บทที่ 205 พากุยช่าย*สดใหม่กลับหมู่บ้าน

* กุยช่าย (韭菜) เป็นคำเปรียบเปรยถึง ผู้ถูกกดขี่

วรยุทธ์ของพวกหลิวเฟิงย่อมเหนือกว่าองครักษ์ของตระกูลเซี่ยเหล่านั้น แต่พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าคนที่มาจะเป็นเซี่ยฉงฟาง

ความทรงจำมากมายในอดีตผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้งเมื่อได้เห็นหน้านาง ทุกคนล้วนจ้องมองนางด้วยความโกรธแค้น และเข้าไปขวางหน้าจี้จือฮวนโดยไม่ได้ตั้งใจ

ภาพนี้เห็นได้ชัดว่าไปกระตุ้นความโกรธแค้นของเซี่ยฉงฟางเข้า

“พวกเจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก ไม่รู้หรือว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเจ้าเป็นใคร?”

เป็นแค่องครักษ์ ก็แค่สุนัขที่เผยเกอเลือกไว้ให้คอยรับใช้เผยยวนก็เท่านั้น เมื่อก่อนนางไม่แม้แต่จะชายตามองพวกเขาด้วยซ้ำ ทว่าบัดนี้พวกเขากลับกล้าถึงขนาดเห็นหน้านางแล้วไม่คารวะอย่างนั้นหรือ?

หลิวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “พวกเรารู้แค่ว่าการปกป้องนายหญิงตระกูลเผยเป็นหน้าที่ของพวกเรา ศัตรูของนางก็คือศัตรูของพวกเราด้วย”

ตอนที่จี้จือฮวนเห็นเซี่ยฉงฟาง ก็พอจะคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว

ในนิยายก็มีเพียงเซี่ยฉงฟางเท่านั้นที่ไม่อยากเห็นใต้หล้านี้มีคู่รัก ตลอดทั้งปีคู่สามีภรรยาและคู่รักที่บังเอิญพบเจอนางทั้งหมดล้วนเสียชีวิตอย่างกะทันหัน หากใครมีอำนาจและตำแหน่งสูง นางก็จะใช้วิธีการลับ ๆ ทำให้คนหาไม่เจอแม้แต่เบาะแส

ใครจะคาดคิดว่าแม้ไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่เพียงเพราะมีความรักก็กลายเป็นความผิดบาปไปแล้วอย่างนั้นหรือ?

จึงสมเหตุสมผลที่คนบ้าเช่นนี้จะสามารถทำเรื่องเช่นวันนี้ได้ เมื่อหันมาดูปฏิกิริยาของพวกหลิวเฟิง ความเกลียดชังรุนแรงที่แฝงอยู่ในแววตา คิดว่าวันนี้เซี่ยฉงฟางคงหนีไปไม่รอดแล้ว

ราวกับจะยืนยันสิ่งที่จี้จือฮวนคิด เมื่อเซี่ยฉงฟางได้ยินคำพูดของพวกหลิวเฟิง นางก็ระเบิดเสียงหัวเราะและเอ่ยออกมา “พวกเจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร นายหญิงของตระกูลเผยเป็นใครพวกเจ้าจำไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ?”

ซูอิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ท่านแม่ทัพได้เป็นตัวแทนของท่านพ่อหย่าไปแล้ว หรือว่าท่านหญิงยังไม่ได้รับหนังสือหย่าขอรับ?”

สิ่งที่เซี่ยฉงฟางรับไม่ได้ที่สุดในตอนนี้ก็คือการที่คนอื่นพูดถึงเรื่องนี้ พวกเขายังจงใจจี้ใจดำของนางอีก นางจึงชี้หน้าซูอิ่งและเอ่ยขึ้นมาทันที “เจ้ากล้าไม่เคารพข้าอย่างนั้นหรือ ใครเป็นคนมอบความกล้านี้แก่เจ้ากัน? เผยยวนอย่างนั้นหรือ? เหตุใดเขาไม่มาพูดต่อหน้าข้าเองเล่า?”

เซี่ยฉงฟางเอ่ยถึงตรงนี้ ก็เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา “ข้าได้รับพระราชทานสมรสจากฝ่าบาท ตระกูลเผยของพวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาหย่าข้า!”

จี้จือฮวนหิ้วร่างจื่อเยว่ขึ้นมา มองเซี่ยฉงฟางด้วยสีหน้ายั่วยุและเอ่ยขึ้นมา “สิทธิ์เพราะเจ้าไม่คู่ควรอย่างไรเล่า”

น้ำเสียงเย็นชาราวกับน้ำถังหนึ่งสาดใส่ใบหน้าของเซี่ยฉงฟางเต็ม ๆ

โดยเฉพาะเมื่อใบหน้านั้นที่เหมือนกับเซี่ยชิงหรู มาพูดใส่หน้าว่านางไม่คู่ควร กับเซี่ยฉงฟางยิ่งยากที่จะทำใจรับได้ “เจ้ามันก็แค่…”

จี้จือฮวนเงยหน้าขึ้นขัดคำพูดของนางด้วยการเหวี่ยงจื่อเยว่ที่ราวกับสุนัขใกล้ตายตัวหนึ่งออกไป และบังเอิญไปกระแทกเซี่ยฉงฟางจนนางถึงกับต้องเซถลาไปทันที เครื่องประดับที่งดงามบนหัวส่งเสียงดังขึ้นมา จี้จือฮวนเดินไปตรงหน้าและกระชากเซี่ยฉงฟางหนึ่งที ก่อนจะเกี่ยวขากดนางให้คุกเข่าลง

องครักษ์ของตระกูลเซี่ยถูกตีจนล้มลงไปกองกับพื้นตั้งนานแล้ว สาวใช้ข้างกายก็ถูกจี้จือฮวนหักแขนทั้งสองข้าง เซี่ยฉงฟางกลับยังไม่รู้สถานการณ์ และนางก็ไม่มีเวลาว่างมาฟังเซี่ยฉงฟางพูดจาไร้สาระ

เซี่ยฉงฟางดวงตาเบิกโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ มือที่สวมกรงเล็บเหล็กของจี้จือฮวนลูบไปที่ลำคอของนาง

“ร้านของข้ายังต้องทำมาค้าขาย หญิงบ้าเช่นเจ้าจะทำให้ชาวบ้านตกใจได้ง่าย เจ้าตามข้ากลับไปเถอะ” จี้จือฮวนเอ่ยจบก็ส่งสัญญาณให้พวกหลิวเฟิงไปเอารถม้ามา จากนั้นก็ลากเซี่ยฉงฟางที่กรีดร้องด่าทอออกไปนอกร้าน

เนื่องจากแม่นางจี้มักจะจัดการคนชั่วอยู่บ่อยครั้ง บรรดาลูกค้าประจำของเค่ออวิ๋นไหลจึงคุ้นเคยกันหมดแล้ว เพราะทุกครั้งที่สู้กันจบนายอำเภอเจียงยังมอบโล่ให้กับเค่ออวิ๋นไหลอีกด้วย นานวันเข้าทุกคนจึงรู้ว่าคนที่มาก่อเรื่องต้องไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นจี้จือฮวนกำราบได้แล้ว ก็มีคนตะโกนขึ้นมา “สตรีที่โหดร้ายเช่นนี้ แม่นางจี้ต้องระวังตัวด้วยนะขอรับ นางต้องเป็นบ้าแน่ ๆ ใช้เชือกป่านมัดนางเอาไว้ด้วยจะดีกว่า”

จี้จือฮวนกำลังคิดเช่นนั้นอยู่ เสี่ยวเอ้อก็นำเชือกป่านมาให้พอดี “นี่เป็นเชือกที่ใช้มัดเวลาฆ่าหมู แต่ว่ายังไม่ได้ใช้ ถือว่าเป็นโชคดีของสตรีบ้าผู้นี้แล้ว”

เซี่ยฉงฟางไม่เคยถูกคนชั้นต่ำเช่นนี้เหยียดหยามมาก่อน นางจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “พวกเจ้า…ข้าจะประหารพวกเจ้าเก้าชั่วโคตร!”

“ข้าบอกแล้วว่านางเป็นคนบ้า!”

“เจ้าฟังที่นางพูดสิ มันอะไรกัน เขาเป็นสามีภรรยากัน เป็นคู่สร้างคู่สม ใช่คนที่สตรีแก่ ๆ เช่นนางจะวิจารณ์ได้อย่างนั้นหรือ!”

“ใช่ ข้าทนนางมานานแล้ว คนประเภทนี้ต้องให้แม่นางจี้จัดการ สมควรโดนตีแล้ว”

เซี่ยฉงฟางฟังคำพูดหยาบคายของคนเหล่านี้ก็โมโหจนอยากจะตายไปเสียเดี๋ยวนั้น และพริบตาต่อมานางก็ถูกคนจับมัดอย่างแน่นหนา และโยนเข้าไปภายในรถม้า ทำให้ของตกแต่งในรถม้าแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้แต่ตัวนางเองเวลานี้ก็มีสภาพสะบักสะบอมอย่างมาก

จี้จือฮวนกระโดดตามขึ้นมา แล้วเอ่ยกับฮวาเซียงเซียงที่อยู่ด้านนอก “ข้ากลับบ้านก่อน หากลองใช้หมดแล้วบอกข้าด้วย”

“ได้ เจ้าระวังตัวด้วยนะ” ฮวาเซียงเซียงสะบัดผ้าเช็ดหน้าไปมา เมื่อเห็นจี้จือฮวนมัดองครักษ์และคนรับใช้ที่สตรีผู้นั้นพามาทั้งหมดและพาตัวไปแล้ว ก็เกิดความรู้สึกเหมือนว่าทุกครั้งที่นางมาที่ร้าน ก็แค่มาเอาคนกลับไปช่วยงานอย่างไรอย่างนั้น

ซูอิ่งไม่วางใจนัก จึงคอยจับตามองอยู่ด้านหลัง ส่วนด้านในรถม้า…

จุ๊ จุ๊ จุ๊ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเขาได้รู้จักฮูหยินอย่างถ่องแท้แล้ว หากสามารถลงมือได้นางจะไม่พูดเรื่องไร้สาระกับอีกฝ่ายเด็ดขาด ดูจากเมื่อครู่แล้วนางหาได้เห็นเซี่ยฉงฟางอยู่ในสายตาไม่

นางยังคิดจะวางท่าเป็นแม่สามีอีกอย่างนั้นหรือ อย่าฝันไปหน่อยเลย

ภายในรถม้า เซี่ยฉงฟางพิงผนังรถม้าและจ้องมองใบหน้าของจี้จือฮวนเขม็ง

จี้จือฮวนยังเล่นกรงเล็บเหล็กนั่นอยู่ เมื่อเห็นสายตาของเซี่ยฉงฟาง มุมปากของนางก็กระตุกขึ้นมา

เซี่ยฉงฟางมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “เจ้ายิ้มอะไร? นางสารเล-…โอ๊ย!” เสียงกรีดร้องโหยหวนเป็นผลมาจากการที่จี้จือฮวนตบหน้าของเซี่ยฉงฟาง กรงเล็บเหล็กนั่นเป็นอาวุธชั้นดี ใบหน้าที่ได้รับการดูแลอย่างดีของเซี่ยฉงฟางไม่อาจทนรับฝ่ามือนี้ของนางได้ รอยแผลสี่รอยก็พลันมีเลือดไหลออกมาทันที

เซี่ยฉงฟางรู้สึกเจ็บปวดบนใบหน้าอย่างมาก นางสูดลมหายใจเข้าลึก “เจ้ากล้าตบข้า เจ้ารู้ฐานะของข้าหรือไม่!? ข้าคือท่านหญิงซ่างหยาง! ข้าเกิดมาสูงส่ง มือสกปรกของเจ้าคู่นี้-”

เพียะ

จี้จือฮวนตบหน้าอีกข้างของนางทันที คราวนี้กรงเล็บเหล็กได้กรีดใบหน้าของเซี่ยฉงฟางจนมีแปดรอยแล้ว นางจึงพยักหน้าด้วยความพอใจ “น่าเสียดายที่มันไม่เท่ากัน แต่หน้าแมวเช่นนี้ดูดีกว่าใบหน้าของสตรีที่มีแต่ความเคียดแค้นเมื่อครู่มากทีเดียว”

เซี่ยฉงฟางเมื่อรู้ว่าใบหน้าของตัวเองถูกทำลาย ก็เริ่มด่าทอด้วยเสียงแหลม ๆ ขึ้นมาทันที “เจ้า…เจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก”

“ข้ากล้าเพียงใดเจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ ทำไม? อยากกัดข้ามากอย่างนั้นหรือ เพราะข้าเป็นลูกสาวของเผยเกอกับเซี่ยชิงหรูใช่หรือไม่ ส่วนเจ้าเซี่ยฉงฟาง อุตส่าห์ทำทุกวิถีทางแต่กลับได้มาแค่ฐานะเท่านั้น หรือเผยเกอไม่เคยแตะต้องเจ้าเลย”

จี้จือฮวนเพียงแค่พูดจายั่วประสาทนางเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่าสีหน้าของเซี่ยฉงฟางจะเปลี่ยนไปจริง ๆ

นางโมโหจนอกกระเพื่อม “บังอาจ เผยเกอจะมีอะไรกับนางสารเลวเซี่ยชิงหรูนั่นได้อย่างไร? ข้าต่างหากที่เป็นภรรยาของเผยเกอ เป็นแม่ของเผยยวน เขาจะพูดเช่นไรก็ยังเป็นลูกชายข้าอยู่ดี เจ้าทำกับข้าเช่นนี้เผยยวนไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!”

“ใช่ลูกชายของเจ้าหรือไม่ ไม่นานข้าก็จะได้รู้แล้ว” จี้จือฮวนมองใบหน้านั้นของนาง ทว่ากลับไม่พบความละม้ายคล้ายคลึงกับเผยยวนเลยแม้แต่น้อย

พาตัวกลับไปพิสูจน์ความเกี่ยวข้องทางสายเลือดก่อนค่อยว่ากัน ไม่แน่ยังสามารถขุดข้อมูลอื่นได้อีกก็เป็นได้