ตอนที่ 159

The simple life of the emperor

หลังจากนั่งเครื่องบินกว่าแปดชั่วโมงในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงอาณาเขตประเทศดารา จากที่เทียนหลางได้มองดูผ่านหน้าต่างของเครื่องบินแล้ว ประเทศดารานั้นตั้งอยู่บนเกาะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์แบบ

เมื่อเทียนหลางได้เห็นเขาก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประเทศดาราแห่งนี้ถึงได้ขึ้นชื่อเรื่องการท่องเที่ยว ด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทำให้เกิดทิวทัศน์และสภาพแวดล้อมที่งดงาม แถมที่เกาะแห่งนี้ยังมีภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่เป็นจุดน่าดึงดูดแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย
และเหตุผลที่ประเทศดารานั้นกลายเป็นแหล่งส่งออกแร่ดิบอันดับต้นๆของโลกก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับภูเขาไฟและความสมบูรณ์แบบของธรรมชาติที่เกาะแห่งนี้
ไม่นานนักเครื่องบินก็ล่อนลงจอดที่สนามบินส่วนตัว เมื่อเทียนหลางและเฟิงหยวนลงมาทั้งคู่ก็บิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนที่เทียนหลางจะหันไปคุยกับนักบิน
“นายชื่ออะไร ?”
เมื่อนักบินได้ยินคำถามเขาก็หันมาตอบเทียนหลางด้วยความนอบน้อมว่า
“ผมชื่อ ตานก๋งครับบอส”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะถามต่อ
“เป็นลูกน้องของซ่านฉินสินะ”
“ใช่แล้วครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็อดไม่ได้ที่จะทึ่งกับความสามารถของซ่านฉินที่สามารถมีลูกน้องเป็นนักบินแบบนี้ เพราะเขาคิดว่ารอบตัวของซ่านฉินนั้นมักจะมีแต่พวกนักเลงเสียอีกแต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิดไปถนัด
อันที่จริงแล้วความคิดของเทียนหลางก็ไม่ได้ผิดมากนัก แต่หลังจากที่ซ่านฉินได้กลายมาเป็นผู้ดูแลศาลาสวรรค์แล้ว เขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกลายเป็นคนจริงจังยิ่งกว่าเดิมและเมื่อได้รับคำแนะนำจากตัวของเฟิงหยวนแล้วด้วยก็ทำให้เขานั้นเปลี่ยนไปมากกว่าเก่า
ตอนนี้รอบตัวของซ่านฉินนั้นล้วนแต่มีคนเก่งๆรายล้อม ไม่ว่าจะอดีตทหารรับจ้าง อดีตหน่วยรบพิเศษ
นักบัญชี หมอ หรือแม้แต่ทนาย เรียกได้ว่าตอนนี้ซ่านฉินได้แทรกซึมเข้าไปในองกรค์สำคัญๆของรัฐบาลเรียบร้อยแล้วในตอนนี้ซ่านฉินกลายเป็นนักธุรกิจอันดับต้นๆของเมืองจิงไห่ไปแล้วโดยที่ตัวของเทียนหลางไม่ล่วงรู้เลยแม้แต่น้อย
เพราะในตอนนี้มีเพียงเฟิงหยวนที่คอยดูแลศาลาสวรรค์อยู่ด้านหลังฉาก และเธอเองก็ไม่ค่อยจะได้เล่ารายละเอียดพวกนี้ให้กับเทียนหลางได้ฟังมากนัก เพราะเธอไม่อยากให้เขาต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องพวกนี้
เทียนหลางหยิบบัตรใบหนึ่งออกมายื่นมันให้กับตานก๋ง
“ในบัตรมีเงินอยู่สองหมื่นเหรียญ นายเอาไปใช้ซะ”
ตานก๋งได้ยินแบบนั้นเขาก็ถึงกับตกตะลึงก่อนจะถามออกมา
“จะดีเหรอครับบอส ?”
เทียนหลางโบกมือเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“เอาไปใช้เถอะ ฉันกับเฟิงหยวนอาจจะใช้เวลาอยู่ที่นี้หลายวัน จะให้นายนอนอยู่แต่ในเครื่องบินก็ยังไงอยู่ เอาไปใช้เที่ยวเล่นเถอะ”
ตานก๋งได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับก้มหัวขอบคุณเทียนหลางยกใหญ่
“ขอบคุณครับบอส ขอบคุณครับ !!”
เทียนหลางโบกมืออีกครั้งก่อนจะบอกว่า
“ถ้าไม่พอก็โทรไปขอซ่านฉินก็แล้วกันนะ แต่อย่าให้ฉันรู้ละว่านายเอาเงินไปลงกับการพนันหมด”
ตานก๋งได้ยินแบบนั้นก็ชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มและบอกว่า
“บอสไม่ต้องห่วงครับ ผมเป็นคนไม่ชอบเล่นการพนัน”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า
“ดีแล้วล่ะ การพนันก็เหมือนกับยาเสพติดแม้นายจะรู้สึกดีกับมันเพียงเล็กน้อย แต่ในไม่ช้ามันก็ค่อยๆมาทวงทุกอย่างคืนไปจากนาย”
ตายก๋งพยักหน้า
“ขอบคุณที่สั่งสอนครับบอส”
เทียนหลางยิ้มก่อนจะเดินพาเฟิงหยวนไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง น่าแปลกใจเล็กน้อยเพราะไม่ว่าคุณจะมาด้วยเครื่องบินจากสายการบิน หรือเครื่องบินส่วนตัวคุณก็จำเป็นจะต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ไม่มีใครสามารถใช้สิทธิพิเศษลักลอบเข้าเมืองได้
เมื่อเทียนหลางและเฟิงหยวนเดินเข้ามาในอาคารตรวจสอบ ทั้งคู่ก็ต้องแปลกใจที่ภายในอาคารนั้นมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก มีทหารติดอาวุธยืนอยู่เต็มไปหมดแถมบางคนในนั้นยังเป็นผู้บ่มเพาะอีกด้วย แม้จะไม่ได้เก่งกาจแต่สำหรับการต่อสู้กับคนธรรมดาแล้วย่อมไม่เป็นปัญหา
“ดูเหมือนกองทัพของประเทศดาราจะชุบเลี้ยงผู้บ่มเพาะเอาไว้ไม่น้อยเลย”
เทียนหลางกล่าวกับเฟิงหยวน เฟิงหยวนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ไม่น่าแปลกเท่าไหร่ด้วยภูมิประเทศที่สมบูรณ์แบบนี้ การจะปลูกสมุนไพรเพื่อช่วยในการหล่อเลี้ยงผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์นั้นเป็นอะไรที่ง่ายดายอย่างมาก”
“นั่นสิ”
เทียนหลางหันไปมองรอบๆก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากกำลังต่อแถวรอรอตรวจอยู่ ซึ่งทั้งคู่ก็ไปต่อแถวด้วยเช่นกัน
เมื่อถึงคิวของทั้งคู่ เทียนหลางและเฟิงหยวนก็ได้ยืนหนังสือเดินทางและไอดีการ์ดให้กับพนักงาน เมื่อพนักงานมองดูก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะมองไปเอกสารและใบหน้าของทั้งคู่สลับกันไปมา
เทียนหลางเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอครับ ?”
พนักงานสาวได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า
“ไม่มีอะไรคะ แค่ตกใจเล็กน้อยที่พวกคุณทั้งสองหน้าตาดูดีมาก ฉันเลยคิดว่าพวกคุณน่าจะเป็นดาราหรือนักแสดงอะไรทำนองนี้”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่พยักหน้าจะปั้มเอกสารและกล่าวถาม
“ไม่ทราบว่าทั้งคู่มาทำอะไรที่นี้คะ ?”
“พอดีเราทั้งคู่กะว่าจะมาเข้าร่วมงานประมูลที่จะจัดขึ้นในอีกสองวันนี้นะครับ และก็ตัดสินใจจะมาฮันนีมูนกันที่นี้ด้วย”
พนักงานสาวได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะบอกว่า
“ยืนดีต้อนรับสู่ประเทศดารา ขอให้สนุกกับงานประมูล และการฮันนีมูนนะคะ”
เมื่อเทียนหลางและเฟิงหยวนได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มพร้อมกับรับเอกสารคืน ก่อนจะกล่าวขอบคุณ