ตอนที่ 221 เซี่ยอวี่หรง

ตอนที่ 221 เซี่ยอวี่หรง

เจี่ยงสือเหิงได้ยินเช่นนี้ จึงรีบยกยิ้มแล้วโบกมือ ก่อนจะเอ่ย “ญาติลูกเขย พวกคุณพักอยู่ที่บ้านผมก็ได้ครับ ผมดีใจเสียด้วยซ้ำ”

หลังจากพูดแล้วเขาก็หันไปบอกลุงเจี่ยง “ลุงเจี่ยง รีบไปทำความสะอาดหน่อยเร็ว แล้วเดี๋ยวให้ทางครัวเตรียมอาหารที่มู่หลานกับลูกเขยชอบด้วยนะ”

ลุงเจี่ยงก็ดีใจมากเช่นกันที่ฉินมู่หลานกับคนอื่นมาที่นี่ ตอนนี้ในบ้านมีชีวิตชีวาแล้ว

“ครับ ผมจะรีบไปเตรียมทันทีเลย”

หลังจากลุงเจี่ยงออกไป เจี่ยงสือเหิงก็หันมองเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงอีกครั้งพลางเอ่ยถาม “หลังจากพวกคุณกลับมา ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมครับ?”

เหยาจิ้งจือก็ไม่มีอะไรต้องปกปิด เล่าเรื่องราวให้ฟังตามตรง ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปกปิดเรื่องน่าอับอายของคุณนายเหยาด้วย ซ้ำยังเล่าเรื่องสิ่งที่คุณนายเหยาทำอีก

เจี่ยงสือเหิงรู้สึกเหลือเชื่อเมื่อได้ยินเรื่องราวเช่นนี้

“ไม่รู้ว่าคุณนายท่านคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงได้อยากเก็บเหยาอี้หนิงเอาไว้กันนะ โชคดีที่นายท่านเหยาชัดเจนตรงไปตรงมา”

เซี่ยเหวินปิงที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วย “ใช่ครับ โชคดีที่นายท่านเป็นคนเที่ยงธรรมอยู่ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นพวกเราคงรู้สึกด้านชา หลายปีที่ผ่านมานี้ ชีวิตของจิ้งจือที่ผ่านมาช่างแตกต่างจากของเหยาจิ้งถงหมดเลย เรื่องนี้มันเป็นความขื่นขมในใจที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้”

เจี่ยงสือเหิงก็เห็นด้วยเหมือนกัน ทั้งสองจึงพูดคุยกันต่ออีกสักหน่อย แต่ถึงอย่างไร เจี่ยงสือเหิงก็สังเกตเห็นบางอย่าง

“น่าแปลก หงเทียนซื่อยอมปริปากแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมพอมาถึงบ้านตระกูลเหยาแล้วถึงปากแข็งได้”

เซี่ยเจ๋อหลี่ก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน “ผมว่าจะลองสืบภายในสองวันนี้ดูครับ”

และหลังจากการสืบ ก็ได้ค้นพบบางอย่างจริง ขณะเดียวกันพ่อบ้านเหยาก็ได้พบข้อมูลบางอย่างเช่นกัน

ภายใต้คำสั่งของนายท่านเหยา พ่อบ้านเหยาก็ได้ส่งข้อมูลที่พบไปให้เซี่ยเจ๋อหลี่

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่รวบรวมข้อมูลได้แล้ว ก็พบว่ายินอวี่โหรวกับหงเทียนซื่อมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน เพียงแต่ลูกสาวถูกคนอื่นรับเลี้ยงไปตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งสองจึงไม่เคยได้เลี้ยงดูลูกสาวคนนั้นเลย

เมื่อฉินมู่หลานทราบเรื่องนี้ ก็ได้แต่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย

“ยินอวี่โหรวมีลูกกับหงเทียนซื่อจริงด้วย”

แต่ไม่นานนัก เธอก็คิดว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

ท้ายที่สุดแล้ว ยินอวี่โหรวออกจากบ้านสามีมาพร้อมกับลูกสาวหลังจากที่กลายเป็นม่าย จึงไม่ได้มีเงินติดตัวมากมายนัก ขณะเดียวกันก็ต้องการให้ใครสักคนเป็นลิ่วล้อทำสิ่งต่าง ๆ ให้ หงเทียนซื่อจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ยินอวี่โหรวก็คลอดลูกสาวให้กับหงเทียนซื่อ จึงเป็นสาเหตุให้นางใช้งานหงเทียนซื่อได้

“ครั้งนี้ที่หงเทียนซื่อปากแข็ง แล้วยอมรับผิดทั้งหมดด้วยตัวเอง ก็คงเป็นเพราะลูกสาว”

ฉินมู่หลานคาดเดาได้ถูกต้องจริง ๆ สร้อยข้อมือที่สวมใส่อยู่บนข้อมือของยินอวี่โหรวในตอนนั้นคงเป็นของที่หงเทียนซื่อเคยมอบให้ลูกสาว เมื่อหงเทียนซื่อเห็นสิ่งนั้นอยู่บนข้อมือของยินอวี่โหรว เขาจึงกลัวว่ายินอวี่โหรวจะทำอันตรายลูกสาว สิ่งนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงอดทนปากแข็งได้

โชคดีที่ยังมีหลักฐานอื่นชี้ชัดได้ว่ายินอวี่โหรวเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง นางจึงหนีไม่พ้น

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินมู่หลานก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที

“อาหลี่ ลูกสาวของพวกเขารู้เรื่องไหม อย่าปล่อยให้หล่อนมาแก้แค้นพวกเรานะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายหัวทันที แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่รู้หรอก ลูกสาวของพวกเขาถูกครอบครัวที่ซื่อตรงรับไปเลี้ยง ถึงแม้ว่าจะมีชีวิตธรรมดา แต่ก็มีความสุขมาก ตอนนี้กลับไปอยู่กับครอบครัวพ่อบุญธรรมหล่อนแล้ว และจะไม่กลับมาที่เมืองหลวงอีก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้าอย่างอดไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นก็ดี”

ฉินมู่หลานกับคนอื่นพักอยู่ที่บ้านตระกูลเจี่ยงมาได้สองวันแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะกลับ เหยาจิ้งจือก็ได้ไปแจ้งให้นายท่านเหยาทราบ เพื่อจะมากินข้าวมื้อหรูหรารวมครอบครัวด้วยกัน

แต่เหยาจิ้งจือไม่อยากไปที่บ้านตระกูลเหยา จนต้องเชิญนายท่านเหยามาที่บ้านตระกูลเจี่ยงแทน

นายท่านเหยาตอบตกลงโดยไม่ได้เอ่ยถามให้มากความ จนกระทั่งถึงเวลารับประทานอาหาร เขาก็มาเพียงคนเดียว

เจี่ยงสือเหิงเห็นนายท่านเหยา ก็รีบก้าวเดินเข้ามาแล้วกล่าว “นายท่าน ยินดีต้อนรับครับ”

“ขออนุญาตนะ”

นายท่านเหยายกยิ้มแล้วกล่าวขึ้น

เจี่ยงสือเหิงรีบโบกมือแล้วเอ่ยขึ้น “นายท่าน ดูคุณพูดเข้าสิ พวกเราสองตระกูลถือว่าเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องขออนุญาตเลยครับ”

“ฮ่าๆ ก็ได้ ไม่พูดแล้ว”

เจี่ยงสือเหิงกับนายท่านเหยาพูดคุยกันต่ออีกมากมาย จากนั้นเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็พูดคุยกับนายท่านเหยาอยู่ไม่น้อย ก่อนทุกคนจะพากันไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารด้วยกันอีกครั้ง

หลังจากกินข้าวเสร็จ นายท่านเหยาก็หาโอกาสเหมาะพูดคุยกับเหยาจิ้งจือ “จิ้งจือ แม่ของลูกล้มป่วยเมื่อไม่กี่วันมานี้ ถ้าเป็นไปได้ ลูกไปดูท่านก่อนกลับจากเมืองหลวงหน่อยนะ”

เหยาจิ้งจือได้ยินดังนี้ก็ขมวดคิ้วทันที

หล่อนรู้สึกไม่อยากไปเยี่ยมไข้เลยจริง ๆ แต่คุณนายเหยาเป็นแม่แท้ ๆ ของหล่อน หากอีกฝ่ายเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วจากไปทั้งอย่างนี้ ก็ดูเหมือนหล่อนจะไร้ความเมตตาและเป็นการเนรคุณ

ในขณะที่เหยาจิ้งจือกำลังลังเลใจ ฉินมู่หลานก็เอ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณตาไม่ต้องห่วงค่ะ พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะไปหาคุณนาย หลังจากไปหาแล้วก็จะไปขึ้นรถไฟที่สถานีค่ะ”

นายท่านเหยาเห็นฉินมู่หลานตอบตกลง ก็รีบพยักหน้าแล้วเอ่ยทันที “ได้ ตาจะรอพวกหลานที่บ้านนะ”

เขารู้จักครอบครัวของลูกสาวดี อันที่จริงคนที่พูดคุยด้วยได้มากที่สุดคือฉินมู่หลาน ภรรยาของหลานชาย ตราบใดที่ตอนนี้ได้ฉินมู่หลานพูดให้สักคำ เขาก็ทราบว่าในวันพรุ่งนี้ครอบครัวของลูกสาวจะต้องกลับมาที่นี่อย่างแน่นอน

เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น พวกฉินมู่หลานก็ไปที่บ้านตระกูลเหยา

ฉินมู่หลานเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้ม “คุณตาคะ ฝีมือการรักษาของฉันค่อนข้างใช้ได้ ให้ฉันลองตรวจคุณนายนะคะ”

“ได้ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนมู่หลานแล้วล่ะ”

ฉินมู่หลานทำการตรวจชีพจรให้คุณหญิงเหยา จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “อาการที่คุณนายเป็นคือความเครียด ขอแค่ผ่อนคลายจิตใจ พักผ่อนให้ดีก็หายแล้วค่ะ” ขณะเอ่ยเธอก็ทำการเขียนใบสั่งยาไปด้วย

หลังนายท่านเหยาได้รับใบสั่งยาแล้ว ก็รีบพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “เดี๋ยวตาจะดูแลให้ยายกินยาเอง”

จากนั้นเขาก็รีบบอกให้พ่อบ้านเหยานำสิ่งที่เตรียมไว้ออกมา “จิ้งจือ นี่เป็นของที่พ่อเตรียมเอาไว้ให้ลูก”

เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของนายท่านเหยา เหยาจิ้งจือก็ไม่ได้ปฏิเสธ

“ขอบคุณค่ะพ่อ”

เมื่อนายท่านเหยาเห็นเหยาจิ้งจือยอมรับ ก็ได้แต่รู้สึกดีใจ “ดีๆๆๆ พวกลูกกำลังรีบอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปที่สถานีรถไฟเถอะ”

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปก่อนนะคะ”

ขากลับครั้งนี้พวกเขาได้จองตั๋วนอนไว้แล้ว จึงไม่รู้สึกเมื่อยล้า

หลังจากกลุ่มคนกลับมาถึง เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็รีบทำความสะอาดบ้านของพวกเขา และฉินมู่หลานก็นอนลงพักผ่อนอย่างสบาย

ทุกคนในที่นั้นทราบว่าพวกเขากลับมาแล้ว ดังนั้นหลายคนจึงพากันมาเยี่ยมหาฉินมู่หลาน เจียงลวี่ชิวก็มาด้วยเหมือนกัน แล้วยังได้พูดคุยกับฉินมู่หลานอยู่พักหนึ่ง

“พี่สะใภ้ หัวหน้าเหยาก็ลาไปด้วย เห็นว่าเขากับเริ่นม่านลี่กลับเมืองหลวงกัน ครั้งนี้ไม่ได้กลับมาด้วยกันหรอกหรือ?”

“พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ”

ฉินมู่หลานตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

“ฉันคิดว่าพวกคุณอยู่ด้วยกันเสียอีก”

เจียงลวี่ชิวเห็นฉินมู่หลานไม่ยอมพูดอะไร จึงไม่เอ่ยถามอีก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องสนทนาเป็นเรื่องอื่นแทน “พี่สะใภ้ เนี่ยนอันมีเพื่อนคนหนึ่งมาหา ดูเหมือนว่าจะมาจากเมืองหลวงเหมือนกัน บางทีพวกคุณอาจจะรู้จัก ได้ยินว่าเพื่อนของหล่อนชื่อเซี่ยอวี่หรงน่ะค่ะ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ใครกันน่ะเพื่อนของเวินเนี่ยนอัน ใช่คนที่แอบชอบพี่หลี่หรือเปล่านะ

ไหหม่า(海馬)