บทที่ 267 15 สิงหาคม
บทที่ 267 15 สิงหาคม
5 วันผ่านไปในพริบตา วันที่ 15 สิงหาคมมาถึงแล้ว! มันไม่ใช่แค่เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงสำหรับหมู่บ้านชาวประมง แต่มันเป็นวันแห่งการทดสอบประจำปี! กล่าวคือมันเหมือนวันแห่งครอบครัวก็ไม่ปาน
15 สิงหาคมคือวันที่ชาวบ้านหมู่บ้านชาวประมงจะได้ร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันช่วงเวลาสำคัญนี้
หลังจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เกือบทุกคนต่างก็พากันไปรวมตัวกันที่จตุรัสขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวในหมู่บ้าน แม้แต่ตระกูลซื่อเองก็ล่วงหน้ามาก่อนเพื่อช่วยจัดการเรื่องงานไปแล้ว การทดสอบนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะครอบครัวของในหมู่บ้านชาวประมงท่าเรือ แต่มันสำคัญสำหรับทั้งสองหมู่บ้าน หรืออาจจะเป็นทั้งสองเมืองไม่ก็ทั้งสองมณฑลเลยก็ได้
ต้องยอมรับว่าผลของแข่นขันก็ความสำคัญ แต่สำหรับทั้งสองหมู่บ้านความสำคัญของการแข่งก็คือการรที่ทั้งสองหมู่บ้านได้ทำงานร่วมกัน
ได้ตกแต่งสถานที่ให้สำเร็จไปด้วยกัน จัตุรัสถูกสร้างโดยเหล่าคนจากกองทัพเพราะฉู่เหินครอบครองภูเขาที่แห้งแล้งไว้อยู่ ทำให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่พอสำหรับทั้งหมู่บ้านชาวประมงไหก่าง,หมู่บ้านต้าหวัง และ ตระกูลซื่อ มีพื้นที่อีกหลายสิบเอเคอร์ ทำให้พวกเขาเตรียมการสะดวกกว่าครั้งก่อน ๆ มาก
เนื่องจากทั้งสองหมู่บ้านนั้นมีการจัดแข่งชักเย่อและการแข่งขันวิ่งผลัดกันบนถนน ทำให้จัตุรัสจึงถูกตกแต่งอย่างสวยงามและสมบูรณ์แบบ ชาวบ้านของหมู่บ้านทั้งสองเอาดอกไม้บางส่วนในหมู่บ้านของตัวเองออกมาตกแต่งที่นี่ ถ้ามองไกล ๆ จะดูเหมือนราวกับว่าเป็นงานปีใหม่ที่ครึกครื้นสุด ๆ
เพื่อที่จะจัดเตรียมงานเหล่านี้ชาวบ้านเกือบทุกคนจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำความสะอาด ผู้เฒ่าบางคนเริ่มทำความสะอาดจัตุรัสตั้งแต่ตีสาม จึงทำให้ลานจตุรัสนี้สะอาดตั้งแต่ตอนพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
ตอน 8 โมงกว่า ๆ ผู้เล่นจากหมู่บ้านต่าง ๆ เริ่มทยอยมา ขั้นตอนต่อมาก็คือหลังจากที่ชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านได้เข้ามาเจอกันพวกเขาก็ทักทายกัน อย่างเป็นกันเอง พวกเขาแข่งขันแบบนี้กับในทุก ๆ ปี
แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการเพิ่มรายการอาหารเข้าไปอีก ก่อนการแข่งขันผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่ายจะได้ลิ้มลองรสอาหารที่ทำโดยชาวบ้านในท้องถิ่น หากคุณคิดว่าอาหารของใครดีที่สุด คุณก็เอาดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ไปวางไว้ข้างหน้าอาหารของพวกเขา สำหรับคนที่ได้ดอกไม้มากที่สุดทางรัฐบาลก็จะให้รางวัลอย่างงาม
อย่าเข้าใจผิดว่าของรางวัลจะเป็นเงินหรือว่าของล้ำค่า มันเป็นใบรับรองที่บอกว่าอาหารนี้คืออาหารที่อร่อยที่สุด เป็นจุดเด่นให้นักท่องเที่ยวรู้จัก แต่จริง ๆ แล้วผู้คนก็ไม่ได้สนใจมันนักขอแค่ทุกคนมีความสุขกันก็พอแล้ว
ต้องเข้าใจว่าหลังสิ้นสุดการแข่งขันจะเป็นฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งมันจะยุ่งมาก ๆ ดังนั้นการแข่งขันในแต่ละปีก็หมายถึงการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ ผู้เข้าแข่งขันไม่เพียงแต่เข้าร่วมการแข่งขันที่กำหนดเอาไว้ แต่ยังจะต้องปรากฎตัวในรายการอื่น ๆ ด้วย จะเรียกว่ามันคือรายการวาไรตี้โชว์ก็ไม่ปาน
แม้ว่าในช่วงปีใหม่จะมีงานเฉลิมฉลองแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนกับวันที่ 15 สิงหาคมนี้ มันถูกอัดวิดิโอเก็บไว้และเผยแพร่บนโลกออนไลน์ รายการโชว์นี้จึงฮิตติดลมบนมาก เมื่อปีที่แล้วทั้ง 2 มณฑลนี้ก็ได้ส่งคนเข้ามาร่วมแข่งขันเยอะกว่านี้มาก แม้แต่ผู้นำมณฑลเองก็ยังมาร่วมด้วย
ไม่ใช่อะไรอื่นหรอก แค่รายการนี้มันดีต่อคนอื่นจริงๆ โดยเฉพาะวัฒนธรรมของพวกเขาที่สืบทอดกันมานับร้อยปี! ถ้ามันสามารถพัฒนาให้ยิ่งกว่านี้ได้ก็คงจะดี และนั่นก็คือสิ่งที่รัฐบาลท้องถิ่นอยากจะให้เป็น
ในปีนี้ ลือกันว่ากันว่ามีบุคลากรทางทหารมาด้วยไม่เว้นแม้แต่ทีมมืออาชีพ ไม่รู้ว่ามันจะมีชีวิตชีวามากกว่าปีที่แล้วหรือเปล่า!
ด้วยความคาดหวังนี้ชาวบ้านจึงวิ่งไปที่ลานชุมนุมเพื่อทานอาหารเช้าและรอให้ผู้ร่วมแข่งขันทุกคนออกมาด้วยความตื่นเต้น ทว่า บางทีสิ่งที่พวกคุณรออาจไม่ได้เป็นดั่งที่คิด
“นี่มันสนามแข่งไก่ชนหรอกเหรอ เล็กกว่าที่คาดไว้เสียอีก ถ้าฉันรู้ว่ามันเป็นแค่การแข่งขันเล็ก ๆ แบบนี้ ฉันคงไม่มาหรอก” ในขณะที่ชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก็มีเสียงพูดเหยียดดังขึ้น
“ฉันว่านะ หมิงเกอ พวกเรากลับกันเถอะ ปีหน้านายเข้าทีมชาติได้อยู่แล้ว แถมน่าจะได้แชมป์หลายรายการด้วย แล้วทำไมนายถึงต้องยุ่งวุ่นวายกับกลุ่มคนเล็ก ๆ เหล่านี้ด้วยล่ะ” ชายผู้มีดวงตาเล็ก ๆ มองอย่างไม่สบอารมณ์
“หมิงเกอ ช่างมันเถอะ มีงานใหญ่รอเราอยู่ก็จริง แต่ไม่แน่ว่าในหมู่บ้านอาจจะมีคนเก่ง ๆ บ้างก็ได้ ถ้าเฮียไปหมิ่นพวกเขาแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้มีปัญหากับพวกเขาหรอก” เด็กสาวคนนึงกำลังพยายามพูดกล่อมชายที่ชื่อ หมิงเกอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ชาวบ้านของทั้งสองหมู่บ้านก็โกรธมาก อารมณ์ที่ดี ๆ ดันถูกรบกวนโดยเจ้าขยะคนนี้! การแข่งขันของหมู่บ้านนี้มันเดิมที มันก็เป็นเรื่องของสองหมู่บ้านอยู่แล้ว ถ้านายไม่อยากเข้าร่วม พวกเราก็ไม่ห้าม ! แต่มาแล้วก่อกวนแบบนี้เห็นว่าพวกเราเป็นของเล่นหรือไง
หลังจากทานอาหารเช้า ฉู่เหินก็พาทุกคนและหวงเจี้ยนหมิงไปที่จัตุรัส เขาไม่อาจเข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้ได้ เพราะเขาเป็นจอมยุทธ์ ถ้าหากเขาเข้าร่วมการแข่งขันล่ะก็ ผู้คนคงหาว่าเขารังแกอีกฝ่าย แต่อย่างน้อยเขาได้สัมผัสบรรยากาศก็ยังดี
เมื่อฉู่เหินเข้ามาใกล้จตุรัสก็ได้ยินการโต้เถียงกันดังโวกเวกดังออกมา
ระหว่างที่ชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านกำลังโกรธเคืองก็ได้มีรถเฟอร์รารี่สุดหรูจำนวนมากขับเข้ามามากมาย พวกเขาเหล่านี้ใส่ชุดแบรนด์เนมแสนแพง แม้แต่คนที่ดูจนที่สุดในกลุ่มก็น่าจะรวยมากอยู่ดี
ทันทีที่พวกเขานี้ลงจากรถ ชายหน้ารูปร่างผอมบางก็มองพวกชาวบ้านด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนที่จะตวาดลั่น
“เวรเอ้ย ให้พวกเรามาที่นี่กันทำไม หมู่บ้านจน ๆ แบบนี้มันจะมีอะไรที่จะให้พวกเราได้ล่ะเนี่ย? ที่นี่แม่งมีแต่กลิ่นคาวปลาเต็มไปหมด ดูเสื้อผ้าพวกนั้นสิ อย่างกับเอามาจากกองขยะ เอาพวกเรากับพวกนี้มาอยู่ด้วยกันมันน่าขายหน้าเกินไปหน่อยไหม!”
หลังจากได้ยินคำพูดของชายคนนี้ นายน้อยที่มากับเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยพวกชาวบ้านเห็นแบบนี้ก็โห่ร้องไล่พวกเขาให้ออกไป แต่พวกเขาก็ไม่สนใจย้ายไปนั่งอีกฝั่งอย่างสบายใจ
ชาวบ้านของทั้งสองหมู่บ้านที่ได้รับความรำคาญจากคนสองกลุ่มนี้มานาน เริ่มทนไม่ไหว พวกชาวบ้านตะโกนออกมา
“พวกแกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงได้ดูถูกดูแคลนพวกเราแบบนี้ พวกแกออกไปเลยนะ ไม่มีใครขอให้พวกนายมา พวกนายจะมาทำแบบนี้ไม่ได้!” พี่รองเริ่มรำคาญ เขาเดินออกไปตะโกนใส่ต่างถิ่นเหล่านั้น
“โอ้ ฉันเป็นใครงั้นเหรอ? ไม่สำคัญหรอก แต่แกเป็นเจ้าของกิจการที่มักออกรายงานทีวีบ่อยๆ สินะ? ชื่อของฉันเองเรียกยากหน่อยนะ แต่ถ้าจะให้เรียกก็โปรดเรียกฉันว่า หวังหยงลี่ ทำไมนายถึงเปิดโรงงานผลิตอาหารห่วย ๆ ใกล้จะเจ๊งแบบนั้นล่ะ ว่าแต่นายรู้จักนามสกุลของฉันไหม ถ้ารู้กลัวว่านายจะรีบไสหัวเข้าบ้านตัวเองไปเลยน่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่า !”
หลังจากตวาดกลับไปแล้ว พี่รองก็ตะโกนด่าแล้วถุยน้ำลายลงพื้น
“บัดซบเอ้ย! แก ก้มลงแล้วไปเลียพื้นเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นแกรอให้โรงงานของแกปิดตัวได้เลย!” หลังพูดแบบนี้ หวังหยงลี่ก็พูดจาเหยียดหยามพี่รอง แถมยังไม่หยุดง่าย ๆ พวกเขาทะเลาะกันไม่หยุด
“โถ่ ๆ อยากให้หน้าตาดีเหมือนปากจริง ๆ วะ อวดนามสกุลด้วย งั้นไปเรียกแม่เอ็งมาปิดปากเสีย ๆ ดีไหม หน่อย ๆ ไอ้เด็กน้อยถ้าแกเก่งจริงก็โทรศัพท์เรียกพ่อแม่แกมาเลย ถ้าพวกแกทำให้โรงงานของฉันปิดตัวไม่ได้ละก็ เอ็งก็แค่เด็กเมื่อวานซืนวะ”
ฉู่เหินและคนอื่นๆ เข้ามาถึงบริเวณที่จัดงาน พวกเขาก็ได้ยินเรื่องทุกอย่างมันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะได้ยินเสียงจากระยะไกลเพราะพวกเขาต่างก็ฝึกวิชาต่อสู้มา และเพราะได้ยินเรื่องนี้ทำให้ฉู่เหินและคนอื่น ๆ โกรธมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ฉู่เหินได้ยินคำพูดของหวังหยงลี่ เขาก็โกรธสุดๆ เขาอยากจะเห็นนักว่าไอ้บ้านี้มันจะเก่งสักแค่ไหน แถมยังกล้าพูดให้เขาปิดโรงงานผลิตอาหารอีก คนแบบนี้คือคนที่ฉู่เหินอยากอัดมากที่สุดแล้ว !