บทที่ 89: นักสู้นั้นเหนือกว่า!
โต๊ะหินอ่อนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและล้มลงกับพื้น
ทุกคนถอยกลับด้วยความตกใจ พวกเขาทุกคนไม่ทันตั้งตัวเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก บางคนถึงกับพลัดตกจากเก้าอี้ และมองเหม่ออย่างสุดขีด
เท้าของเจียกุ่ยเหลินถูกทับด้วยโต๊ะหินอ่อนที่หัก เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
หลี่ซิ่วเหม่ยและหวังหยานนั่งอยู่ข้างๆหวังเต็ง ดังนั้นชิ้นส่วนหินอ่อนทั้งหมดจึงถูกผลักออก โดยหวังเต็งและทําให้พวกเธอก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
ถึงกระนั้นพวกเธอก็ตกใจกลัวมาก พวกเธอมองไปที่หวังเต็งอย่างมึนงง
เปาเจ๋อชิงและคนอื่นๆหน้าซีด พวกเขาคลานขึ้นจากพื้นอย่างไม่เป็นระเบียบ ชุดของพวกเขาสกปรกจากฝุ่น แต่พวกเขาก็ไม่มีเวลาทําความสะอาดตัวเอง พวกเขาทั้งหมดทําเพียงแค่จ้องมองไปที่หวังเต็งด้วยความประหลาดใจ
“ โอ้พระเจ้า!”
“ ตา ดูความสามารถของนายน้อยหวังของเราสิ เขาไม่ต้องการเราแล้ว”
เฉินเอ๋อโกวรีบมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เหลือ พวกเขากําลังยืนอยู่นอกประตูกับผู้เฒ่าซุน เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ กรามของพวกเขาก็แทบจะทรุดลงกับพื้น
หวังเต็งเดินไปข้างหน้าเปาเจ๋อชิงและมองที่เขา “ แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน?”
“ เจ้าหนู อย่าคิดว่าแกจะหยิ่งได้เพียงเพราะแกมีความสามารถแค่นี้นะ” เปาเจ๋อชิงกลืนน้ําลายของเขาและก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เขาตะโกนว่า “โจวเล่ย!”
ชายหนุ่มกล้ามโตวิ่งออกมาจากมุมห้องและเล็งหมัดขนาดใหญ่ไปที่หวังเต็ง
“ ระวัง!”
“ ลูก ระวัง!”
การแสดงออกของหลี่ซิ่วเหม่ยและหวังหยานเปลี่ยนไป พวกเขาตะโกนพร้อมกัน
“ อิ่ม!”
หวังเต็งพ่นรมหายใจออกมา ในเวลาเดียวกันเขาก็ยกกําปั้นขึ้นและรับหมัดของเขาอย่างส บายๆ
แตก!
เสียงกระดูกแตกทําให้ทุกคนในที่เกิดเหตุหวาดกลัว
ใบหน้าของหลี่ซิ่วเหม่ยและหวังหยานเปลี่ยนเป็นซีดขาว พวกเขาคิดว่าหวังเต็งได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมาเสียงกรีดร้องของความเจ็บปวดก็ดังออกมาจากปากของชายหนุ่มที่มีกล้ามเป็นมัดๆ ร่างของเขาพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกกอล์ฟและกระแทกเข้ากับกําแพงอย่างแรง
แขนของเขาบิดเบี้ยวอย่างสมบูรณ์
ไขมันบนใบหน้าของเปาเจ๋อชิงเริ่มสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเขาเห็นภาพที่น่าสยดสยองนี้ เหงื่อเย็นๆหยดลงมาที่หน้าผากของเขา
หวังเต็งเหลือบมองไปที่ชายคนนั้น จากนั้นเขาก็มองออกไปนอกหน้าต่าง
มันมีตึกสูงอยู่ตรงข้าม
“ นั่นคือบริษัทของแกใช่ไหม?” หวังเต็งถาม
“ ถ้าใช่แล้วแกจะทําไม” ขาของเปาเจ๋อชิงเริ่มอ่อนแรง แต่เขาก็ยังคงบังคับตัวเองให้สงบ
หวังเต็งกล่าวว่า “ มีคนเคยบอกฉันว่า เราไม่สามารถทําตัวติดดินได้ตลอดเวลา เมื่อมันถึงเวลาต้องแสดงความสามารถ งั้นก็จงระเบิดความสามารถให้โลกตะลึงไปเลย!”
“ ซึ่งเมื่อก่อนฉันก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ฉันก็คิดว่าคําพูดของเขามันสมเหตุสมผล
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ตบโลงศพบรรจุอาวุธที่อยู่ข้างๆเบาๆ จากนั้นเขาก็หยิบดาบออกมาจากโลงศพ
“ แกคิดที่จะทําอะไรน่ะ?” เปาเจ๋อชิงตะโกนด้วยความกลัวและความประหลาดใจในขณะที่เขาถอยกลับอย่างต่อเนื่อง
หวังเต็งเหลือบมองไปที่เขาโดยไม่พูดอะไร
เขาเดินไปที่หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน
ทันใดนั้น พลังฟอร์สสีแดงก็ระเบิดออกจากร่างกายของเขาราวกับเขากําลังสวมชุดสีแดง พลังฟอร์สสีแดงโหมกระหน่ําในอากาศ
เฉือน!
หวังเต็งเหวี่ยงดาบออกไป
จากนั้นแสงจากดาบก็ผ่าอากาศออกเป็นครึ่งหนึ่ง!
หน้าต่างระเบิดออกในทันที ในเวลาเดียวกัน แสงจากดาบสีแดงก็ตัดผ่านกําแพงของอาคารที่อยู่ตรงข้ามพวกเขา และทิ้งรอยดาบสีดํายาวและรอยไหม้เอาไว้
ทุกคนต่างตกตะลึง ไม่มีใครพูดอะไรอยู่เป็นเวลานาน
“ นะ… นักสู้”
ใบหน้าของเปาเจ๋อชิงเปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างสมบูรณ์ เขายังคงพูดติดอ่างและใช้เวลานานก่อนจะพูดสองคํานี้ออกมา
“ เป็นไปได้ยังไงกัน?”
เจียกุ่ยเหลินมองไปที่หวังเต็งด้วยความงุนงง จิตใจของเขาเต็มไปด้วยภาพของหวังเต็งในสมัยเด็ก แต่เมื่อเขาได้สติมา เขาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เด็กขี้เล่นและอวดดีคนนี้จะเป็นนักสู้ได้อย่างไร?
เขาไม่สามารถยอมรับได้ว่า “ลูกชายไร้ประโยชน์” ที่หวังเฉินกั่วเป็นนักสู้
นี่มันเรื่องไร้สาระชัดๆ!
หากสิ่งนี้ไร้สาระ แล้วอะไรจะไร้สาระล่ะ?
สมาชิกผู้ก่อตั้งบริษัททุกคนมีสีหน้าเหมือนกัน มันไม่มีใครยอมรับความจริงที่ว่าหวังเต็งนั้นเป็นนักสู้
นี่มันไร้สาระ
หวังเต็งยังเด็กอยู่อย่างนั้นแล้วเขาจะกลายเป็นนักสู้ได้อย่างไร?
หลี่ซิ่วเหม่ยและหวังหยานเองก็รู้สึกตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นความสุขก็หลั่งไหลออกมาจากใจของพวกเขาราวกับน้ําพุนิรันดร์ พวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจนถึงความหมายของการเป็นนักสู้
ตราบใดที่หวังเต็งยังอยู่ บริษัทของพวกเขาก็จะไม่มีวันล่มสลาย
นักสู้สามารถปราบปรามคู่ต่อสู้ของเขาได้ด้วยความสามารถของเขา และถ้าใครก็ตามต้องการที่จะยึดทรัพย์สินของเขาด้วยเจตนาที่ชั่วร้าย เขาก็สามารถฟ้องบุคคลคนนั้นในศาลได้ และผู้ชนะก็จะเป็นนักสู้อย่างแน่นอน
นักสู้สามารถฆ่าคนได้เมื่อมีเหตุผลที่สมควร
และพวกเขาก็สามารถฆ่าก่อนและแจ้งภายหลังได้
นี่คือสิ่งที่เรียกว่านักสู้ในสังคม
นักสู้นั้นเหนือกว่า!
“ ดูรอยดาบนั่นให้ชัดๆนะ ถ้าแกยังกล้าที่จะมาเล่นปาที่แถวนี้อีกล่ะก็ ครั้งต่อไปที่รอยดาบนี้จะปรากฏขึ้นก็จะไม่ใช่ที่ตัวอาคาร แต่จะเป็นบนตัวแกนี่แหละ!”
“ และฉันก็ไม่แน่ใจนะว่ามันจะเป็นรอยดาบหรือรอยตัด!”
หวังเต็งมองไปที่เปาเจ๋อชิงและพูดอย่างเย็นชา
จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆตัวเขา สายตาของเขาจ้องไปที่เจียกุ่ยเหลินสักครู่ก่อนที่เขาจะ มองไปที่คนอื่น อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครกล้าหันกลับมามองเขา
“ ไม่ว่าพวกคุณจะคิดอะไร จงทําตัวให้ต่ําต้อยและถ่อมตนเอาไว้จนกว่าพ่อของฉันจะกลับมา และเมื่อเขากลับมาแล้ว พวกคุณจะทําอะไรก็ได้ที่สมควรทํา!”
ทั้งห้องประชุมเงียบสนิท ผู้คนที่มีความคิดเข้าข้างเปาเจ๋อชิงก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
นี่คือนักสู้
ด้วยนักสู้ที่คอยดูแลตระกูลหวัง มันก็จะไม่จําเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของบริษัทอีกต่อไป ในเวลานั้นในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้งบริษัท ทรัพย์สินของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณอย่างแน่นอน
อย่าไรก็ตาม ในตอนนี้
หลังจากที่หวังเฉินกั๋วกลับมา มันก็อาจจะมีการทําความสะอาดครั้งใหญ่
ใครก็ตามที่ทําร้ายพวกเขาด้วยการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์และผู้ที่ไม่มีความคิดที่แน่วแน่ จะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้
และสิ่งที่สําคัญที่สุดในตอนนี้คือ พวกเขาไม่กล้าที่จะยั่วยุใครแล้ว ท้ายที่สุดแล้วหากพวกเขาถูกหมายหัวโดยนักสู้อย่างหวังเต็ง พวกเขาก็อาจจะเจอปัญหานรกแตกของจริงก็ได้
ใบหน้าของเจียยุ่ยเหลินเปลี่ยนเป็นสีเขียว
เขาเป็นคนที่ทําให้ตระกูลหวังรู้สึกอุ่นเคืองมากที่สุด
เปาเจ๋อชิงสัญญาว่าจะให้หุ้นบริษัท 10% แก่เขา และนั่นคือเหตุผลที่เขาตกลงที่จะทําให้หุ้นของบริษัทราคาตก ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดการควบรวมกิจการได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ทุกอย่างที่เขาทําไปนั้นก็เปล่าประโยชน์
เขาจะไม่มีหุ้นในบริษัทใหม่ และการเดินทางของเขาในซิงเต็งก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ในไม่ช้า เขาก็ จะถูกไล่ออกโดยหวังเฉินกั่วและดีไม่ดีเขาก็อาจจะถูกแก้แค้นด้วยซ้ํา เขาอาจจะไม่สามารถอยู่ร อดในตงไห้ได้อีกต่อไป
หวังเต็งไม่สนใจคนเหล่านี้ที่กําลังโอดครวญ เขานําหล่ซิ่วเหม่ยออกจากห้องและถามว่า “ แม่ เกิดอะไรขึ้นกับพ่อ?”
“ พ่อของลูกไปที่เมืองใกล้เคียงเพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการ แต่มันมีปัญหาในเรื่องของผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ นอกจากนี้ อีกฝ่ายก็ยังละเมิดกฏ และคุมตัวพ่อของลูกไว้ด้วยความช่วยเหลือจากทรราชในท้องถิ่น พวกมันจะไม่ปล่อยเขาจนกว่าเขาจะตกลงเซ็นสัญญา” หลี่ซิ่วเหม่ยอธิบายด้วยสีหน้ากังวล
หวังเต็งได้แสดงความสามารถของนักสู้แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็นเด็กอีกต่อไป
“ คุณปูส่งคนไปช่วยแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ผลเลย” หวังหยานกล่าวเสริม
“ โครงการอะไรกัน? ทําไมพ่อซึ้งกจัง เขาสามารถเห็นด้วยกับพวกเขาก็ได้นี่ ก็จริงที่เราอาจจะสูญเสียเงินไปบ้าง แต่ชีวิตมันสําคัญกว่านะ” หวังเต็งขมวดคิ้วและกล่าว
“ มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ มันมีบางอย่างผิดปกติกับโครงการนี้ มันมีความหมายอย่างมาก พวกเขาต้องการใช้พ่อของลูกเป็นแพะรับบาป” หลี่ซิ่วเหมียรู้บางอย่าง แต่เธอก็ไม่รู้รายละเอียดที่แน่นอน
* ห้ะ?” หวังเต็งรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างแปลกๆ นี่เป็นแผนงานของคนภายใน อย่างงั้นหรอ? อย่างไรก็ตาม ในชีวิตที่แล้ว พวกมันก็จะเริ่มโจมตีตระกูลของเขาหลังจากที่เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว