นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่23 ตามใจเจ้าเลย
“นี่เป็นการใช้ชีวิต ข้าจะต้องกินอิ่มหลับสบาย ถ้าเจ้าไม่อยาก ข้าทำเองก็ได้!”
โจวกุ้ยหลานรู้ว่าผู้หญิงในยุคนี้มีตำแหน่งต่ำต้อยมาก ผู้ชายแทบจะไม่ให้ภรรยาตัวเองออกไปข้างนอกเลย มีแต่ผู้ชายที่เป็นใหญ่ในบ้าน
นางบอกความคิดของตัวเองออกไป ก็เหมือนว่านางกำลังเป็นเสาหลักของบ้าน สวีฉางหลินไม่สบายใจงั้นเหรอ?
ถึงแม้สวีฉางหลินจะไม่ค่อยพูด แต่ตอนนี้ก็รู้ตัวว่าคำพูดของตัวเองทำให้ภรรยาโกรธ
“ตามใจเจ้าเลย”
ตามใจเจ้างั้นเหรอ? หมายความว่ายังไง นี่กำลังพูดประชดงั้นเหรอ?
โจวกุ้ยหลานไม่สบายใจ นางทำท่าโกรธ แล้วอุ้มเจ้าก้อนน้อยเดินออกไป
ขี้เกียจเถียงกับนางแล้วเหรอ?
งั้นนางยัวไม่อยากพูดกับเขาเลย!
สวีฉางหลินขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เขาตอบตกลงนางแล้วไง ทำไมนางยังโกรธอีกล่ะ?
เขาเกาหัวแกรกๆ คิดไม่ออกเลยจริงๆ จึงต้องทำเรื่องให้เสร็จก่อนที่นางสั่งให้เขาทำ
โจวกุ้ยหลานเดินไปหน้าบ้าน เห็นสวีฉางหลินยังไม่ตามมาอีก ในใจก็ยิ่งแน่ใจว่า เมื่อกี้เขาพูดประชดนางจริงๆ
พูดแบบนี้เหมือนนางทำเพื่อตัวเอง นางแค่อยากให้พวกเขากินอิ่มและมีที่พักสบายๆเท่านั้นเอง
ถ้านางเก่งเหมือนเขา นางก็ทำเองแล้ว ไม่มีทางพูดกับเขาให้เสียเวลาหรอกนะ!
เจ้าก้อนน้อยสับสนมึนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นสีหน้าของแม่ไม่ดี ก็ยื่นมือไปลูบหน้าแม่ แล้วพูดออดอ้อนว่า: “ท่านแม่ไม่เสียใจนะ”
โจวกุ้ยหลานถูกเจ้าก้อนน้อยปลอบใจ นางจับมือลูกแล้วจุ๊บเบาๆ: “แม่มีเสี่ยวเทียน แม่ไม่เสียใจนะ”
พูดจบ ก็ให้เจ้าก้อนน้อยไปเล่นเองข้างๆ นางก็เอาไม้กวาดมากวาดบ้าน
บ้านไม่ใหญ่มาก ไม่นานก็สะอาดแล้ว
นึกถึงกระต่ายด้านนอก นางก็วิ่งออกไป เอากระต่ายนั้นเข้ามา เดี๋ยวจะถูกพวกกระรอกดินลากไปกิน
นางถอดผ้าปูที่นอนบนเตียงออกทั้งหมด เอาผ้าห่มหนานุ่มนั้นออกไปตากข้างนอก แล้วเอาผ้าปูใส่ลงไปในกะละมัง หยิบขี้เถ้าซักผ้าแล้วลงเขาไป
นางอยากจะซักผ้าปูที่นอนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพราะยังไงเฉินโหยวซวนเคยนอนแล้ว แต่เมื่อวานยุ่งทั้งวันเลยไม่ทันได้ซัก จึงต้องมาซักวันนี้ และสวีฉางหลินเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยได้ซักผ้า นางได้กลิ่นเหม็นออกมาจากผ้าปูแล้ว
มาถึงข้างบ่อน้ำ นางก็ซักผ้าปูที่นอนช้าๆ นึกถึงสวีฉางหลิน นางก็ซักหนักขึ้นเรื่อยๆ
เขากล้าพูดประชดนางงั้นเรอะ? เหอะ ขยี้ให้ตายไปเลย!
รอสวีฉางหลินกลับมาดื่มน้ำในบ้าน ก็ไม่เจอภรรยาตัวเองอีกแล้ว
เขาเดินไปถามลูกชายที่กำลังขุดไส้เดือนเล่น เห็นเขาขุดสักพักก็เปลี่ยนที่ เงียบอยู่สักพัก ก็ถึงถามเขาว่า: “แม่เจ้าล่ะ?”
เจ้าก้อนน้อยเงยหน้ามองสีหน้าของพ่อตัวเอง อืม~ พ่อไม่ได้โกรธ เขาก็เลยตอบไปว่า: “ไปซักเสื้อผ้า~”
ที่แท้ก็ไปซักเสื้อผ้าแล้ว……
เขาก็ไม่ได้สนใจอีก ไปทำงานหลังบ้านตามที่ภรรยาสั่งต่อไป
จนกระทั่งตอนเที่ยง โจวกุ้ยหลานจึงยกกะละมังกลับมา เอาผ้าปูกับผ้าห่มไปตากไว้บนกิ่งไม้
เห็นแม่กลับมา เจ้าก้อนน้อยก็เอาไส้เดือนที่จับมาได้เอาไปให้โจวกุ้ยหลานดู “ท่านแม่ ข้าจับไส้เดือนมาให้ ท่านแม่ไม่โกรธนะ……”
โจวกุ้ยหลานหนังตากระตุก จะบอกเจ้าก้อนน้อยยังไงว่านางไม่ชอบไส้เดือน แต่เพราะชีวิตมันบังคับล่ะ?
ตอนมองสายตาที่คาดหวังของเจ้าก้อนน้อย นางก็อดใจไม่ได้อยู่ดี จึงต้องรับไส้เดือนนั้นมา แล้วลูบหัวของเจ้าก้อนน้อยเบาๆ “แม่ไม่โกรธแล้วนะ เสี่ยวเทียนไม่ต้องจับไส้เดือนมาให้แม่หรอก แม่จะปวดใจได้นะ”
เจ้าก้อนน้อยพยักหน้า โจวกุ้ยหลานก็จับมือเขาเดินมาถึงหน้าประตู ให้เขานั่งพักผ่อนก่อน
นางตากผ้าเสร็จแล้วก็เตรียมทำอาหารเที่ยง
นำเครื่องปรุงที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ออกมาทั้งหมด หั่นเนื้อกวางเสร็จแล้วก็ใช้น้ำสะอาดล้าง เติมน้ำลงหม้อ พอเดือดแล้วก็เอาเนื้อกวางลงไปต้มสักพัก เพื่อต้มกลิ่นคาวเลือดออก นำเนื้อกวางออกมาล้างให้สะอาดอีกครั้ง
ตักน้ำในหม้อออกมาให้หมด ล้างหม้อให้สะอาดแล้วใส่น้ำสะอาดลงไป ใส่เครื่องเทศและเกลือกับเนื้อกวางลงไปพร้อมกัน ปิดฝาแล้วยัดฟืน จากนั้นก็ต้มช้าๆ
นางหันไปซาวข้าว
วันนี้มีเนื้อกวาง นางจะต้องหุงข้าวสวยด้วย
กลิ่นหอมของเนื้อกวางลอยอบอวลทั่วบ้าน ขนาดสวีฉางหลินที่อยู่หลังบ้านยังได้กลิ่นเลย
ถึงแม้สวีฉางหลินที่ไม่ค่อยพิถีพิถันเรื่องการกินสักเท่าไหร่ ตอนนี้เขารู้สึกนับถือฝีมือการทำอาหารของภรรยาตัวเองจริงๆ
ตั้งแต่ที่นางมาที่นี่ พวกเขาก็ได้กินแต่ของอร่อยๆตลอด
ทำเรื่องที่ภรรยาสั่งให้เสร็จเร็วๆดีกว่า
คิดได้ดังนั้น เขาก็ขุดดินเร็วขึ้น
เจ้าก้อนน้อยก็อดใจรอไม่ไหวแล้ว เขายืนอยู่ข้างเตาทำอาหาร มองดูไอร้อนที่พ่นออกมาจากข้างฝาหม้อ แล้วกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ
โจวกุ้ยหลานเปิดฝาออก ใช้ตะหลิวคนๆ เห็นว่าสุกพอประมาณแล้ว ก็คีบเนื้อขึ้นมาเป่าให้เย็น แล้วค่อยยื่นให้เจ้าก้อนน้อย
“เด็กดี ลองชิมดูว่าอร่อยไหม”
เจ้าก้อนน้อยก็เลยงับเนื้อชิ้นนั้นเข้าปากไป ความรู้สึกอุ่นๆกระจายไปทั่วทั้งปาก เขากัดคำหนึ่ง น้ำซุปในเนื้อก็แตกเข้าเต็มปาก กลิ่นเนื้อหอมที่เขาอธิบายไม่ถูกอบอวลไปทั่วทั้งปาก
อร่อย!
ท่านแม่ทำเนื้อได้อร่อยมาก!
ดูเขาเคี้ยวอย่างมีความสุข ก็รู้ว่ารสชาติต้องดีมากแน่ๆ
โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ลองชิมบ้าง สมแล้วที่เป็นเนื้อกวาง ความเนื้อสดอ่อน รสชาติก็ดีมากอีกด้วย ถ้าใส่พุทราจีนเข้าไปอีกสองสามชิ้น จะต้องดีมากกว่าเดิมแน่ น่าเสียดายที่นี่ไม่มีขาย จึงต้องหาอย่างอื่นมาทดแทน
หลังจากที่ตักเนื้อกวางใส่ในถ้วยใหญ่แล้ว ก็เอาถ้วยอีกอันมาปิด เดี๋ยวซุปจะเย็นเอาได้ ต่อมาก็เอาข้าวใส่ลงไปในหม้อ ไม่นาน ข้าวก็สุกแล้ว
นางตักข้าวใส่ถ้วย เจ้าก้อนน้อยยกถ้วยข้าวเข้าไปในห้องวางบนโต๊ะอาหาร โจวกุ้ยหลานเอาตะเกียบมาวางเรียงรายไว้ ให้เจ้าก้อนน้อยไปเรียกสวีฉางหลินมากินข้าว
ไม่นาน สวีฉางหลินก็เดินเข้ามาในบ้านแล้วนั่งลงบนเก้าอี้
เจ้าก้อนน้อยนั่งที่นั่งของตัวเอง โจวกุ้ยหลานก็ถ้วยที่ปิดไว้บนออก กลิ่นหอมโชยออกมา
พวกเขาเริ่มกินข้าวกันอย่างรวดเร็ว
เจ้าก้อนน้อยกินข้าวเร็วขึ้น ครั้งที่แล้วกินข้าว ยังเป็นตอนปีใหม่อยู่เลย เขาชอบกินข้าวมาก
โจวกุ้ยหลานคีบเนื้อกวางให้เขา เจ้าก้อนน้อยก็คีบเข้าปากตัวเอง ยัดเข้าปากจนแก้มสองข้างป่องเป็นลูกโป่ง
ข้าวมื้อนี้อร่อยมาก โจวกุ้ยหลานอร่อยจนน้ำตาแทบไหล
นางข้ามภพมาสามวัน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กินข้าวสวย!
ถึงแม้เมื่อวานกลับไปเยี่ยมบ้าน ก็ได้กินแค่เมล็ดธัญพืชผสมข้าวสวยเล็กน้อย ข้าวที่นางแทบจะนับได้ว่ามีกี่เม็ด
ข้าวมื้อนี้อร่อยมากจริงๆ ทั้งสามกินอิ่มอีกครั้ง
“ท่านแม่ อร่อยมากเลย” เจ้าก้อนน้อยพูดกับโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานรู้สึกพึงพอใจมาก ลูบหัวของเขาเบาๆ: “อร่อยก็กินเยอะๆนะ ต่อไปแม่จะทำให้กินทุกวันเลย!”
ว่าแล้ว ก็หันไปมองสวีฉางหลิน เห็นสวีฉางหลินก้มหน้ากินข้าวต่อไป นางสบถในใจเบาๆ ไม่พูดอะไรกับเขา