สื่อมวลชนของสถาบันฮั่วเลี่ยยังคงมึนงงอยู่ ราวกับว่าพวกเขากำลังฝันไป

และพวกเขากำลังสัมภาษณ์กลุ่มมนุษย์ต่างดาว!

มนุษย์ต่างดาว!

ยานอวกาศอันแสนพิศวงแล่นลงมาเหนือฟากฟ้าของขั้วโลกใต้ แค่ความยิ่งใหญ่อันน่าเกรงขามก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนใจเต้นแรง!

“อรุณสวัสดิ์ครับพี่น้องและผู้ชมทุกท่าน ทุกท่านคงได้เห็นกันแล้วว่าวันนี้พวกเราอยู่ที่ขั้วโลกใต้” นักข่าวกลืนน้ำลาย ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น ขณะที่อ้าปากกว้างจนยากเกินจะควบคุม “ดูด้านหลังพวกเราสิครับ พวกเขาคือกลุ่มมนุษย์ต่างดาวที่มีชื่อเรียกว่ามนุษย์ต่างดาวแห่งจักรวรรดิชิงเหย้า”

“มองดูที่ท้องฟ้าอีกครั้งสิครับ!”

ช่างกล้องเคลื่อนเลนส์กล้องไปที่สิ่งของขนาดมหึมาที่ลอยตัวอยู่บนฟากฟ้า ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งของขนาดมหึมาชิ้นนี้ยังปิดกั้นแสงไปถึงครึ่งหนึ่ง!

“นั่นคือยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวครับ! ผมสามารถบอกพวกท่านได้เลยว่าพวกท่านทั้งหลายไม่ได้กำลังฝันไป ยุคสมัยของเราได้นำอารยธรรมของมนุษย์ต่างดาวเข้ามาแล้วจริง ๆ!”

ยามเช้าเช่นนี้ทุกคนในทวีปกาตาร์กำลังทำอะไรกันอยู่?

การดื่มชาและอ่านหนังสือพิมพ์เป็นการกิจวัตรของชนชั้นสูง

ขณะเดียวกันพวกเขาเปิดโทรทัศน์ และทันใดนั้นขนมปังที่อยู่ในปากของพวกเขาก็ร่วงหล่นไปบนพื้นด้วยเสียงดัง ‘กึก’

“คุณพระ! นั่นมันอะไรกัน!”

มนุษย์ต่างดาว! มนุษย์ต่างดาวจริง ๆ ด้วย!

“พวกเราติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้แล้ว!” เปโตรพึมพำกับตนเอง

เขาเห็นวิกเตอร์ยืนอยู่กับมนุษย์ต่างดาวเหล่านั้น ไม่ประหลาดใจเลยที่พ่อของเขาจะยอมยกตำแหน่งให้กับวิกเตอร์ กลับกลายเป็นว่าวิกเตอร์ถูกรับเลือกให้เป็นผู้แถลงแทนของมนุษย์ต่างดาวมาอย่างยาวนาน

ณ เมืองรองที่ต่ำต้อย

เด็กทั้งหลายต่างเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ที่ด้านนอกประตู หลังจากแม่บ้านเตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามีที่ต้องรีบออกไปทำงานยามเช้ากินอาหารเพียงแค่สองสามคำและเตรียมพร้อมที่ก้าวออกจากประตูบ้าน ขณะที่ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์กำลังเริ่มถ่ายทอดสด

“เดี๋ยวก่อน! นั่นอะไรน่ะ?” ผู้ชายทั้งหลายที่ก้าวออกจากประตูบ้าน และกำลังเดินไปตามทางถนน หยุดเดินกะทันหันหลังจากเห็นฝูงชนทั้งหลายจอแจกันอยู่ที่ตู้โชว์ของร้านค้า ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจ้องมองบางอย่าง และสีหน้าของทุกคนก็ดู…เอ่อ มีสีสันสดใสยิ่งขึ้นอย่างนั้นเหรอ?

ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นต่างหากเล่า!

“ข่าวว่ายังไงบ้าง? เป็นไปได้ไหมว่าวิกเตอร์จะถูกพวกพี่ชายของเขารังแกอีกรอบ? เป็นไปไม่ได้! เขาเป็นแสงสว่างให้กับชาวเมืองที่ต่ำต้อยอย่างพวกเรา ไอ้สารเลวคนไหนที่ทำแบบนั้นจะต้องไม่มีวันประสบความสำเร็จ!”

“พระเจ้า! นั่นอะไรน่ะ?!” ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปใกล้ตู้โชว์ และทันใดนั้นปากของเขาก็เปิดกว้าง ราวกับมีไข่ไก่อยู่ในปาก ก่อนที่ผู้คนที่เหลืออยู่จะรู้สึกตกตะลึงไม่แพ้กัน!

นั่นมันยานอวกาศขนาดมหึมาของมนุษย์ต่างดาว!

ยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มรูปงามและหญิงสาวแสนสวยทั้งหลายต่างลงมาจากยานอวกาศ! นอกจากนี้พวกเขายังเห็นวิกเตอร์กับท่านคณบดี!

ว้าว! นั่นคือแลนซ์ไม่ใช่เหรอ?! ทำไมเขาถึงดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิม?! หล่อเหลาจนดูแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปหรือเปล่านะ?!

คุณพระ มีชายหนุ่มอีกคนอยู่ที่นั่นด้วย! ผมยาวสลวยสีเงิน ร่างโปร่งสูงยาวดูสง่างาม ใบหน้าหล่อเหล่าไม่ได้ดูแตกต่างไปจากแลนซ์ แต่กลับดูน่าทึ่งจนเกินจะบรรยาย!

สำหรับผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างโอคาซีล่ะ? เอ่อ? ไม่จำเป็นต้องสนใจหรอก!

ผู้คนครึ่งหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้าตู้โชว์กำลังรู้สึกวิตกกังวลกับการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งกำลังจมอยู่กับความงามของชายหนุ่มทั้งสองแห่งห้วงดวงดาว

“…ตามแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน อารยธรรมของมนุษย์ต่างดาวพวกนี้มาจากจักรวรรดิชิงเหย้าที่อยู่ชั้นนอกของจักรวาล พวกเขามาที่นี่เพราะมีจุดประสงค์ต้องการก่อตั้งธุรกิจการท่องเที่ยวระหว่างดวงดาวกับสถาบันของเรา”

“ส่วนรายละเอียดที่เหลือจะตามมาในภายหลังครับ”

หลังจากที่ผู้ประกาศข่าววางไมโครโฟนในมือของเขาลง การมาเยือนของมนุษย์ต่างดาวในครั้งนี้ก็แผ่กระจายไปทั่วทั้งทวีป

สถาบันที่เหลือต่างรู้สึกขุ่นเคือง!

สถาบันฮั่วเลี่ยสารเลวนี่ไม่ยอมส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวอันใหญ่โตแบบนี้ให้แก่พวกเขา ถึงพวกเขาจะไม่ได้กินเนื้อก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่ได้กินแม้กระทั่งน้ำซุปเลยด้วยซ้ำ ทำกันเกินไปหรือเปล่า?!

“เร็วเข้ารีบโทรหาสถาบันฮั่วเลี่ย และถามพวกเขาว่านี่มันหมายความว่ายังไง!”

สถาบันทั้งหลายเริ่มรู้สึกขุ่นเคืองและตั้งคำถามกับสถาบันฮั่วเลี่ย โชคไม่ดีที่ครั้งนี้สถาบันฮั่วเลี่ยกำลังยุ่งจนเกินกว่าจะสนใจพวกเขา ตอนนี้จะมีอะไรสำคัญไปกว่ามนุษย์ต่างดาวเหล่านี้อีก?

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นิโคลมาเยือนอารยธรรมพื้นเมือง ตรงกันข้ามกัน เขาได้รับประสบการณ์เช่นนี้มามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ก้าวข้ามจักรวาลมาไกลโพ้นขนาดนี้

ระหว่างทาง เขาสอบถามรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับทวีปกาตาร์ ทว่ารูดอล์ฟไม่ได้นิ่งเฉย เขาเองก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับจักรวรรดิชิงเหย้าด้วยเช่นกัน

ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ทั้งสองคนกำลังยืนคุยกันอย่างสนุกสนาน จนสวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกเอือมระอาเมื่อมองดูพวกเขา

พวกเขาหยั่งความคิดเห็นกันไปมา แต่กลับไม่ยอมเอ่ยถามอะไรเธอสักคำสินะ? สู้ถามเธอไม่ดีกว่าหรือไง! ช่างมันเถอะ อย่างไรเสีย รัฐมนตรีการคลังก็กำลังมีความสุข

นิโคลรู้ข้อมูลของที่นี่อยู่แล้ว ยกตัวอย่าง เช่น ทวีปแห่งนี้ค่อนข้างล้าหลัง อุตสาหกรรมอาหารก็แทบจะไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้บริโภค และไม่สามารถส่งของปริมาณมากออกไปยังจักรวรรดิชิงเหย้าได้

ไม่รู้ว่าธัญพืชที่นำเอามาทำเป็นของหวานจะสามารถอยู่รอดบนดาวเคราะห์ของพวกเขาได้หรือไม่?

นิโคลก็รู้สึกกังวลเช่นกัน

เมื่อกล่าวถึงของหวาน ผู้คนจากจักรวรรดิชิงเหย้ามักจะมีความคิดเหมือนกัน นั่นคือยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น!

หากธัญพืชพวกนั้นที่นำเอามาทำของหวานสามารถอยู่รอดบนดาวเคราะห์นี้ได้เท่านั้น มันคงเปรียบเสมือนน้ำหนึ่งแก้วกับกองฟืนสำหรับจักรวรรดิชิงเหย้าที่มีฐานประชากรอย่างแน่นหนา

รูดอล์ฟเองก็หนักอกหนักใจเช่นกัน

เขารู้ดีว่ามนุษย์ต่างดาวพวกนี้ให้ความสนใจแก่ธัญพืชที่ผลิตน้ำตาลของพวกเขา แต่กำลังการผลิตของพวกเขาในทุกวันนี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนเหล่านี้ได้

หากพวกเขาเลือกที่จะผลิตน้ำตาลให้อีกฝ่ายในปริมาณมาก โครงสร้างอุตสาหกรรมในท้องถิ่นของพวกเขาจะมีปัญหาอย่างแน่นอน!

ไม่สามารถรับประกันปริมาณธัญพืชได้ และของหวานก็จะมีราคาสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ก็รู้สึกไม่เต็มใจนัก หากเขาต้องยกเลิกการร่วมมือกับจักรวรรดิชิงเหย้า!

สำหรับนักวิทยาศาสตร์และช่างเทคนิคของจักรวรรดิชิงเหย้าแล้ว ต่อให้มันจะเป็นเพียงช่องว่างที่เล็กน้อย แต่นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาเข้าใจเป็นเวลาหลายปี!

ครอบครัวทิโมธีของเขาปกครองสถาบันฮั่วเลี่ยมาเป็นเวลาหลายร้อยปี หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาพยายามเป็นอย่างมากในการทำให้สถาบันฮั่วเลี่ยขึ้นไปอยู่ในระดับแนวหน้าของทวีปกาตาร์ และกลายเป็นสถาบันที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดทั่วทั้งทวีป

หากเขาต้องยอมแพ้เช่นนี้ ก็คงไม่สามารถทำใจยอมรับมันได้!

ยิ่งไปกว่านั้น เขาหวาดกลัวว่าถ้าสถาบันฮั่วเลี่ยไม่เห็นด้วย สถาบันอื่นที่ไม่รู้สึกเกรงกลัวจะคว้าเอาผลประโยชน์ตรงหน้านี้ไปแทน

คนรับใช้ของแลนเซล็อตตามมารับใช้เขาเหมือนเช่นเคย

วิกเตอร์จ้องมองแลนเซล็อตด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ “หลังจากนี้คุณจะกลับไปด้วยใช่ไหมครับ?”

แลนเซล็อตพยักหน้า “ใช่ ผมจากบ้านมานานเกินไปแล้วครับ”

สวี่หลิงอวิ๋นย่องเข้าไปอย่างเงียบ ๆ ตบไหล่ของวิกเตอร์ “อะไรกัน? ไม่อยากให้กลับไปงั้นเหรอ? ไม่แปลกใจเลยสักนิด ก็แลนเซล็อตดูดีขนาดนี้ คงรู้สึกอาลัยอาวรณ์เป็นธรรมดาแหละเนอะ”

วิกเตอร์บิดตัวหันหลังกลับไปทันทีที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว!

ก่อนจะจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋นที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้มเหยเก “ท่านอย่าล้อผมเล่นสิครับ ผมก็แค่ถามเท่านั้นเอง”

“ก็ได้! เชิญนายถามต่อเลย”

ยีนความเป็นสาววายที่ฝังอยู่ในกระดูกของสวี่หลิงอวิ๋นแทบจะไม่มีอะไรมาขว้างกันได้ เมื่อจ้องมองแลนเซล็อตผู้หล่อเหลาที่ยืนอยู่ตรงนั้น และวิกเตอร์ที่มีลักษณะเหมือนกับแฟนหนุ่มตัวน้อยผู้น่ารัก ช่างเหมาะสมอะไรเช่นนี้!

วิกเตอร์กลอกตาและหันหลังเดินจากไป

แลนเซล็อตที่ยืนอยู่ตรงนั้นส่ายหัวและหันหลังเดินจากไปเช่นกัน