ตอนที่ 60

Hell mode

บทที่ 60 ไวท์เดียร์ 2

ทำการแบกไวท์เดียร์โดยเอาแรงเข้าว่า เนื่องจากการ์ดสัตว์ E มีเยอะ ทำให้พลังโจมตีมากกว่า 300 น้ำหนักของไวท์เดียร์ทั้งหมดโถมลงมาที่หลังของอเลน

(ปะ ปวดเอวแล้วนะเนี่ย)

ความหนักที่ค่อนข้างมาก

ถึงจะรีดเลือดไวท์เดียร์ที่อยู่กลางหลังไปแล้ว แต่ยังมีน้ำหนักถึง 800 กิโลกรัม ร่างเล็กๆของอเลนไม่สามารถแบกมันขึ้นมาได้ทั้งหมด ทำให้ส่วนหลังแตะโดนพื้น หัวกับคอเองก็ยาว ไหนจะมีเขาที่ขนานไปกับพื้นเนื่องจากคอห้อยทำให้มันครูดไปกับพื้น

แต่ไม่สนใจเรื่องนั้น และเริ่มเดินต่อไปยังฟื้นหิมะด้วยแรงเท่าที่มี

(แย่แล้ว ถ้าไม่รีบกลับก่อนพระอาทิตย์ตกดินแล้วละก็)

รู้สึกกังวลเรื่องพระอาทิตย์ตกดินในขณะที่เดินอยู่

ตามปกติจะวิ่ง แต่ถ้าเดินมันค่อนข้างใช้เวลาเอาเรื่อง

เข้าใกล้เมืองไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่พระอาทิตย์ตรงทิศตะวันตกสาดแสงไปในโลกสีขาว พอเห็นประตูเมือง ก็รู้สึกถึงความวุ่นวายอะไรบางอย่าง

“ไวท์เดียร์มาแล้ว!!”

ถ้ามองจากภายนอก อาจจะเห็นเป็นไวท์เดียร์ที่คอห้อยกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ร่างของอเลนโดนไวท์เดียร์บังมิด ทำให้รอบๆมองแทบไม่เห็นอเลนเลย

เหล่าคนเฝ้าประตูคนอื่นก็ส่งเสียงอะไรบางอย่าง ถึงจะมองไม่ค่อยเห็นแต่น่าจะรวมตัวกัน 5 คนขึ้นไป ทัศนวิสัยค่อนข้างแย่

“สวัสดีครับคุณคนเฝ้าประตูครับ!”

ถ้ายิงธนูมาคงไม่ไหวแน่ เลยส่งเสียงดังๆออกไปให้ได้ยิน

“จะ เจ้าหนูเหรอ?”

“ครับ ขอผ่านประตูหน่อยได้ไหมครับ?”

“กะ เกิดอะไรขึ้น?”

แค่เสียงอย่างเดียวคงยังไม่รู้ เลยยังระวังตัวกันอยู่

“ไปจับไวท์เดียร์ตามคำสั่งของตระกูลแกรนเวลครับ”

ในขณะที่มุ่งหน้าไปเรื่อยๆ ก็ขอว่าถ้าไม่มีปัญหาอยากจะผ่านประตูเข้าไป แต่ยังมีคนที่เดินเข้ามาใกล้ เลยทำการหยิบตราออกมาทั้งที่ยังแบกไวท์เดียร์อยู่ ดูเหมือนไม่จำเป็นต้องถามอะไรไปมากกว่านี้แล้ว เลยผ่านประตูไปได้

ทำการลอดผ่านประตูและเดินมุ่งหน้าไปตามทางเดินหิน อีกไม่นานพระอาทิตย์จะตกดินแล้ว การกำจัด 1 ตัวนี่ต้องใช้เวลา 1 วันเลยหรือเนี่ย

เดินทางไปยังประตูหน้าอันใหญ่โตของคฤหาสน์ เพราะไม่น่าจะผ่านประตูหลังได้

“สวัสดีครับ”

“อะ อเลนคุงเหรอ”

คนเฝ้าประตูคฤหาสน์เป็นคนรู้จัก ดูเหมือนจะรู้จากเสียงได้อยู่ เลยบอกไปว่าไม่น่าจะผ่านประตูหลังได้เลยขอผ่านประตูนี้ได้ไหม เขาตอบว่า ขะ เข้าใจแล้ว ก่อนจะเปิดประตูให้อย่างสั่นกลัว

ค่อยๆมุ่งหน้าไปตรงสวน

(เอาละ ก่อนอื่นต้องไปรายงานเรื่องที่จับมาได้)

“กะ กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!”

คนที่รู้ตัวคนแรกเป็นหญิงรับใช้ฝึกหัด ได้ยินเสียงตะโกนมาจากชั้น 2 หญิงรับใช้ฝึกหัดที่ทรุดลงไปชี้ออกมาข้างนอก ทำให้เหล่าคนรับใช้มองออกมานอกหน้าต่างว่าเกิดอไรขึ้น จนมันค่อยๆวุ่นวายขึ้น

“มอนสเตอร์บุกเข้ามาแล้ว!!”

“คนรับใช้ฝึกหัดไปเอาอาวุธมา!! ไปเรียกอัศวินมาด้วย!!!”

(อ๊ะ แย่แล้ว วุ่นวายยกใหญ่เลย)

คิดว่าถ้าอธิบายคนรับใช้ที่ออกไปข้างนอกน่าจะทำอะไรได้อยู่หรอก แต่เนื่องจากเริ่มเตรียมอาวุธ เป็นการรับมือที่วุ่นวาย เนื่องจากแบกไวท์เดียร์ไว้กลางหลัง ทำให้เวลามองจากข้างบนไม่เห็นอเลน พอทำการวางลงข้างๆ จนในที่สุดก็เห็นตัวอเลนสักที

(เฮ้อ หนักมากเลยนะเนี่ย เลเวลแค่นี้แบกคนเดียวมันลำบากอยู่)

ครืนนนน

ไวท์เดียร์ถูกวางลงตรงสวนพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่น เนื่องจากมันหนักมาก ทำให้ดินตรงพื้นสวนเกิดเป็นวงคลื่น

เหล่าคนที่แอบมองจากชั้นสอง และคนที่ออกมาจากคฤหาสน์เอง ถึงกับตัวแข็งทื่อ

พูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คิดว่ามอนสเตอร์สสีขาวโพลนค่อยๆ ผ่านประตูเข้ามาแต่กลับกลายเป็นอเลน

คนที่ไม่เคยเห็นมอนสเตอร์จนเข่าอ่อนก็มี คนที่อึ้งก็มี

“อะ อเลนเหรอ?”

พ่อบ้านออกมาที่สวนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์

“ครับ อเลนเองกลับมาแล้วครับ ไปทำการจับไวท์เดียร์มาให้ตามคำสั่งของคุณหนูโทมัสแล้วครับ”

เนื่องจากมันเริ่มวุ่นวาย เลยพูดเหตุผลออกมาอย่างไว ว่าแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น แถมยังเน้นชื่อของโทมัสด้วย

พ่อบ้านเหมือนจะนึกอะไรออก บทสนทนาตอนอาหารเย็นเมื่อหลายวันก่อน ไม่มีใครคิดว่าจะไปทำจริงๆ เลยไม่ได้ใส่ใจ แต่อเลนไม่ได้บอกว่าจะทำเท่าที่ทำได้ แค่บอกออกมาเรียบๆอย่างหนักแน่นว่าจะไปจับมาให้

พ่อบ้านที่อายุเกือบ 60 ปีจนผมหงอกเต็มหัว และไม่น่ามีเรื่องให้แปลกใจอีกแล้ว แต่พอได้เห็นสิ่งที่อเลนทำ รู้สึกได้เลยว่าสามัญสำนึกที่เคยมีอยู่พังทลายลงไป

พ่อบ้านพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ให้ร่างกายกับสามัญสำนึกที่มีต้องล้มครืนลง

“กะ เกิดอะไรขึ้น! เอะอะอะไรกัน!!”

บารอนแกรนเวลเอกก็ออกมา เขาพูดออกมาแค่ว่า นะ นี่มัน……ก่อนจะแข็งทื่ออยู่ตรงประตูเหมือนกับคนอื่น อยู่ในสภาพเดียวกับพ่อบ้าน

“อะไรกันๆ เอะอะอะไรกัน!”

คราวนี้เป็นหัวหน้าพ่อครัวที่ออกมาจากห้องครัวตรงชั้น 1 แล้วพูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เพราะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว

“นะ นี่มันไวท์เดียร์นี่!”

หัวหน้าพ่อครัวเข้ามาใกล้ๆ เสียงเต็มไปด้วยความยินดี บางทีอาจจะไม่เคยเห็นไวท์เดียร์ทั้งตัวอย่างนี้มาก่อนก็ได้

“ทำการรีดเลือดไปบ้างแล้ว แต่นอกเหนือจากนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ”

อธิบายให้หัวหน้าพ่อครัวฟัง

“งั้นเหรอ จัดการขั้นต่ำให้แล้วสินะ รีบเอาเครื่องในออกมาน่าจะดีกว่า นี่บานส์ทำอะไรอยู่มาทางนี้!! คนอื่นๆเตรียมอาหารเย็นต่อไป!!!”

มีแค่หัวหน้าพ่อครัวเท่านั้นที่ไม่กลัวมอนสเตอร์นี้และเห็นมันเป็นวัตถุดิบ สภาพอย่างนี้น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วสินะ

ทำการเรียกพ่อครัวบานส์ ให้เอาอุปกรณ์เวทมนตร์จุดไฟขนาดใหญ่มา ดูเหมือนจะทำการชำแหละที่นี่ หัวหน้าพ่อครัวและพ่อครัวบานส์ฝากให้พ่อครัวและสาวรับใช้ฝึกหัดคนอื่นทำงานก่อนที่จะเริ่มทำการชำแหละไวท์เดียร์

“ถ้าอย่างนั้น ผมช่วยด้วยครับ เพราะว่ามันค่อนข้างหนัก”

“โอ๊ะ? จะดีเหรอ?”

บอกไปว่าแน่นอนครับ ไม่ใช่เพราะว่าการชำแหละนี้มันลำบากหรืออะไร แต่เป็นวันหยุด เลยไม่มีความจำเป็นต้องไปเสิร์ฟอาหารเย็น

เพื่อที่จะเก็บหินเวท สัญญากับพ่อบ้านไว้ว่าจะให้แค่เนื้อด้วย ไม่มีความคิดที่จะให้หินเวทอยู่แล้ว เลยทำการเก็บมันเงียบๆระหว่างที่ทำการชำแหละ กระต่ายมีเขาทำการหยิบหินเวทออกมาก่อนจะให้อยู่แล้ว แต่หินเวทของไวท์เดียร์ ยังอยู่ในร่างกาย ยังไงก็ต้องทำการเก็บมันออกมา

จากการชี้นำของหัวหน้าพ่อครัวให้ไปยกทางนี้ต่อด้วยทางโน้น เลยตอบไปว่าเข้าใจแล้วครับ พร้อมกับยกขาขึ้นบ้าง หนุนคอบ้างมันค่อนข้างยุ่ง เนื่องจากร่างขนาดใหญ่ทำให้เอาเข้าไปในห้องครัวไม่ได้ เลยต้องทำการชำแหละที่สวนตรงนั้น

คนสวนยืนทื่อด้วยความสิ้นหวังที่สวนอันสวยงามเปอะเลือดไปทั่ว

ท่ามกลางความวุ่นวาย บารอนไปคุยกับพ่อบ้าน

“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? เซบาสเอ๋ย ตั้งใจทำการตรวจสอบอเลนหรือเปล่า?”

“เอ๋!? ไหนท่านบอกว่าไม่มีพรสวรรค์กับความสามารถต่ำจนไม่มีความจำเป็นต้องตรวจสอบไปมากกว่านี้แล้วนี่ครับ หลังจากโน้นเลยไม่ได้ทำการตรวจสอบต่อเลยครับ”

พ่อบ้านพูดราวกับอย่ามาโบ้ยเป็นความผิดของตนเอง

“จะ เจ้าบ้า! อย่างนี้มันไม่มีพรสวรรค์ตรงไหนกัน เด็กอายุ 8 ขวบที่ล่ามอนสเตอร์ระดับ C ได้เลยนะ ไปตรวจสอบอีกทีซะ!!”

“ขะ เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้น ครั้งหน้าหากคนส่งสารของหมู่บ้านมาถึง……”

พ่อบ้านพูดจนจบไม่ได้ บารอนจ้องมองด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว

“ขอประทานโทษครับ พรุ่งนี้จะให้คนส่งสารไปทำการตรวจสอบที่หมู่บ้านคุเรนะครับ”

สำหรับพ่อบ้าน การใช้คนส่งสารไปในขณะที่หิมะทับถมขนาดนี้มันมีค่าใช้จ่ายมากกว่าปกติ แถมใช้เวลาไปกลับตั้ง 10 วัน คนส่งสารของหมู่บ้านเพิ่งจะมาถึงเมื่อไม่นานมากนี้ หลังจากนี้อีกสักพักมีกำหนดการณที่จะมาส่งเนื้อหมูป่าอยู่ด้วย

เซซิลมองความวุ่นวายนี้อย่างเอือมๆ คนที่ทำการร้องขอเองก็ออกมาจากประตู ไม่ใช่เวลาอาหารเย็นแล้ว

“กวางงงงงงงงง!!!”

โทมัสที่ออกมาตรงสวนมองไวท์เดียร์ คงดีใจที่มีเนื้อมา สาวรับใช้ฝึกหัดที่มีหน้าที่ดูแลพยายามหยุดโทมัสที่ตั้งใจจะวิ่งเข้ามาจับไวท์เดียร์

อเลนเห็นโทมัสที่วิ่งเข้ามา

“คุณหนูโทมัส จับไวท์เดียร์มาให้แล้วครับ”

โค้งศีรษะแล้วบอกให้โทมัสทราบ

“อืม ขอบใจนะ!”

อเลนจับไวท์เดียร์ได้สำเร็จ แล้วจากคำสั่งของบารอนแกรนเวล ทำให้มีการตรวจสอบการใช้ชีวิตของอเลนที่หมู่บ้านคุเรนะอีกครั้ง