ตอนที่ 141

My Disciples Are All Villains

ซู่ฮ่องกงในตอนนี้อยู่ไม่สุขอีกต่อไป ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความลังเล ตัวเขาไม่แม้แต่จะคิดอยากออกไปเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ในตอนนี้

ในทางกลับกัน ยู่เฉิงไห่ในตอนนี้มีท่าทีที่แสนจะดูสงบ ยู่เฉิงไห่กำลังเฝ้ารอดูการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ

‘ถึงจะร้องไห้ไปก็ไม่สามารถที่จะแก้อะไรได้ ถ้าหากข้าเอาชนะเจ้าพวกนั้นไม่ได้จริง อย่างน้อยๆ ข้าก็พอที่จะหนีได้’ เมื่อซู่ฮ่องกงคิดได้แบบนั้น เขาจึงพูดออกมากับลูกน้องของตัวเอง “รอสู้เคียงข้างข้าให้ดีล่ะ! “

แม้ว่าซู่ฮ่องกงผู้ที่เป็นหัวหน้าจะพูดแบบนั้น แต่ลูกน้องของเขากลับไม่คิดเช่นนั้น ลูกน้องคนนี้ชินชากับนิสัยของซู่ฮ่องกงเข้าซะแล้ว “ท่านหัวหน้าเร็วเข้า! พวกเรารีบไปที่ท้ายภูเขาเถอะ! “

“เจ้าหมายถึงอะไรกัน? พวกเราจะต้องสู้! ” ซู่ฮ่องกงพูดออกมาอีกครั้งก่อนที่จะเตะไปยังลูกน้องคนเดิม

ทั้งสองคนได้เดินออกจากฐานที่มั่นไป

ยู่เฉิงไห่เองก็ยืนขึ้นเช่นกัน ตัวเขาได้เดิมตามซู่ฮ่องกงออกไปจากฐานที่มั่น ในตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในฐานทัพหุบเขาพยัคฆ์อีกต่อไป มันคงจะดีกว่ายู่เฉิงไห่เองที่จะออกไปดูเหตุการณ์ที่ด้านนอกเอง

ตามที่ลูกน้องของซู่ฮ่องกงได้บอกเอาไว้ รถม้าลอยฟ้าที่อยู่นอกหุบเขาพยัคฆ์เป็นรถม้าของสำนักเที่ยงธรรม ในตอนนี้มันอยู่สูงจากหุบเขาพยัคฆ์ไม่ไกลมากนัก

สมาชิกหุบเขาพยัคฆ์คนอื่นๆ ไม่ได้รู้สึกทึ่งอะไรกับรถม้าคันนั้นเลย ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะว่าพวกเขาได้เห็นรถม้าลอยฟ้าของสำนักทางใต้มาแล้ว รถม้าของสำนักทางใต้ดูยิ่งใหญ่กว่ารถม้าคันนี้มาก เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกก็ทำให้พวกเขาสังเกตได้ถึงความต่างอย่างชัดเจนแล้ว

ซู่ฮ่องกงเงยหน้าขึ้นมาผู้กับผู้ที่เป็นลูกน้องของตน “พวกเรา! รวบรวมความกล้าเอาไว้ พวกเจ้าคนไหนที่ไม่มีพลังวรยุทธให้หลบหลังไปซะ ส่วนผู้ที่มีพลังวรยุทธขั้นสังหรณ์หยั่งรู้เตรียมกับดักเอาไว้ และผู้ที่มีวรยุทธขั้นมหาราชครูมารวมตัวกันเร็วเข้า! “

และเพราะคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้า เหล่าสมาชิกทั้งหลายของหุบเขาพยัคฆ์จึงแยกย้ายกันทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย

ยู่เฉิงไห่ที่เห็นแบบนั้นพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนที่จะสำรวจหุบเขาต่อไป สำหรับเขาการที่ซู่ฮ่องกงสามารถออกคำสั่งเพื่อรับมือได้แบบนี้ถือว่าน่ายกย่องอยู่พอสมควร

กร๊อบแกร๊บ! กร๊อบแกร๊บ!

เสียงวัชพืชที่ถูกเหยียบได้ดังขึ้น ในตอนนั้นเองหน้าไม้ขนาดยักษ์ก็ได้ปรากฏขึ้น

เมื่อยู่เฉิงไห่มองเห็นหน้าไม้ยักษ์ ในตอนนั้นเขาก็เดินไปหาซู่ฮ่องกงอย่างใจเย็น “ศิษย์น้องแปด ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ “

ซู่ฮ่องกงที่ได้ฟังคำชมก็ได้หัวเราะขึ้นมา “ศิษย์พี่ใหญ่ ที่นี่น่ะเป็นฐานทัพของพวกเรา ถ้าหากพวกเราไม่มีไพ่ตายเก็บเอาไว้ ป่านนี้พวกเราก็คงจะอยู่รอดจนมาถึงทุกวันนี้ไม่ได้หรอกศิษย์พี่”

ในตอนนี้หน้าไม้ยักษ์พร้อมยิงแล้ว

ซู่ฮ่องกงมองไปที่รถม้าก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเริงร่า “หน้าไม้ยักษ์พร้อมแล้ว พวกเรามาลงโทษรถม้าลอยฟ้าคันนั้นกัน! ยิงได้! “

สำนักเที่ยงธรรมไม่มีเวลาแม้แต่จะพูดอะไรออกมา ในตอนนั้นเองหน้าไม้ก็ได้ยิงลูกธนูไปสู่ท้องฟ้าแล้ว

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

หน้าไม้ยักษ์ได้ยิงลูกศรไปที่กลางอากาศ

ผู้ฝึกยุทธจำนวนหนึ่งได้รวบรวมพลังลมปราณของตัวเองก่อนที่จะใช้ม่านพลังเพื่อป้องกันรถม้าเอาไว้ ถ้าหากเหล่าผู้ฝึกยุทธไม่ได้ใช้พลังป้องกันเอาไว้ รถม้าจะต้องถูกลูกศรโจมตี รถม้าคันนี้จะต้องร่วงหล่นอย่างแน่นอน

ลูกศรที่ยิงออกไปมีขนาดใหญ่พอๆ กับแขนของมนุษย์ เสียงการยิงลูกศรของหน้าไม้ทั้งสิบได้ดังไปทั่วทั้งป่า

สีหน้าของผู้ฝึกยุทธทั้งหลายเปลี่ยนไป พวกเขาทั้งหมดได้แต่รักษาม่านพลังป้องกันเอาไว้

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายป้องกันลูกศรทั้งหมดด้วยม่านพลังเอาไว้ได้

ซู่ฮ่องกงขมวดคิ้ว “เจ้าพวกนั้นมั่นใจว่าจะป้องกันได้สินะ! “

โดยปกติแล้วการใช้หน้าไม้ยักษ์จะสามารถใช้ได้ผลกับรถม้าลอยฟ้าธรรมดาเท่านั้น ลูกศรที่ถูกยิงมาจากหน้าไม้จะไม่สามารถสังหารศัตรูโดยตรงได้ ถึงแม้ว่าลูกศรจะใช้กับรถม้าลอยฟ้าได้ผล แต่ถึงแบบนั้นถ้าหากมีผู้คุ้มกันรถม้าลอยฟ้าที่มีพลังวรยุทธแกร่งกล้าอยู่ด้วยการจะจมรถม้าลอยฟ้าก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากอยู่ดี

“โจมตีอีกครั้ง! ” ซู่ฮ่องกงตะโกนสั่งการขึ้น ‘เจ้าพวกนั้นจะต้องพลังลมปราณหมดแน่! ‘

หลังจากที่ผ่านการสั่งการลูกศรทั้งหมดก็ถูกระดมยิงเข้าใส่รถม้ามากขึ้น

ในตอนนั้นเองรถม้าลอยฟ้าที่ตกเป็นเป้าหมายในตอนนี้ก็ได้มาถึงหุบเขาพยัคฆ์แล้ว

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ลูกศรจากหน้าไม้ยังคงถูกยิงใส่รถม้าลอยฟ้า

ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็ใช้พลังลมปราณป้องกันการโจมตีอย่างเต็มที่

ในตอนนั้นภายในรถม้าลอยฟ้าได้ส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วหุบเขาพยัคฆ์

“ซู่ฮ่องกง ออกมาจากที่ซ่อนซะ ถึงแม้ว่าเจ้าจะหนีออกมาจากแท่นบูชาหยกเขียวก่อนหน้านี้ได้ แต่ในตอนนี้น่ะเจ้าหนีไปไหนไม่ได้แล้ว! “

ผู้ฝึกยุทธเป็นสิบคนได้ออกมาจากรถม้าก่อนที่จะบินไปกลางอากาศ

“ท่านหัวหน้า! หน้าไม้ของพวกเราไม่ทำงานแล้ว! พวกเราควรจะถอยก่อนไหม? “

“หุบปากซะ! ” ซู่ฮ่องกงตะโกนขึ้นมา ในตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่ของเขากำลังอยู่ที่ด้านหลัง เพราะแบบนั้นซู่ฮ่องกงจึงไม่อาจที่จะหนีไปได้ การทำแบบนั้นเป็นการขายหน้าต่อหน้าผู้เป็นศิษย์พี่ของตัวเอง “ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องของท่านช่างไร้ความสามารถจริงๆ “

ซู่ฮ่องกงที่พูดจบรีบสะบัดแขนก่อนที่จะพูดเสียงดังออกมาอย่างมั่นใจ “ค่ายกลแปดทิศ! “

“ครับ! ” เหล่าสาวกหุบเขาพยัคฆ์ต่างก็ส่งเสียงตอบรับออกมา

“สวรรค์, โลก, วายุ, เมฆา, มังกร, พยัคฆ์, วิหค, นาคา! “

“พวกเราพร้อมแล้ว! “

“เปิดใช้งานซะ! “

เมื่อเปิดการใช้ค่ายกลทั้งหมดสำเร็จ หุบเขาพยัคฆ์ครึ่งหนึ่งก็มืดดับไป อีกครึ่งหนึ่งก็ส่องแสงสว่างออกมา ถ้าหากมองเห็นจากผู้ที่อยู่ด้านนอก ในตอนนี้ค่ายกลแปดทิศที่ถูกสร้างขึ้นมีพลังของทั้งสองพลังที่แตกต่างกันอยู่

ยู่เฉิงไห่พยักหน้าก่อนที่จะพูดชื่นชมขึ้น “แท้จริงแล้วศิษย์น้องแปดก็ไม่ใช่คนที่โง่เขลาเลยสินะ สภาพแวดล้อมของหุบเขาพยัคฆ์แห่งนี้เหมาะที่จะตั้งค่ายกลแปดทิศจริงๆ “

“ศิษย์พี่ใหญ่พูดเกินไปแล้ว! ” ซู่ฮ่องกงในตอนนี้รู้สึกดีใจตัวลอย ตัวเขาไม่เคยถูกใครพูดชมเชยหรือได้รับการยกย่องมาก่อนเลย

ยู่เฉิงไห่ที่เห็นแบบนั้นก็ยังพูดพึมพำออกไป “ค่ายกลแปดทิศเดิมทีเป็นค่ายของลัทธิเต๋า มันสามารถทำให้พลังลมปราณที่อยู่รอบค่ายกลผกผันได้ ใจกลางของค่ายกลจะปล่อยคลื่นพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นรถม้าแบบไหน ถ้าหากอยู่ใกล้กับคลื่นพลังนั้นมันจะต้องร่วงลงมาอย่างแน่นอน”

“ข้าประทับใจความหยั่งรู้ของท่านจริงๆ ศิษย์พี่ใหญ่! ” ซู่ฮ่องกงพูดขึ้น

ในตอนที่ค่ายกลแปดทิศเสร็จสมบูรณ์ ในตอนนั้นคลื่นพลังลมปราณก็ได้ไหลจากจุดกึ่งกลางก่อนที่จะลอยสู่ท้องฟ้าไป พลังลมปราณที่ลอยขึ้นไปได้แปรเปลี่ยนลมรอบหุบเขาให้กลายเป็นลมที่สุดแสนจะรุนแรงและเกรี้ยวกราดได้

สุดท้ายแล้วค่ายกลแปดทิศก็ได้เปลี่ยนพลังที่มีอยู่โดยรอบให้กลายเป็นพลังลมปราณไป พลังลมปราณที่เกิดขึ้นหนาแน่นราวกับคลื่นกระแสน้ำวน คลื่นพลังนั้นเองได้ปรากฏอยู่เหนือหุบเขาพยัคฆ์แห่งนี้

เมื่อผู้อาวุโสจากสำนักเที่ยงธรรมเห็นแบบนั้น เขาก็ได้แต่เผลออุทานออกมาด้วยความตกใจ “แย่แล้ว! ” นี่มันค่ายกลแปดทิศ! หนีเร็ว! ถอยเร็วเข้า!

ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ล้อมรอบรถม้าต่างก็ใช้พลังลมปราณของตัวเองในการควบคุมรถม้าให้เคลื่อนที่ต่อไป

ยู่เฉิงไห่ที่เห็นแบบนั้นก็ได้พยักหน้าขึ้น “เจ้าพวกนั้นเองก็ไม่ใช่พวกโง่ คงจะรู้แล้วสินะว่าเวลาไหนควรที่จะถอย”

“ศิษย์พี่ใหญ่ ทำไมศิษย์พี่ถึงดูเข้าข้างพวกนั้นซะล่ะ? “

ยู่เฉิงไห่ยิ้มก่อนที่จะตอบกลับไป “ถ้าหากเจ้าไม่ถ่วงเวลารถม้าคันนั้นให้อยู่เหนือค่ายกลของเจ้าได้ เห็นทีเจ้าคงจะต้องเสียพลังลมปราณกักเก็บมาโดยตลอดกว่าสิบปีแน่”

ซู่ฮ่องกงเข้าใจดีว่ายู่เฉิงไห่พูดถึงอะไร เขารีบพุ่งขึ้นไปที่กลางอากาศด้วยความเร็วดุจดั่งสายฟ้าในทันที

“ศิษย์น้องแปด…ข้ารู้ดีว่าเจ้ามีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น อย่าทำอะไรเกินตัวไปซะล่ะ! ” ยู่เฉิงไห่ได้พูดตักเตือนซู่ฮ่องกงมาจากทางด้านหลัง

ภายใต้ภาพที่ยู่เฉิงไห่กำลังจับจ้องอยู่ ซู่ฮ่องกงก็ได้คว้าอากาศเอาไว้ราวกับว่ากำลังจะคว้าพลังลมปราณที่มีอยู่ในอากาศ พลังที่ซู่ฮ่องกงคว้ามาได้คือพลังที่เหมือนกับคลื่นกระแสน้ำวน

ซู่ฮ่องกงสามารถควบคุมพลังทั้งหมดของค่ายกลแปดทิศได้สำเร็จ

“พลังสายฟ้าหายนะทั้งเก้า! “

พลังลมปราณที่เคยมีได้ถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นสีของสีสายฟ้าไป

พลังสายฟ้าหายนะทั้งเก้าของซู่ฮ่องกงไม่เหมือนกับพลังคลื่นสายฟ้าที่ลู่โจวได้ใช้ก่อนหน้านี้ พลังของซู่ฮ่องกงจะเป็นการควบแน่นพลังลมปราณที่อยู่รอบๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนพลังนั้นให้กลายเป็นภาพลวงตาแห่งสายฟ้าขึ้น พลังที่ผ่านการควบแน่นจะรวดเร็วและรุนแรงราวกับสายฟ้านั่นเอง!

“น่าสนใจ! ศิษย์น้องแปดเจ้าใช้พลังจากค่ายกลแปดทิศร่วมกับพลังสายฟ้าหายนะทั้งเก้าของเจ้าเพื่อเพิ่มพลังโจมตีของมันอย่างสุดพลังสินะ! “

ซู่ฮ่องกงได้ควบคุมพลังสายฟ้าของเขาให้อยู่ในรูปของมังกร “รับไปซะ! “

รถม้าลอยฟ้าติดอยู่ในกระแสคลื่นพลัง เพราะแบบนั้นเองมันจึงไม่อาจที่จะหลบการโจมตีของซู่ฮ่องกงได้ทัน

“แยกตัวเร็ว! ” ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา เขารู้ดีว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากยกเลิกการป้องกันทั้งหมดและหลบพลังโจมตีอันรุนแรงนี้

ตู๊ม!

ซู่ฮ่องกงสามารถใช้พลังสายฟ้าโจมตีเข้าใส่รถม้าลอยฟ้าได้สำเร็จ

พลังที่ไหลเวียนอยู่ในอากาศเป็นพลังที่แปรปรวนราวกับเกล็ดหิมะที่กำลังกระจัดกระจาย

หลายๆ คนเคยสงสัยว่าทำไมที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าถึงมีสาวกที่มีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไงกัน? และนี่ก็คือคำตอบของคำถามนั้นนั่นเอง

สมาชิกหุบเขาพยัคฆ์ต่างก็โผล่หน้าออกมาเพื่อดูการโจมตีที่ยิ่งใหญ่นี้ พวกเขาทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง พลังการโจมตีของซู่ฮ่องกงมันช่างดูงดงามและรุนแรงมาก

ถ้าหากไม่มีการป้องกันของเหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลาย การโจมตีในครั้งนี้ก็คงจะทำให้รถม้าลอยฟ้าได้รับความเสียหายที่มากกว่านี้

แกร๊ก!

รถม้าเสียหาย!

รถม้าลอยฟ้าที่กำลังลอยอยู่ที่กลางอากาศได้สูญเสียการควบคุมไป

ในขณะนั้นเองเหล่าสาวกของหุบเขาพยัคฆ์ได้ตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน “ท่านหัวหน้าสุดยอดจริงๆ! ” พวกเขาไม่เคยเห็นซู่ฮ่องกงแสดงพลังอันแข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อนเลยนับตั้งแต่ที่เป็นสมาชิกของหุบเขาแห่งนี้ การโจมตีในครั้งนี้ทำให้ขวัญและกำลังใจของเหล่าสาวกหุบเขาพยัคฆ์เพิ่มขึ้นเป็นมหาศาล!

ซู่ฮ่องกงในตอนนี้กำลังยืนอยู่ที่ใจกลางของค่ายกลแปดทิศ”มันยังไม่จบ ข้าบอกพวกเจ้าแล้วไงว่าข้าไม่ใช่คนไม่เอาไหน”

ในขณะเดียวกันผู้ฝึกยุทธจากสำนักเที่ยงธรรมก็ได้ทิ้งรถม้าคันนั้นอย่างรวดเร็ว พวกเขารู้ดีว่ารถม้าคันนี้ไม่สามารถที่จะเคลื่อนที่ได้อีกต่อไป