บทที่ 196 ซื้อเตาหลอมยา

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 196 ซื้อเตาหลอมยา

บทที่ 196 ซื้อเตาหลอมยา

ตลาดโบราณจินหลิง

หลู่เหวินไห่ยืนอยู่ที่ประตูร้านของเขา สายตามองไปที่ถนนมืดสลัวภายใต้โคมไฟถนนในระยะไกล แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยที่ไม่อาจคลายลง

ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว

ในขณะที่เขากำลังจะปิดประตูและกลับบ้านเพื่อพักผ่อน เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากโจวอี้ อีกฝ่ายไม่ได้บอกว่าต้องการอะไรแต่ขอให้เขารอในร้าน

ช่วงนี้เขาชอบโจวอี้มากและยังถือว่าโจวอี้เป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งอีกด้วย

ขวดหยกสั่งทำพิเศษที่ผลิตในโรงงานของเขาถูกสั่งซื้อรวดเดียวหนึ่งหมื่นขวดเมื่อไม่กี่วันก่อน แม้ว่าหวงไห่เทาจะเป็นคนซื้อพวกมัน แต่เขาพอจะรู้ว่าการที่หวงไห่เทามาที่ร้านของเขาเพื่อซื้อขวดหยกนั้นเป็นเพราะได้รับการแนะนำมาจากโจวอี้

“มาแล้ว” หัวใจของหลู่เหวินไห่เต้นรัวเมื่อมองแสงไฟที่กำลังใกล้เข้ามา เขากำลังคาดหวังบางสิ่ง

รถตู้จอดอยู่ตรงหน้าหลู่เหวินไห่

โจวอี้ลงจากรถและทักทายหลู่เหวินไห่อย่างเป็นกันเอง จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็เข้าไปในร้านรวบรวมสมบัติ

“น้องโจว ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณต้องการซื้ออะไร?” หลู่เหวินไห่ถามด้วยรอยยิ้ม

“เตาหลอมยา” โจวอี้ตอบ

เตาหลอมยา?

ไม่มีของแบบนี้ในร้านของฉันนี่นา!

หลู่เหวินไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “น้องโจว มีสมบัติมากมายในร้านของผมนะ แต่ไม่มีเตาหลอมยา ทำไมคุณถึงอยากจะซื้อมันล่ะ?”

“เพื่อหลอมปรุงยา” โจวอี้ตอบอย่างสบาย ๆ และถามกลับไปว่า “พี่หลู่ คุณทำธุรกิจค้าของเก่าในตลาดโบราณแห่งนี้มาหลายปีแล้ว คุณน่าจะรู้ว่าใครมีเตาหลอมยาที่มีคุณภาพดีเยี่ยม ช่วยผมหน่อย ติดต่อให้ผมที ผมต้องการมันอย่างเร่งด่วน”

“ได้…” หลู่เหวินไห่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็พยักหน้า

เขารู้ว่าใครมีเตาหลอมยา และยังเป็นของเก่าที่มีคุณภาพดีและมีประวัติอันยาวนาน

แต่ชายคนนั้นมีบุคลิกแปลก ๆ และมักมองว่าของสะสมของตัวเองเป็นสมบัติส่วนตัวที่หวงแหน ถ้าต้องการซื้อเตาหลอมยาจากเขา มันอาจจะยากมาก

“น้องโจว ผมสามารถช่วยติดต่อได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะซื้อได้ไหม”

“ไม่เป็นไร ลองดู”

หลู่เหวินไห่หายใจเข้าลึกก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลขโทรออก

“เฒ่าหลู่ มีอะไรเหรอ?” ปลายสายเอ่ยถามขึ้น

“ซานเฉียน! เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เรามาพบกันสักหน่อยไหม?” หลู่เหวินไห่พูดด้วยรอยยิ้ม

“ค่อยว่ากันทีหลัง! ช่วงนี้ฉันไม่ว่าง”

“ยุ่งงั้นเหรอ ยุ่งงั้นเหรอ!” หลู่เหวินไห่หัวเราะแห้ง ๆ “ซานเฉียน มีคนต้องการซื้อเตาหลอมยาของนาย เขาเป็นคนที่จริงใจมาก นายพอจะว่างพบกับคนคนนั้นไหม”

“ไม่พบ และไม่ขาย” ปลายสายตอบกลับห้วน ๆ แล้ววางสายทันที

หลู่เหวินไห่มองไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขา จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “น้องโจว เจ้าของเตาหลอมยาชื่อซานเฉียน เขามีชื่อเสียงมากในแวดวงนักสะสมของโบราณในเมืองจินหลิง แต่เขาเป็นคนที่มีอารมณ์แข็งกระด้างและหวงของ ดังนั้นมันคงยากมากที่จะซื้อของจากเขา”

โจวอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เอาหมายเลขโทรศัพท์ของเขามาให้ผมก็แล้วกัน ผมจะโทรหาเขาเอง”

หลู่เหวินไห่ตกตะลึง

ขนาดเขาโทรไปหาซานเฉียนด้วยตัวเอง อีกฝ่ายยังไม่คุยด้วยเลย แล้วโจวอี้เป็นใครที่ไหนไม่รู้ ถ้าโทรไปมันจะได้เรื่องได้ยังไง!

อย่างไรก็ตาม หลู่เหวินไห่ก็ยังคงให้หมายเลขโทรศัพท์ของซานเฉียนแก่โจวอี้

โจวอี้ไม่สนใจความคิดของหลู่เหวินไห่ เมื่อได้เบอร์มาเขาก็กดโทรออกทันที

“ซานเฉียน?”

“ใช่! คุณเป็นใคร?” น้ำเสียงของอีกฝ่ายยังคงหนักแน่นมาก

“ผมแซ่โจว ผมโทรหาคุณด้วยจุดประสงค์สองประการ อย่างแรกคือเพื่อถามคำถาม แต่ถ้าคุณตอบคำถามผมไม่ได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องพูดกันถึงเรื่องที่สอง” โจวอี้พูดด้วยแววตามั่นคง

“ถามมา” อีกฝ่ายเกิดความสนใจเล็กน้อย

“นักสะสมตัวจริงจำเป็นต้องครอบครองวัตถุโบราณทั้งหมดไหม” โจวอี้ถาม

“ถ้าของสิ่งนั้นแปลกและมีค่า เราก็ควรเก็บมันไว้เอง”

“เก็บเอาไว้เองเพื่อเชยชม? จะไปมีประโยชน์อะไร? หรือเพื่อแค่อ้างอิงถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของมัน?”

“มันจะไปมีประโยชน์อะไรถ้าไม่ใช่เก็บไว้เพราะต้องการอ้างอิงถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์” อีกฝ่ายตอบ

“แต่ผมใช้เตาหลอมยาได้” โจวอี้กล่าว

“คุณหลอมยาได้งั้นเหรอ?”

“ในฐานะศิษย์ของสำนักโอสถ ถ้าหากไม่รู้วิธีหลอมปรุงยา มันคงเป็นเรื่องน่าเยาะเย้ยใช่ไหม?”

“คุณเป็นศิษย์ของสำนักโอสถ? สำนักโอสถแห่งโลกผู้ฝึกยุทธ์นั่นน่ะนะ?”

“ใช่”

อีกฝ่ายเงียบไป

โจวอี้ไม่ได้เร่งเร้า เมื่ออีกฝ่ายยังไม่ได้วางสาย โจวอี้จึงยิ่งรู้สึกโล่งใจ

หลังจากผ่านไปพักใหญ่ อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา

“มาเจอกัน” ซานเฉียนกล่าว

“ผมอยู่ร้านคลังสมบัติ”

“รอผมที่นั่น!”

หลังจากวางสาย โจวอี้ก็ยิ้มออกมา

เขารู้สึกได้เปรียบจากการเป็นศิษย์ของสำนักโอสถ เห็นได้ชัดว่าซานเฉียนรู้จักสำนักโอสถ ดังนั้นจึงเต็มใจที่จะพบเขาเพื่อพูดคุยรายละเอียด

อีกฝ่ายมีแนวโน้มที่จะขายเตาหลอมยาให้เขาแล้ว แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายเปิดเงื่อนไขอย่างไร

“เขาตกลง?” หลู่เหวินไห่ถามด้วยความประหลาดใจ

“ไม่ได้ตกลง แต่ยินดีพบและคุยรายละเอียด” โจวอี้ยิ้ม

หลู่เหวินไห่รู้สึกใจสั่นเล็กน้อย เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ซานเฉียนพูดกับโจวอี้ แต่เขาได้ยินคำพูดของโจวอี้ที่พูดออกไป เขาไม่คิดเลยว่าซานเฉียนอยากจะพบกับโจวอี้หลังจากฟังเพียงไม่กี่ประโยค

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ชายอายุ 34-35 ปีก็เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับคนหนุ่มสองคน คนหนุ่มสองคนกำลังช่วยกันถือกล่องไม้ขนาดใหญ่เข้ามา

“ซานเฉียน ยินดีต้อนรับ!”

“อืม!”

ซานเฉียนตอบหลู่เหวินไห่และมองไปที่โจวอี้

“แซ่ของคุณคือโจว?”

“โจวอี้”

“คุณเป็นศิษย์สำนักโอสถจริง ๆ เหรอ จะพิสูจน์ได้ยังไง”

“ตอนนี้คุณไม่สบาย คุณป่วยมาก ไตของคุณมีอะไรผิดปกติใช่ไหม” โจวอี้ยกยิ้มและสังเกตใบหน้าของอีกฝ่าย “สะดวกไหมที่ผมจะจับชีพจรของคุณ”

“ดี!” ซานเฉียนยื่นมือซ้ายออกไปทันที

ในไม่ช้า โจวอี้ก็ปล่อยข้อมือของอีกฝ่าย

“คุณวินิจฉัยโรคของผมได้หรือยัง” ซานเฉียนถาม

“ยูรีเมีย[1]”

“คุณ…” ซานเฉียนมองโจวอี้ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

ถูกต้อง!

เขามีภาวะยูรีเมีย และตรวจพบเมื่อไม่กี่วันก่อน

นอกจากเขาแล้ว มีเพียงแพทย์ที่ตรวจเขาและภรรยาเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

ชายหนุ่มแซ่โจวเพิ่งสังเกตใบหน้าของเขาและตัดสินได้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับไตของเขา แถมยังวินิจฉัยได้ถูกต้องว่าเขามีภาวะยูรีเมียด้วยการจับชีพจร แสดงว่าทักษะทางการแพทย์ของอีกฝ่ายยอดเยี่ยมมาก

“รักษาด้วยการแพทย์แผนจีนได้ไหม” ซานเฉียนถามอย่างเร่งรีบ

“ได้!” โจวอี้พยักหน้า

“ยอดเยี่ยม!”

ซานเฉียนกำหมัดอย่างมีชัย จากนั้นก็หันไปที่กล่องไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลังและพูดว่า “เตาหลอมยาสามขานี้ ผมมอบให้คุณ ไม่ว่าคุณจะรักษาโรคของผมได้หรือไม่ได้ ผมก็จะมอบมันให้คุณไปฟรี ๆ”

“ขอบคุณครับ ผมขอดูเตาหลอมยาตอนนี้เลยได้ไหม?”

“โอเค!” ซานเฉียนหันไปกล่าวกับคนหนุ่มสองคนที่อยู่ข้างหลัง “เปิดเลย!”

ชายหนุ่มทั้งสองก็คลายเชือกที่ผูกไว้ออกทันที ก่อนจะเปิดฝากล่องไม้ และนำเตาหลอมยาสามขาสูงหนึ่งเมตรออกมาอย่างระมัดระวัง

[1] ยูรีเมีย (Uremia) คืออาการเป็นพิษในเลือดที่เกิดจากสารยูเรีย ครีทินิน หรือกรดยูริก ซึ่งเป็นสารที่ควรจะขับออกทางปัสสาวะแต่กลับไปตกค้างอยู่ในเลือด อาการเป็นพิษดังกล่าวมักเป็นผลสืบเนี่องมาจากการป่วยเป็นโรคไตในขั้นร้ายแรง ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับยูเรียออกมาได้ และยังทำให้เป็นพิษต่อร่างกายจนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หมดสติ หรือเกิดการชัก