ตอนที่ 215 เซี่ยเหลย
ตอนที่ 215 เซี่ยเหลย
หลิวกุ้ยอิงมองไปที่หลินเซี่ย ถามยืนยันด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อในเวลาเดียวกัน “เซี่ยเซี่ย พี่ใหญ่ของเซี่ยไห่เขาชื่อเซี่ยเหลยจริง ๆ เหรอ? เหลยที่แปลว่าสายฟ้า?”
หลินเซี่ยพยักหน้า “ใช่ค่ะ เขาคนนี้รับใช้ชาติโดยเข้าร่วมกับกองกำลังเทศมณฑลซีเหอ หลังจากนั้นเขาก็เข้าร่วมรบในสงคราม กองทัพประกาศออกมาครั้งแรกว่าเขาเสียสละชีพในระหว่างสู้รบ แต่ต่อมาเขาและทหารอีกสองนายถูกเจอตัวในภายหลัง แต่พวกเขาอาการสาหัสมาก ท้ายที่สุดก็พิการ ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่ของเซี่ยไห่จะสมองกระทบกระเทือนจนสูญเสียความทรงจำ น้องสาวจึงพาเขาไปที่ฮ่องกงเพื่อพักฟื้นร่างกาย ไม่ได้กลับมาหลายปีแล้ว”
ขณะที่หลินเซี่ยพูดจบ หลิวกุ้ยอิงก็นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าหมองคล้ำ และไม่พูดอะไรอีก
“แม่ ฉันไม่คิดว่านี่จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญนะคะ บางทีพี่ใหญ่ของเซี่ยไห่อาจจะเป็น…”
หลินเซี่ยมองดูหลิวกุ้ยอิงที่ยังคงนั่งเหม่อลอยอย่างจริงจัง และพูดว่า “นอกจากชื่อจะเหมือนกันแล้ว ประสบการณ์ชีวิตยังเหมือนกันอีก แล้วก็… เซี่ยไห่ยังบอกว่าฉันหน้าตาเหมือนพี่สาวของเขาสมัยที่หล่อนยังวัยรุ่นมาก ๆ ทุกอย่างลงตัวพอดี พ่อแท้ ๆ ของฉันควรเป็นคนเดียวกับพี่ชายคนโตของเซี่ยไห่ที่ชื่อเซี่ยเหลย เขายังมีชีวิตอยู่แต่สูญเสียความทรงจำ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงจำแม่ไม่ได้ ถึงอย่างนั้น ฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้เขาแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวบางอย่าง ละเมอเรียกชื่ออิงจื่อในขณะหลับ”
หลินเซี่ยจบการวิเคราะห์ด้วยน้ำเสียงสงบ มองดูหลิวกุ้ยอิงแล้วถามว่า “แม่ เมื่อก่อนเขาคนนั้นเคยเรียกแม่แบบนั้นหรือเปล่า?”
แต่เวลานี้หลิวกุ้ยอิงไม่มีท่าทางสงบเท่ากับหลินเซี่ยเลย หล่อนตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หันมาสบกับสายตาของหลินเซี่ยด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“เซี่ยเซี่ย แม่สับสนเหลือเกิน ไม่รู้ว่าควรแยกแยะเรื่องนี้ยังไงดี แม่เห็นกับตาว่าเขาตายจากไปแล้ว เพราะผู้บังคับบัญชาของกองทัพได้จัดพิธีไว้อาลัยให้กับเขาและสหายทั้งหลายเป็นการส่วนตัว เขาบอกว่าไม่มีใครในกองกำลังรอดชีวิต แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?”
เป็นเวลายี่สิบปีมาแล้วที่หล่อนไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะยังมีชีวิตอยู่
ตั้งแต่วันที่หล่อนตัดสินใจแต่งงานกับหลินต้าฝู หล่อนก็ฝังกลบอดีตนั้นไว้ และทำหน้าที่ภรรยาของหลินต้าฝูอย่างซื่อสัตย์และทุ่มเท ดูแลสามี และเลี้ยงดูลูก ๆ อย่างสุดความสามารถ
ก่อนที่จะรู้ว่าตัวเองอุ้มลูกกลับมาบ้านผิดคน หล่อนก็ไม่เคยคิดที่จะเล่าประสบการณ์ชีวิตจริงของตัวเองให้เสิ่นอวี้อิ๋งฟังเลย
เพราะท้ายที่สุดแล้ว หลินต้าฝูก็ปฏิบัติต่อเสิ่นอวี้อิ๋งอย่างดียิ่งกว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเองเสียอีก
คำพูดของหมอเย่ในวันนี้สร้างแรงบันดาลใจให้หล่อนมีความกล้าขึ้นมาอีกหน่อย
หลินเซี่ยไม่เคยเจอหน้าหลินต้าฝูมาก่อน นั่นหมายความว่าเธอไม่เคยสัมผัสถึงความรักของเขาในฐานะพ่อ ดังนั้นการบอกความจริงกับหลินเซี่ยจึงไม่ถือเป็นการทำร้ายใคร
เมื่อหล่อนเตรียมใจว่าจะเล่าประสบการณ์ชีวิตของตัวเองให้หลินเซี่ยฟัง จู่ ๆ ข่าวที่น่าตกตะลึงอีกอย่างก็ลอยมาเข้าหูหล่อน
หลินเซี่ยลุกขึ้นนั่ง จับมือหลิวกุ้ยอิงพร้อมกับให้กำลังใจหล่อน
“แม่ แม่ควรจะดีใจสิคะที่พ่อแท้ ๆ ของฉันยังมีชีวิตอยู่ ถึงยังไงครั้งหนึ่งแม่กับเขาก็เคยรักกันจริง ๆ มาก่อน”
ใบหน้าของหลิวกุ้ยอิงเต็มไปด้วยความขมขื่น “ผ่านมาตั้งยี่สิบปี หัวใจของแม่ตายด้านจากความรักไปนานแล้ว แต่สำหรับลูก การที่พ่อผู้ให้กำเนิดของลูกยังมีชีวิตอยู่ก็ถือเป็นเรื่องดีเสมอ”
หลิวกุ้ยอิงรู้สึกเศร้าและเป็นทุกข์
พร้อมกันนั้นก็รู้สึกเสียใจเมื่อนึกถึงผู้ชายที่เปี่ยมด้วยอุดมการณ์คนนั้น
ยากที่จะจินตนาการว่าเขาผ่านพ้นความทรมานจากภาวะความจำเสื่อมและความพิการในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาได้อย่างไร
ครอบครัวของเขาต้องแบกรับความขมขื่นมากแค่ไหน!
“ใช่แล้วค่ะ เป็นเรื่องดีมากที่เขายังมีชีวิตอยู่ ฉันได้ยินเซี่ยไห่บอกว่าเร็ว ๆ นี้เขาจะพาพี่ชายมาที่ไห่เฉิง อีกหน่อยพวกเราต้องมีโอกาสได้เจอเขาแน่”
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างความคาดหวังของหลินเซี่ยกับความโหยหาของหลิวกุ้ยอิง ฝ่ายหลังหมดสิ้นความรู้สึกนั้นไปนานแล้ว
หล่อนส่ายหน้า “อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรเลย เผื่อความจริงไม่เป็นไปตามนั้น รอจนกว่าเซี่ยไห่จะกลับมาก็แล้วกัน”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเรารอต่อไป”
หลินเซี่ยมั่นใจอย่างยิ่งว่าเซี่ยเหลยพี่ชายคนโตของเซี่ยไห่คือพ่อผู้ให้กำเนิดของเธอแน่ ๆ
เธออยากจะโทรหาเซี่ยไห่เดี๋ยวนี้เสียจริง ๆ เพื่อบอกขอให้เขากลับมาและหยุดตามหาคนในเทศมณฑลซีเหอเสีย
แต่ข่าวนี้อาจจะกะทันหันเกินไปสำหรับหลิวกุ้ยอิง ทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรจริงไม่จริง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการยอมรับความจริงที่ว่าเซี่ยเหลยยังมีชีวิตอยู่
คงต้องรอให้เซี่ยไห่หาหลักฐานจากที่บ้านมายืนยันกับหล่อนด้วยตัวเอง
ค่ำคืนอันมืดมิด หลินเซี่ยนอนอยู่บนเตียง ยังคงรู้สึกสับสนเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความจริงอยู่ในใจ
ถ้าสมมติฐานทั้งหมดเป็นจริง เธอก็จะกลายเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของพี่ชายเซี่ยไห่ และเซี่ยไห่ก็คืออารองของเธอสินะ?
เซี่ยไห่เป็นอารองของเธอ…
คิดแล้วหลินเซี่ยก็อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ
เซี่ยไห่พูดครั้งล่าสุดว่าเขายินดียอมรับเธอเป็นลูกบุญธรรมหรือเป็นน้องสาวบุญธรรมของเขาก็ได้ แต่เฉินเจียเหอดุเขาว่าอย่าพูดจาเลื่อนเปื้อน
ใครจะไปคิด เขากลับกลายมาเป็นอาแท้ ๆ ของเธอจริง ๆ
หลินเซี่ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับพ่อผู้กล้าหาญที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อนทั้งสองชีวิต เช่นเดียวกับราชินีแห่งวงการภาพยนตร์เซี่ยอวี่ที่อาจจะเป็นอาหญิงของเธอเช่นกัน…
เธอตั้งตารอวันที่จะพบพวกเขา
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิวกุ้ยอิงตื่นแต่เช้าตามปกติเพื่อนึ่งแป้งเหลียงเฝิ่นที่เตรียมเอาไว้
หลินเยี่ยนก็ตื่นนอนแต่เช้าเพื่อก่อไฟเช่นเดียวกัน
พอหลินเซี่ยและหลินจินซานลุกขึ้นจากเตียง เตาถังน้ำมันกลางลานบ้านก็ร้อนระอุไปด้วยไอน้ำเดือดพล่าน
หลินเซี่ยพับแขนเสื้อขึ้น ตั้งใจว่าจะช่วยจุดไฟ “แม่ เริ่มนึ่งไปบ้างแล้วหรือยังคะ? เดี๋ยวฉันช่วย”
“เซี่ยเซี่ย กลับไปนอนต่ออีกหน่อยเถอะ เสี่ยวเยี่ยนกับแม่จัดการกันเองได้ ไม่นานก็เสร็จแล้ว”
หลิวกุ้ยอิงนึ่งแป้งเหลียงเฝิ่นเสร็จแล้ว และกำลังพักไว้ให้เย็นลงในกะละมัง
ยังมีแป้งดิบเหลืออยู่อีกสองสามถาดที่รอคิวขึ้นซึ้งนึ่ง
หลิวกุ้ยอิงไม่ต้องการความช่วยเหลือ หลินเซี่ยจึงวางแผนว่าจะกลับบ้าน
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอกลับก่อนนะคะ”
หลินจินซานถาม “ทำไมเธอออกจากบ้านตั้งแต่เช้าล่ะ? ร้านตัดผมยังไม่ถึงเวลาเปิดไม่ใช่เหรอ”
หลินเซี่ยตอบกลับ “พี่ชาย ฉันจะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
เมื่อเผชิญหน้ากับหลินจินซานในเวลานี้ หลินเซี่ยก็รู้สึกซับซ้อนมาก
หลินเยี่ยนเป็นน้องสาวต่างพ่อของเธอก็จริง
แต่ในทางกลับกัน หลินจินซานกลับไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเธอเลย
นี่ควรเป็นหนึ่งในเหตุผลที่หลิวกุ้ยอิงพยายามปิดบังความจริงมาโดยตลอด
เธอไม่อยากให้ลูก ๆ ทั้งสามคนต้องตีตัวเหินห่างจากกันเพียงเพราะพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
แต่ถึงอย่างไรความลับดังกล่าวก็ต้องถึงเวลาเปิดเผยในสักวันหนึ่ง
หากเธอสืบไม่เจอญาติฝั่งพ่อ คงมีเพียงเธอและหลิวกุ้ยอิงสองคนที่รู้ความลับ และความลับนั้นอาจพอจะซ่อนไว้จากหลินจินซานและหลินเยี่ยนได้
แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน เซี่ยไห่กำลังตามหาคนอย่างจริงจัง ส่วนเธอเองก็อยากทำความรู้จักกับญาติ ๆ และไปเจอพ่อแท้ ๆ ของตัวเองด้วย
ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ความลับนี้จะถูกกำหนดให้ฝังกลบไปตลอดกาล
หลิวกุ้ยอิงดูเหมือนจะครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหานี้เช่นกัน พอหลินเซี่ยกำลังจะจากไป หล่อนก็หันไปพูดกับหลินจินซานว่า “จินซาน ออกไปส่งน้องสาวลูกกลับบ้านหน่อยสิ”
“ได้”
หลินจินซานพาหลินเซี่ยออกจากตรอก หลินเซี่ยถามเขาว่า “พี่ชาย หลังจากนี้ยังเหลืออะไรที่ต้องทำอีกบ้าง?”
หลินจินซานล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าพลางตอบว่า “ฉันยังไม่มีอะไรต้องทำ ทุกอย่างภายในห้องเต้นรำเสร็จสรรพหมดแล้ว แค่รอให้เถ้าแก่เซี่ยกลับมาและสอนวิธีการทำงานในขั้นต่อ ๆ ไป ก่อนที่เขาจะกลับมา ฉันกับพี่เฉิงทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งรออยู่เฉย ๆ”
เขากลัวว่าหลินเซี่ยจะเข้าใจผิดว่าเขาลอยชายไปวัน ๆ ไม่ยอมทำอะไรเลย ดังนั้นจึงรีบอธิบายว่า “เถ้าแก่เซี่ยแบ่งเวลาไปทำธุระส่วนตัวอย่างกะทันหัน ใช่ว่าฉันไม่มุ่งมั่นพยายามเพื่อความก้าวหน้าของตัวเองหรือไม่ขยันทำงานอย่างหนัก เธออย่าเพิ่งวิพากษ์วิจารณ์ฉันนะ”
“พี่ชาย ดูพี่พูดเข้าสิ ใช่ว่าฉันพยายามจะหาเรื่องติติงพี่ตลอดเวลาซะเมื่อไหร่ ฉันรู้ว่าพี่มีแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยม และต้องการหาเงินให้ได้มากขึ้น รอให้เถ้าแก่เซี่ยกลับมาก่อน ฉันจะขอให้น้องเขยพี่ช่วยไปเจรจาบางอย่างกับเขาต่อหน้า เผื่อว่าเขาจะยินดีจัดเตรียมงานดี ๆ ไว้รองรับพี่ คราวนี้พี่ก็จะได้ทำงานหนักสมใจ วันข้างหน้าครอบครัวเราจะได้รวมกันหนึ่งเดียวตลอดไป มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และไม่ถูกเสิ่นอวี้อิ๋งวางแผนและเอารัดเอาเปรียบ”
“น้องสาว เธอเต็มใจไปคุยกับเถ้าแก่เซี่ยไห่ให้หาตำแหน่งงานดี ๆ ให้ฉันจริงเหรอเนี่ย? ขอบคุณมากนะ โชคดีจริง ๆ เลยที่มีน้องสาวแบบเธอ” หลินจินซานรู้สึกลิงโลดมาก แสดงท่าทางขึงขังทันที “เรื่องพฤติกรรมที่ไม่ดีของเสิ่นอวี้อิ๋ง เมื่อวานนี้ฉันได้เห็นธาตุแท้ของหล่อนอย่างชัดเจนแล้ว ไม่ว่าวันไหน ๆ ฉันก็จะไม่เชื่อคำโกหกหลอกลวงของหล่อนอีก”
หลินเซี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดกับหลินจินซานว่า “พี่ชาย ไหน ๆ วันนี้พี่ก็ไม่มีงานอะไรต้องทำ ถ้าอย่างนั้นช่วยเตร่ไปแถว ๆ โรงเรียนมัธยมไห่เฉิงแห่งที่หนึ่งหน่อยสิ”
“โรงเรียนมัธยมไห่เฉิงมีอะไรเหรอ?” หลินจินซานถาม
“อยากให้พี่ช่วยไปปั่นหัวคนเล่นหน่อย” หลินเซี่ยไม่ได้ปิดบังจุดประสงค์ของตัวเอง จากนั้นก็กระซิบกับหลินจินซาน “พี่ลองไปดูว่าเจิ้งต้าหมิงอาศัยอยู่แถวโรงเรียนหรือเปล่า? เสิ่นอวี้อิ๋งหลอกลวงคนมานาน และตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้ชายจะเข้าเมืองมาทำงานอยู่แถวโรงเรียนมัธยมไห่เฉิง เราทำตัวเป็นกามเทพจับเสิ่นอวี้อิ๋งกับเขาให้อยู่ด้วยกันซะเลย อย่าให้เขาปล่อยหล่อนหลุดไปได้”
“อย่างนั้นเองเหรอ?” หลินจินซานโกรธขึ้นมาอีกเมื่อคิดถึงความลับสกปรกดำมืดของเสิ่นอวี้อิ๋งที่ถูกบันทึกไว้ในไดอารี่ส่วนตัวของหล่อน
ภายนอกดูไร้เดียงสาและใสซื่อ แต่แท้จริงแล้วเป็นแค่เด็กสาวใจแตกคนหนึ่ง
หล่อนไล่ตามคนน้องไม่สำเร็จ ก็เลยหลอกล่อคนพี่ให้ติดกับเป็นการแก้แค้น
หลินเซี่ยพูดถูก ในเมื่อหล่อนเป็นฝ่ายยั่วยวนเจิ้งต้าหมิงก่อน หล่อนก็ควรรับผิดชอบต่อความผิดที่ตัวเองได้กระทำ
เพราะถึงยังไงอีกฝ่ายก็เสียรู้ถึงขั้นยกมรดกของครอบครัวให้หล่อนไป
หลินจินซานคิดว่าการผูกมัดเสิ่นอวี้อิ๋งไว้กับเจิ้งต้าหมิง จะทำให้หล่อนไม่มีโอกาสไปหลอกลวงชายหนุ่มในเมืองคนอื่น ๆ อีก
เขาตบหน้าอกตัวเองและรับรองว่า “ไม่มีปัญหา เชื่อมือฉันได้เลย ฉันจะทำให้เจิ้งต้าหมิงผูกมัดหล่อนไปจนตายอย่างแน่นอน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ถ้าเซี่ยไห่กลับมาแล้วจะช็อคไหมเนี่ย จู่ๆ คนที่ตามหาอย่างยากลำบากแท้จริงกลับอยู่ใกล้ๆ นี่เอง
ยัยอวี้อิ๋งเตรียมโดนเอาคืนได้เลย
ไหหม่า(海馬)