ตอนที่ 88 เจตจํานงแห่งดาบ! ลานประลองเป็นตาย!

สิบห้าวันต่อมา

การทดสอบเข้าเป็นศิษย์นอกจะเริ่มในอีกไม่กี่วัน ในช่วงเวลานี้ ผู้อาวุโสของสํานักดาบราชัน กล่าวได้กําลังยุ่งกันอย่างมาก ส่วนบรรดาศิษย์ทั้งหลายที่จะเข้าทดสอบต่างพากันกลัวที่จะไม่ผ่านและต้องอยู่เป็นศิษย์นอกต่อ เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่ง

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ทุกคนก็ยังหาได้ลืมเรื่องหนึ่งไม่ มันเป็นวันประลองระหว่างศิษย์แรงงานหยางเย่ผู้ที่ท้าหลิวชิงอวี่ที่อยู่อันดับสิบเก้าประลอง

เพราะสิ่งนี้เป็นประเด็นร้อนแรงในสํานักนอกอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าในช่วงเวลานั้นพวกเขาเย้ยหยั่นหยางเย้ที่ประเมินตนเองสูงเกินไป แต่ตอนนี้กลับถกเถียงกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการต่อสู้

ถึงแม้หยางเย่จะอยู่ขั้นปราณมนุษย์ แต่ก็สามารถไปได้ถึงชั้นยี่สิบสองของหอคอยผู้รับใช้ดาบ ดังนั้นไม่จําเป็นต้องสงสัยในความแข็งแกร่งของเขา อีกด้านหนึ่งหลิวชิงอวี่ศิษย์รุ่นพี่อยู่ขั้นปราณสวรรค์ระดับหนึ่ง เขายังเป็นถึงอัจฉริยะที่อยู่อันดับสิบเก้าในเทียบอันดับนอก ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาก็หาได้ด้อยกว่าไม่

ยิ่งกว่านั้น ผู้คนในสํานักนอกส่วนใหญ่ไม่ได้ชื่นชอบหยางเย่ เพราะหลิวชิงอวี่อยู่ในขั้นปราณสวรรค์ หากหลิวชิงอวี่มาจากตระกูลธรรมดา เช่นนั้นผู้คนคงหันไปชื่นชอบหยางเย่มากกว่า แต่หลิวชิงอวี่หาได้มาจากโลกที่ธรรมดาไม่ เขาเป็นชนชั้นสูงที่ได้รับการอุปถัมภ์จากสํานัก

ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากอย่างมากสําหรับหยางเย่ที่จะเอาชนะเขา

กล่าวคือไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ มันจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก

****

เวลานี้ ศิษย์สํานักดาบราชันจํานวนนับไม่ถ้วนได้เข้ามารอชมกันจนเต็มลานประลองเป็นตาย

ศิษย์นอกที่เพิ่งเข้าสํานักยืนดูอยู่ด้านซ้าย ส่วนศิษย์รุ่นพี่ยืนอยู่ด้านขวา ถึงแม้พวกเขาจะเป็นศิษย์สํานักนอกเหมือนกัน แต่พวกเขาต้องแยกกันเป็นสองกลุ่ม

ความหมายของการต่อสู้ในครั้งนี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เดิมมันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างหยางเย่กับหลิวชิงอวี่ แต่หลังจากหยางเย่กลายเป็นศิษย์นอก ความหมายของการต่อสู้ก็ได้เปลี่ยนไป เพราะหยางเย่ได้กลายเป็นตัวแทนของศิษย์นอกรุ่นน้อง นับตั้งแต่ที่หยางเย่ไปมีเรื่องกับศิษย์คนหนึ่งจากเทียบอันดับศิษย์นอก ชื่อเสียงของเขาก็ได้โด่งดังขึ้นมาทันที

ตอนนี้บรรดาศิษย์ใหม่ด้านซ้ายทั้งหมดมาเพื่อให้กําลังใจหยางเย่

ส่วนด้านขวามาเพื่อให้กําลังใจหลิวชิงอวี่ พวกเขาไม่สนว่าทั้งสองจะขัดแย้งกันยังไง พวกเขาทราบเพียงแค่หลิวชิงอวี่เป็นตัวแทนของศิษย์รุ่นพี่ ดังนั้นหากหลิวชิงอวพ่ายแพ้ พวกเขาจะต้องเสียหน้ากันทุกคน

“หลิวชิงอวี่อยู่ที่นี่แล้ว!” ทันใดนั้นมีใครบางคนตะโกนออกมาจากฝูงคน

ทุกคนหันไปมองยังลานประลองเป็นตาย พวกเขาเห็นร่างหนึ่งกําลังลอยลงมาอย่างช้า ๆ เขาคือหลิวชิงอวี่

เวลานี้ท่าทีของหลิวชิงอวี่มืดดําอย่างมาก ดวงตาของเต็มไปด้วยจิตอาฆาต ถูกต้อง ตอนนี้หลิวชิงอวี่ไม่หวังสิ่งใดนอกจากการสังหารหยางเย่

หลังจากที่ทราบว่ามารดาของหยางเย่อยู่ขั้นปราณจิตวิญญาณในวันนั้น เขารู้สึกหวาดกลัวโดยแท้จริง ดังนั้นจึงได้รีบกลับสํานักดาบราชัน และหมกตัวเองอยู่ในเจ็ดยอดเขาบ่มพลังเพื่อฝึกฝน แต่เขาไม่คาดคิดว่าขณะอยู่ที่นั่น ตระกูลของเขาได้ถูกสังหารไปเรียบร้อยแล้ว

ยิ่งกว่านั้นมันไม่ใช่ฝีมือของมารดาหยางเย่ แต่เป็นตัวหยางเย่เอง หลังจากที่หยางเย่สังหารตระกูลเขาเรียบร้อย ไม่เพียงจะไม่โดนหมายจับ เขายังสามารถกลับมาหยิ่งผยองที่สํานักดาบราชันได้อีก เขาไม่ทราบจริงว่าเหตุใดจักรวรรดิต้าฉันถึงไม่จับหยางเย่ แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการจะทราบสิ่งใด เขาต้องการเพียงแค้นล้างแค้นให้คนในตระกูลเท่านั้น

เขาเกรงกลัวมารดาหยางเย่ แต่หาได้เกรงกลัวหยางเยไม่ หลิวชิงอวี่ทราบดีว่าหยางเย่มีพรสวรรค์ที่เหนือกว่ามาก หากหยางเย่มีเวลาเพียงพอ เขาจะต้องเหนือกว่าหลิวชิงอวี่แน่นอน แต่หยางเย่ยังอยู่เพียงขั้นปราณมนุษย์ แม้หยางเย่จะเข้าไปได้ถึงชั้นยี่สิบสองของหอคอยผู้รับใช้ดาบ หยางเย่ก็ยังอยู่เพียงแค่ขั้นปราณมนุษย์เท่านั้น!

เขาตัดสินใจว่าจะจัดการหยางเย่อย่างเต็มกําลังตั้งแต่ตอนแรก เพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสของสํานักได้ช่วยเหลือเขาทัน

หลังจากเวลาผ่านหนึ่งชั่วยาม หยางเย่ยังไม่ปรากฏกาย ศิษย์รุ่นพี่บางคนทนไม่ไหวถึงกับต้องเอ่ยคําเย้ยหยันออกมา

” หรือหยางเย่จะกลัวหัวหดไปแล้ว? เขาคงไม่กล้ามาประลองแน่เลย ฮ่าฮ่า!”

“ถูกต้อง ข้าทราบอยู่แล้ว งั้นเรื่องที่หอคอยผู้รับใช้ดาบล่ะ? เขาอยู่เพียงแค่ขั้นปราณมนุษย์จะไปทัดเทียมกับพี่ชิงอวีของพวกเราที่อยู่ขั้นปราณสวรรค์ระดับสี่ได้ยังไง!”

“การรู้จักถอยหนีเมื่อไม่สามารถสู้ได้ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน ไม่ว่ายังไง หยางเย่ก็เป็นถึงอัจฉริยะของสํานักดาบราชัน และข้าหวังว่าเขาจะใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นเรื่องเตือนใจว่าควรถ่อมตนให้มาก!”

“ข้าคิดว่าไม่ใช่เพียงแค่หยางเย่ที่ควรถอนตน แต่เป็นพวกศิษย์ใหม่ทั้งหมดด้วย ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาก่อตั้งกลุ่มดาบเทวะสวรรค์ขึ้นมา และมีคนกว่าแปดในสิบส่วนของศิษย์ใหม่ที่เข้าร่วม พวกเขาต้องการจะทําเพื่ออะไรกัน? พวกเรายังไม่ได้ไปไหน พวกเขาก็คิดจะเข้าควบคุมสํานักนอกแล้วหรือ?”

“เหอะเหอะ กลุ่มดาบเทวะสวรรค์? ศิษย์พี่ทั้งหลาย หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง เหตุ ใดพวกเราไม่ไปสั่งสอนพวกมันกันหน่อยล่ะ?”

“ได้สิ ข้าไปด้วย!”

“ข้าด้วย!”

ดูเหมือนศิษย์รุ่นพี่จะสนทนากันเสียงดังเพื่อให้บรรดาศิษย์ใหม่ได้ยิน

ใบหน้าของบรรดาศิษย์ใหม่กลายเป็นสีแดง หากไม่เกรงกลัวกฎของสํานัก พวกเขาคงไม่อาจห้ามตนเองให้โจมตีพวกนี้ได้ หากพวกเขาแค่เย้ยหยันหยางเย่ บรรดาศิษย์ใหม่คงไม่โกรธเท่าไหร่ แต่พวกเขากลับเย้ยหยันศิษย์ใหม่ด้วย ดังนั้นจะไม่ให้พวกเขาโกรธได้ยัง?

“พี่หญิงชิงเสวีย ทําไมพี่หยางยังไม่มาอีก?” ศิษย์นอกรุ่นน้องไม่สามารถทําอะไรได้นอกจากเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

ชิงเสวียหันไปมองบรรดาศิษย์ด้านหลัง เมื่อเห็นใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นสีแดง นางทําได้เพียงขมวดคิ้วพร้อมกล่าวใดใจ “ท่านกําลังทําอะไรอยู่กันแน่?

อันที่จริงนางเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาดี เพราะนางเองก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน นางเชื่อว่าหยางเย่ไม่ได้ยอมแพ้การต่อสู้ แต่เมื่อเขายังไม่ปรากฏตัว นางก็ไม่สามารถทําสิ่งใดได้มาก

การต่อสู้นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่หยางเย่กับหลิวชิงอวี่เท่านั้น มันยังเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของกลุ่มดาบเทวะสวรรค์ด้วย หากหยางเย่ชนะกลุ่มดาบเทวะสวรรค์จะมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอย่างมาก และจะไม่มีกลุ่มไหนในสํานักกล้าต่อต้านอีกในอีกด้านหนึ่ง มันไม่สําคัญว่าหยางเย่จะแพ้หรือชนะ เพราะตราบใดที่หยางเย่สามารถต่อกรกับหลิวชิงอวี่ได้ มันก็น่ายกย่องพอถึงแม้จะพ่ายแพ้ และถึงมันจะส่งผลต่อชื่อเสียงของกลุ่ม นางก็ยังพอควบคุมได้

แต่หากหยางเย่ถอนตัวจากการต่อสู้ ผลลัพธ์มันจะรุนแรงมาก เวลานี้ทุกคนในกลุ่มดาบเทวะสวรรค์ไม่มีใครสามารถยึดอกชูคอ และคงไม่มีใครเต็มใจที่จะอยู่ต่อ

ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงมีความสําคัญอย่างยิ่ง แต่หยางเย่กําลังทําอะไรอยู่?

เวลานี้หยางเย่อยู่ในหุบเขาวายุเหมันต์ เขาถือดาบในมือขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้าต้นไม้โลหะ

หลังจากเขากลับมาจากขุนเขาไม่สิ้นสุด หยางเย่ฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสี่วัน จู่ ๆ หยางเย่ก็เข้าถึงสภาวะแปลกประปลาดขณะฝึกวิชาดาบ เขาได้สัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างในสภาวะนั้น มันคือบางอย่างที่เขาเคยสัมผัสมาก่อนขณะเผชิญหน้ากับร่างเงาชุดดําในขุนเขาไม่สิ้นสุดในวันที่พบกับมิงค์ม่วง

ตอนนี้ หยางเย่สามารถเข้าสู่สภาวะนั้นได้อีกครั้ง! และเขาอยู่ในสภาวะนั้นมาสี่วันสี่คืนแล้ว

ตุ้ม!

ใบไม้รอบ ๆ หยางเย่ได้ลอยขึ้นกลางอากาศ ต้นไม้ใหญ่ได้ล้มลงอย่างรุนแรง

ใบไม้ที่มากมายลอยขึ้นจากพื้นดิน พวกมันลอยไปอยู่รอบกายหยางเย่ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นควบคุมอยู่ สําหรับต้นไม่ใหญ่ในรัศมีรอบด้านได้ถูกทําลายลงไปด้วยบางอย่างเรียบร้อย กิ่งก้านมากมายเริ่มแตกออก ใบไม้ทั้งหมดเริ่มปลิวว่อนอีกครั้ง ฉากโดยรอบมันดูแปลกประปลาดนัก

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวดําเนินมาได้ครึ่งชั่วยาม หยางเย่เปิดตาออกกว้างเผยให้เห็นประกายเย็นเยือก ใบไม้รอบกายหยางเยถูกตัดเป็นชิ้น ๆ ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เวลานี้เองหยางเยได้ยกดาบขึ้นพร้อมกวัดแกว่งไป

หาได้มีปราณดาบใดไม่ แต่ต้นไม้ในรัศมีสามสิบเมตรกลับถูกทําลายหมดสิ้น

และมันยังไม่จบ ดาบในมือหยางเยพุ่งออกจากฝักเผยให้เห็นตัวดาบสองถึงสามเล่มก่อนจะกลับเข้าไปในฝัก

ทันทีที่ดาบบินกลับเข้าฝัก ต้นไม้นับสิบต้นรอบกายหยางเยล้มลงกับพื้นในทันที

หลังจากได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หยางเย่กล่าวด้วยเสียงต่ําออกมา ” หรือนี่คือเจตจํานงแห่งเทพที่ชิงฉือบอกไว้?”

ทันทีที่กล่าวจบ หยางเย่หันหลังเดินตรงไปยังทางออกของหุบเขา เขาไม่มีเวลาจะมานึกถึงเรื่องนี้ เพราะเขาเองก็ไม่ทราบว่าวันนี้คือวันอะไร หยางเย่หวังเพียงว่าจะไม่พลาดการประลองกับหลิวชิงอวี่ที่ลานประลองเป็นตาย

ขณะที่หยางเย่เดินออกมาจากหุบเขา สตรีสี่คนที่สวมชุดราชวังได้มาถึงที่ยอดเขาล่องนภา