันน่าตกตะลึง

บทที่ 265 บ้านอันน่าตกตะลึง

แม้ว่าเสี่ยวชิงจะอธิบายอย่างชัดเจน แต่สายตาของทุกคนก็ยังมองฉู่เหินแบบแปลก ๆ อยู่ดีจนกระทั่งซวี่เหลียงอดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมาจากนั้นผู้คนที่ยืนอยู่บนชายฝั่งก็ระเบิดหัวเราะออกมายกใหญ่ จนทำให้ฉู่เหินหมดคำจะพูด

ทุกคนในที่นี่เห็นฉู่เหินตัวกลมยังกับลูกบอล เชื่อเถอะถ้าไม่มีหัวหรือแขนขาแล้วมองอย่างไรก็เป็นลูกบอลลูกใหญ่ ๆ แน่ ๆ ฉู่เหินอดที่หันไปมองค้อนตาเหลือกใส่ซวี่เหลียนที่ยืนขำไม่หยุด

อย่างไรก็ตาม 2 สามีภรรยาหลิวจ้านซานเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากกลับกันพวกเขาพูดออกมา “พวกนายไม่รู้อะไร นี้แหละที่เรียกว่าคนรวยและก็สุขภาพดี เป็นหุ่นของเสี่ยที่แท้จริง !” พอได้ยินแบบนั้นฉู่เหินก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างอย่างน้อยพวกเขาก็ยังคงเป็นพ่อตา แม่ยายที่ดีอยู่ล่ะนะ แต่ในวินาทีต่อมาก็มีคู่คนแก่พูดออกมาสองประโยคที่ทำให้ฉู่เหินแทบจะหัวทิ่ม

“แต่นี่มันก็อุดมสมบูรณ์ไปหน่อยแล้วมั่ง ไม่รู้ว่าเตียงจะทนเขาไหวรึเปล่าเนี่ย ไปหาไม้หน้าบ้านมาทำเตียงใหม่สักอันสิ ” เดิมทีทุกคนก็หยุดหัวเราะกันไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง

ทุกคนพูดคุยและหัวเราะไม่หยุดระหว่างทางที่เดินกลับบ้าน ตลอดทาง

ฉู่เหินยังได้ยินว่าบ้านพักของเขาสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ถึงแม้ว่าระหว่างก่อสร้างงบมันจะไม่พอ ซวี่เหลียงเลยนำปลาเกล็ดขาวไปขายชุดหนึ่งซึ่งจะได้มีทุนไปสร้างบ้านต่อ เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉู่เหินก็ไม่ได้สนใจซักเท่าไหร่

ตอนนี้เขามีความคาดหวังเป็นพิเศษว่าบ้านพักของเขาจะหน้าตาเป็นยังไงในขณะที่ทุกคนเดินไปยังบ้านพักนั่น ทุกคนจงใจเดินช้า ๆ และปล่อยให้

ฉู่เหินเป็นคนเดินนำ พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปยังใบหน้าของฉู่เหินเพื่อต้องการดูว่าชายหนุ่มจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อเห็นบ้านพักของเขา

ตัวบ้านอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งมากนัก เพียง 10 นาทีก็มองเห็นป้ายห้อยชื่อแขวนอยู่เหนือบ้านอย่างชัดเจน ตัวอักษรสามตัวบนนั้นส่องสว่างภายใต้แสงอาทิตย์

เมื่อมองหมู่บ้านเล็ก ๆ นี้จากระยะไกล มันช่างดูแตกต่างเสียจริง ฉู่เหินหยุดยืนตาค้าง ! รูปร่างของบ้านเป็นแบบทรงหอยเชลล์ที่มีช่องครึ่งวงกลมในด้านหน้าและชิ้นส่วนที่ยื่นออกมาด้านหลัง ถ้ามองจากระยะไกลจะดูเหมือนพัดขนาดใหญ่ถ้าหากมองแบบไม่ได้ตั้งใจน่ะนะ

มีคานไขว้หลายที่ด้านหน้าของวิลล่า ถ้ามองมันอย่างใกล้ชิดปรากฎว่ามันไม่ใช่คานแต่เป็นระเบียง การตกแต่งบางอย่างถูกเพิ่มลงในระเบียงกว้างขวาง ถ้ามองจากระยะไกลจะดูเหมือนมังกรเลยก็ว่าได้ ลวดลายมีความงามที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับตะวันตก

ตัวบ้านทั้งหมดมีอยู่ด้วยกัน 3 ชั้น แต่ที่นี่แตกต่างจากที่อื่น พื้นของบ้านหลังนี้ปล่อยว่างอย่างสมบูรณ์จากโครงสร้างเป็นแบบโมเดิร์น ตัวบ้านทั้งหมดก็อยู่ใต้ทะเลอย่างสมบูรณ์ ดอกไม้สวยงามทุกชนิดกำลังเบ่งบานอยู่ข้างใน ! เสา 36 ต้นช่วยยกและค้ำจุนบ้านทั้งหลังเหมือนหอคอยในท้องฟ้า

ฐานสไลด์ทั้งสามเชื่อมต่อกันและส่วนที่เชื่อมต่อทำไมนั้นไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่มันก็ให้ความงดงามตามธรรมชาติและความกลมกลืนที่เข้ากันดี บันไดเวียนด้านนอกวนเวียนอยู่เหมือนนกอินทรีบินกลับไปสู่รัง

ด้านนอกของบ้านพักเป็นสีชมพูอ่อนสะท้อนไปทั่วท้องฟ้าสีฟ้า แค่นี้มันก็ดูสวยงามมากแล้ว ! และเมื่อฉู่เหินเดินเข้าไปไล่ขึ้นอีก หัวใจของเขาก็ยิ่งตื่นเต้น

หลังจากเข้าไปในบ้านพักกลิ่นหอมจาง ๆ ก็แล่นเข้าสู่หัวใจและปอด นั่นเกิดจากการตกผลึกของดอกไม้และพืชที่อยู่รอบ ๆ ! ในตอนแรกฉู่เหินรู้สึกว่ามันไม่สะดวกสำหรับการที่เขาจะขึ้นบันไดด้วยบันไดที่มีราวจับข้างเดียว อย่างไรก็ตามด้วยความห่วงใยของหวงม่านอิ่ง จึงได้สร้างลิฟต์ภายในบ้านเอาไว้ด้วย ด้วยวิธีนี้มันจะง่ายกว่ามากสำหรับพี่ชายของเขาเวลาที่เขาจะต้องลงไปข้างล่าง

ทางเดินสีเขียวปูด้วยกรวดและกระเบื้อง เพื่อเป็นการนวดฝ่าเท้าให้คนที่เดินบนนี้ได้ และเก้าอี้ไม้จันทร์ของหวงเจี้ยนหมิงก็สามารถเคลื่อนที่บนกระเบื้องที่นั้นได้อย่างลื่นไหล ! ที่ด้านนอกสุดของบ้านพักมีต้นคบเพลิง ต้นไม้เหล่านี้เป็นต้นไม้ที่ฉู่เหินหว่านแหได้มาครั้งล่าสุด เนื่องจากต้นไม้นี้สวยงามมากหวงม่านอิ่งเลยทำการนำมันมาตกแต่งเสียเลย

มีเถาวัลย์กระหายเลือดที่เติบโตรอบ ๆ ต้นคบเพลิงและเขาไม่เคยคิดว่าความเร็วในการขยายพันธุ์ของมันจะเร็วมาก ในเวลาเพียง 1 เดือนต้นไม้หลายร้อยต้นก็กำเนิดเติบโตขึ้นมา

ดอกไม้และวัชพืชแปลก ๆ ที่ถูกปลูกไว้รอบ ๆ บ้านพักก็เป็นเมล็ดของต้นหญ้าวิญญาณที่เขาได้รับจากต่างโลก หลังจากทำการเพาะปลูกพืชจิตวิญญาณเหล่านี้แล้วพลังดวงดาวจำนวนมากก็ถูกปล่อยออกมา ครอบคลุมไปทั่วทั้งบ้านหลังนี้และบริเวณโดยรอบ !

ฉู่เหินสามารถสังเกตได้เลยว่าทิศทางในการปลูกดอกไม้เหล่านี้พิเศษมาก ราวกับว่ามันเป็นค่ายกลที่ถูกเตรียมเอาไว้ หากคนนอกมาถึงที่นี่เป็นครั้งแรกและเดินเข้ามาใกล้ ๆ บ้านคงคิดว่าเพียงแค่ความฝัน

ไม่ต้องพูดอะไรให้มากมาย ห้องนอนและห้องนั่งเล่นอยู่ที่ชั้นแรก ชั้นสอง และชั้นสาม ทั่วทั้งห้องก็บ่งบอกได้ถึงรูปแบบของตัวมันเอง เหนือหลังคาขึ้นไปก็คือระเบียงขนาดใหญ่

ผนังรอบโต๊ะทำจากเหล็กโครงสร้างพิเศษทั้งหมด ยามเวลาว่างคุณจะสามารถดูดาวและดูดวงจันทร์ได้ หากเผชิญกับลมและฝนตกหนักก็สามารถนำไปใช้เป็นโครงสร้างเหล็กนิรภัยและกระจกนิรภัยได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยวิธีนี้มันจะกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวเล็กๆได้

และบนลานดูดาวนี้มีอุปกรณ์ดูดาวจำนวนมากอยู่ บอกได้เลยว่าอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมมาก ๆ

ฉู่เหินยืนอยู่ที่นี่หลับตาและสัมผัสพลังดวงดาวขนาดใหญ่ที่อยู่รอบตัวเขาอย่างเงียบ ๆ เขายังมีความรู้สึกว่าถ้าเขาได้รับการฝึกฝนในสภาพแวดล้อมเช่นนี้วิชายุทธ์ของเขาจะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว

เดิมทีฉู่เหินวางแผนที่จะให้ทุกคนเลือกห้องของตัวเอง แต่หลังจากที่เขาพูดไปแบบนั้นเขาก็พบว่าทุกคนได้เลือกห้องกันไปหมดแล้ว ทั้งชั้นแรกเป็นของครอบครัวเงือก พวกเขามีกัน 20 คนและแบ่งกันจนเหลือห้องน้อยมาก โชคดีที่คนเหล่านี้ค่อนข้างมีมนุษยธรรมอยู่ เหลือห้องเอาไว้ให้โป๋อีกู่กับโจวหู่

ห้องบนชั้นสองไม่กว้างมากเท่าไหร่ พี่ชายและหวงลี่ลี่เลือกกันไปแล้วสองห้อง เสี่ยวเฟิงและพ่อตาของเธอก็ด้วย ฉู่เหินเองก็ยังเหลือห้องอีก 2 ห้อง นอกจากนี้ เจียงฉงยิงและเจียงฉงเซี๋ยก็เลือกกันไปคนละห้อง ฉู่เหินเองก็ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมีความสุขในใจ มันเป็นสิ่งที่ดีที่ทุกคนสามารถรวมตัวกันได้และถ้าหากมีอันตรายใด ๆ เขาจะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที

แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่เหินพูดไม่ออกก็คือหวงม่านอิ่งดันเลือกห้องที่ชั้นสองด้วย ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นแต่ตงโกวจีหยาง รวมถึงฉางเย่และซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ที่เพิ่งมาถึงก็เลือกห้องของตัวเองไว้แล้วด้วย 1 ห้อง !

และครอบครัวของซวี่เหลียงเองก็เอาไปแล้ว 2 ห้องเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องพูดว่าพวกต้าเอ้อตุนเองก็เลือกห้องบนชั้นสองไปเรียบร้อยแล้ว เป็นผลให้ถึงแม้ว่าจะมีห้องพักเหลืออยู่บ้างในชั้นสองแต่ก็มีไม่มากนัก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ฉู่เหินพูดไม่ออกเลยก็คือคนเหล่านี้ทิ้งชั้นสามไว้ให้เขาทั้งหมด แม้ห้องของเสี่ยวชิงจะอยู่บนชั้นสามด้วยก็ตาม แต่หลังจากมาถึงชั้นสามฉู่เหินเองก็พูดอะไรไม่ออกเพราะว่ามีคำว่าเฉินเจียน ! สองคำนี้แขวนไว้ที่หน้าประตูบานหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าห้องนี้เป็นของเธอนั่นเอง

หลังจากเห็นแบบนี้ก็เกิดความเงียบขึ้นมา เพราะเขาจำได้ว่าตัวเองอยู่กับเฉินเจียนในตอนนั้น แต่การที่เธอไม่ปรากฎตัวออกมานี่แหละที่ทำให้เขาสงสัยยิ่งกว่าเดิม

ฉางเย่ ยังคงเพ้อฝันโดยหวังว่าสักวันเธอจะได้เป็นแฟนกับฉู่เหิน แต่เมื่อเธอรู้จักฉู่เหินจริง ๆ แล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะระงับความคิดนี้ไว้ในหัวอย่างลับ ๆ เธอรู้ว่ามันเป็นความคิดที่ไร้สาระมาก แต่ทั้งเธอ เสี่ยวชิง และก็ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน พวกเธอเหมือนกำลังรอโอกาศอะไรบางอย่าง

ฉู่เหินไม่รู้จะทำยังไงกับ ฉางเย่ จนเลิกคิดไปแล้ว ยังไงก็แล้วแต่ไม่มีปัญหาอะไรที่เธอจะอยู่ที่นี่ เขาช่วยเธอระหว่างการเดินทาง เพราะงั้นฉู่เหินก็จะดูแลเธอให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้

บ้านหลังนี้มีพื้นที่ใหญ่มากพอแม้จะมีคนมาจับจองแล้วก็ยังมีสวนกว้าง ๆเหลือกว่า 10 เอเคอร์ มันยากมากที่จะมีคนภายนอกเข้ามาได้ แม้ว่าจะเข้ามาแล้วก็ยังไม่เห็นภาพรวมทั้งหมดอยู่ดี ว่าภายในนี้มีอะไรบ้าง