บทที่ 176 ใส่ร้ายป้ายสี

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 176 ใส่ร้ายป้ายสี

“คนนี้แหละ!”

หลี่ฟางฟางคว้าโอกาสไว้ กล่าวหามู่เซิ่งอย่างรุนแรง

“เป็นแบบนี้ได้ยังไง พ่อหนุ่ม ถ้าคุณไม่ซื้อเสื้อผ้า ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่เลย แม้ว่าพวกเราเป็นพนักงานขาย การแนะนำเสื้อผ้ามันก็เป็นความรับผิดชอบของพวกเรา แต่เห็นได้ชัดว่าคุณไม่ได้ซื้อเสื้อผ้า ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาขนาดนี้” ผู้หญิงอ้วนคนหนึ่งกล่าว

“จริงด้วย” พนักงานขายอีกคนพูดแทรกขึ้นมา “ของแบบนี้สำหรับพวกคุณแล้วมันก็ถือว่าแพงมากเกินไป ซื้อของราคาถูกหน่อยมันไม่ดีตรงไหน เพื่อเสื้อผ้าชุดเดียวประหยัดเงินกี่เดือน อย่างคุณนี่เรียกว่าถึงตายก็จะรักษาหน้าไว้”

พนักงานขายสาวสามคนพูดจาน่าฟังและมีเหตุผล แต่ความหมายในคำนั้นแสดงให้เห็นชัดเจน ว่ารู้สึกว่ามู่เซิ่งไม่มีปัญญาซื้อ

มีคำกล่าวว่าผู้หญิงสามคนมาอยู่ร่วมกันช่างวุ่นวายเสียจริง ยิ่งไปกว่านั้นต่างคนก็ต่างหาเรื่อง พวกเธอร้องลั่นจ้อๆแจ้ๆอยู่รอบๆมู่เซิ่งและเจียงหว่าน มันทำให้เจียงหว่านขมวดคิ้ว หากพูดถึงเรื่องทะเลาะ เธอไม่สามารถทะเลาะสู้กับสามคนนี้ได้หรอก

และในขณะนี้ จ้าวเหมยเหมยและพรรคพวกที่ยืนอยู่ไกลๆ อดไม่ได้ที่จะดูมีความสุข

เธอคอยตามมู่เซิ่งมาตลอด เมื่อเห็นมู่เซิ่งไปห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้าสากลป๋ายต้า อดไม่ได้ที่จะมีความสุข เสื้อผ้าที่นี่แพงจนน่าตกใจ แม้แต่เธอเองก็ยังซื้อไม่ไหว ลูกเขยของเธอร่ำรวย มอบให้เธอสองตัว ไม่คิดว่ามู่เซิ่งจะไม่เจียมตัว ยังกล้ามาซื้อเสื้อผ้าที่นี่อีก

เดิมอยากจะเห็นความอับอายขายหน้าของมู่เซิ่งที่ไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้า สุดท้ายก็ไม่ต้องรอแล้ว พนักงานขายสามคนนี้เริ่มพูดจาเยาะเย้ยมู่เซิ่งแล้ว

จ้าวเหมยเหมยทนไม่ไหว พาเฉินเสวียลี่เดินเข้ามา

เฉินเสวียลี่มาที่บ้านของจ้าวเหมยเหมย ก็แต่งตัวอย่างประณีต สวมชุดสูทดูดีสง่างาม รองเท้าหนังสีดำ นาฬิกาหลางฉิน ดูแค่ราคา ก็หลายแสนแล้ว ยิ่งกว่านั้นออร่าของนักธุรกิจที่ยอดเยี่ยมในตัวเขา ก็ซ่อนไม่มิดเลย

ให้เฉินเสวียลี่เดินนำหน้า ก้าวเข้ามาในร้าน ผู้หญิงสามคนเมื่อสักครู่ที่พูดไม่หยุด จู่ๆก็เงียบลงพร้อมเพรียงกัน

พวกเธอหันไป 180 องศาทันที และต้อนรับเฉินเสวียลี่

ยังไงซะ ในสายตาของพวกเธอ โอกาสที่นักธุรกิจระดับหัวกะทิจะซื้อเสื้อผ้าสักชิ้น ก็มีมากกว่ามู่เซิ่งผู้ชายจนๆอย่างมู่เซิ่งเสียอีก

“ยินดีต้อนรับค่ะ คุณผู้ชาย ฉันหลี่ฟางฟางเป็นพนักงานขายของท่าน คุณเรียกฉันว่าฟางฟางก็ได้ ปีนี้ กุชชี่ของเราได้เปิดตัวสินค้าใหม่มากมาย เหมาะมากโดยเฉพาะผู้ชายที่ประสบความสำเร็จอย่างคุณ จะลองดูไหมคะ?” หลี่ฟางฟางมีใบหน้าที่ประจบสอพลอ

“ได้สิ” เฉินเสวียลี่พยักหน้าตอบรับ

จ้าวเหมยเหมยและพรรคพวก ตามหลังไป เป็นแถวยาวเหยียด

เมื่อเห็นคนเหล่านี้ หลี่ฟางฟางตะลึงอย่างอดไม่ได้ และถามโดยไม่รู้ตัวว่า: “คุณผู้ชายคะ คนเหล่านี้คือ……”

“อ๋อ พวกเธอน่ะเหรอ เป็นคุณป้าแล้วก็แฟน เสื้อผ้าของพวกเขาในวันนี้ คิดบัญชีที่ผมหมดเลย” เฉินเสวียลี่โบกมือ และพูดองอาจผึ่งผาย

“เสวี่ยลี่ คุณดีกับฉันมาก” ถงเสว่เหมยอยากซื้อชุด กุชชี่ มานานแล้ว จุ๊บที่แก้มเขาอย่างมีความสุข

จ้าวเหมยเหมยเห็นฉากนี้ ก็รู้สึกได้หน้าด้วย ลูกเขยของตนได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในร้าน มู่เซิ่งที่อยู่ในร้านก็ถูกไล่ออกไป เปรียบเทียบกับทั้งสอง มีความแตกต่าง กันอย่างชัดเจน

แต่ว่า จ้าวเหมยเหมยเสแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นมู่เซิ่ง เลือกผ้าสองตัวทางด้านซ้าย เลือกผ้าสองตัวทางด้านขวา จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาช้าๆ แล้วหันกลับมามอง

“โอ้ะ มู่เซิ่ง? ทำไมแกมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

มู่เซิ่งชำเลืองมองเธอ และขี้เกียจจะไปสนใจกับการแสดงที่แย่ๆแบบนี้ของจ้าวเหมยเหมย

ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในบ้าน จ้าวหลินโกรธเธอมาก ปฏิเสธเสียงแข็งไม่ยอมรับว่ามู่เซิ่งคือไอ้เศษสวะคนหนึ่ง เหตุการณ์ในวันนี้ เธอต้องการให้ทุกคนรู้ ว่ามู่เซิ่งคือไอ้เศษสวะ!

แต่ว่า จะพิสูจน์ยังไงล่ะว่ามู่เซิ่งเป็นไอ้เศษสวะ?

สายตาของจ้าวเหมยเหมยมองซ้ายมองขวา ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นเครื่องหมายการค้า กุชชี่ ระดับไฮเอนด์อยู่ที่ประตู และก็เห็นเสื้อผ้าตามแผงลอยที่มู่เซิ่งสวม จู่ๆก็มีแผนทันที เธอหยิบชุดสูทผู้ชายขึ้นมาตัวหนึ่ง ดึงกระดุมออกอย่างเงียบๆ แล้วพูดดังๆว่า: “โธ่ๆๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?”

“คุณผู้หญิงคะ เกิดอะไรขึ้นคะ?”

หลี่ฟางฟางกำลังหยิบเสื้อผ้าให้เฉินเสวียลี่ลอง แต่ได้ยินเสียงของจ้าวเหมยเหมย ทันใดนั้นก็รีบเข้ามา

“ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ” จ้าวเหมยเหมยขึ้นเสียงอีกครั้ง ดึงดูดพนักงานขายอีกสองคน รวมถึงเฉินเสวียลี่ ถงเสว่เหมย และจ้าวหลินให้เขามา

เธอถือเสื้อสูทชายในมือ ชี้แล้วพูดว่า: “ทำไมร้านเสื้อผ้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่างพวกคุณ ถึงมีเสื้อผ้าที่ได้รับความเสียหายแบบนี้ได้ นี่มันส่งผลกระทบต่ออรรถรสในการช้อปปิ้งของฉันแล้ว จนฉันไม่อยากซื้อเสื้อผ้าจากร้านพวกคุณเลย”

“คุณผู้หญิงคะ อย่าเพิ่งโมโหนะคะ”

เมื่อได้ยินว่าจ้าวเหมยเหมยจะไม่ซื้อเสื้อผ้า หลี่ฟางฟางร้อนรนทันที

แม้ว่าจ้าวเหมยเหมยดูไม่เหมือนคนรวย แต่เธอก็เป็นคุณป้าของเฉินเสวียลี่ ถ้าเธอไป เฉินเสวียลี่จะต้องตามเธอไปด้วย อย่างน้อยเธอก็สูญเสียลูกค้ารายใหญ่แน่นอน

“เสื้อผ้าชุดนี้ ไม่ได้เกิดจากการผลิตของเรา ดูตำแหน่งของกระดุมที่หลุด จะต้องมีใครทำให้มันเสียหายอย่างแน่นอน”

หลังจากที่เห็นชุดนี้ หลี่ฟางฟางลนลานอย่างมาก ถ้าหากชุดนี้พัง เธอจะต้องชดใช้ตามราคา เงินเดือนเธอไม่พอสำหรับจ่ายค่าชุดนี้เลยด้วยซ้ำ

“เป็นฝีมือของคนเหรอ?”

พนักงานขายอีกสองคนก็เดินตามมาด้วย

หลังจากที่เห็นชุดนี้ ต่างก็โทษกันว่า มันจะต้องมีคนไม่ดูตาม้าตาเรือ จงใจทำมันพัง

“ใจเย็นๆ” จ้าวเหมยเหมยตบไหล่หลี่ฟางฟาง แล้วพูดปลอบว่า: “คุณคิดดูนะ วันนี้มีใครมาแตะต้องเสื้อผ้าชุดนี้ไหม? ฉันว่ารอยขาดนี้มันใหม่มาก มีความเป็นไปได้มากๆที่มันเพิ่งจะพัง”

จ้าวเหมยเหมยปลอบโยนไปพลาง เหมือนจะมองแต่ไม่มองไปทางมู่เซิ่ง เจตนา ในคำพูด เปิดเผยอย่างเต็มที่

หลี่ฟางฟางได้ยิน ก็เข้าใจทันที

วันนี้ชุดนี้ก็มีแค่มู่เซิ่งที่สัมผัส และดูท่าทางของเขา หลังจากที่ถูกเธอพูดจาแทงใจดำ จงใจแก้แค้นเธอแน่นอน!

เธอก้าวเท้ายาวตรงไปหามู่เซิ่ง แล้วพูดว่า: “คุณผู้ชายคะ ก่อนหน้านี้ชุดนี้ก็มีแค่คุณที่สวมมาก่อน ฉันไม่สนว่าคุณจะซื้อหรือไม่ซื้อ ตอนนี้ ชุดนี้มันพังแล้ว คุณจะต้องชดใช้ตามราคา!”

“คุณเห็นผมทำด้วยตาข้างไหนเหรอ?” มู่เซิ่งกลอกตา แล้วพูดอย่างเย็นชา

“เห็นชัดๆว่าเป็นคุณ เมื่อสักครู่ฉันเห็นหลังจากที่คุณวางชุดนี้ จึงหยิบขึ้นมา ผลสุดท้ายก็พบว่ากระดุมหลุดไปแล้ว นอกจากคุณ ยังมีใครทำแบบนี้ได้อีกล่ะ?” จ้าวเหมยเหมยชี้ไปที่มู่เซิ่งแล้วพูด

เบิกตากว้างแล้วพูดจาไร้สาระได้ถึงขั้นนี้ มู่เซิ่งก็รู้สึกพูดไม่ออก เขาขี้เกียจจะสนใจกับผู้หญิงแบบนี้แล้ว

แต่ทว่า ตอนนี้มู่เซิ่งไม่พูดจา จ้าวเหมยเหมยยังคิดว่าเขาขี้ขลาด และพูดต่อ: “มู่เซิ่ง ยังไงแกก็เป็นลูกเขยของน้องสาวฉัน ฉันรู้ว่าแกเป็นพวกแมงดาเกาะผู้หญิงกิน แต่ว่า แกจะทำตัวฟุ้งเฟ้อแบบนี้ไม่ได้ ไม่มีเงินมาซื้อเสื้อผ้าก็ช่าง ทำเสื้อผ้าเขาพัง ยังจะไม่ชดใช้อีกเหรอ?”

“ผมบอกไปแล้ว ว่าผมไม่ได้ทำให้มันพัง อีกอย่าง เสื้อผ้าที่นี่ผมก็ซื้อไหว!”

มู่เซิ่งมองไปด้วยสายตาเย็นชา คิดไม่ถึงว่าเขาไม่อยากสนใจกับผู้หญิงคนนี้ กลับเป็นเธอที่คอยกัดคนไม่ปล่อยเหมือนหมาบ้า

“นี่แกล้อเล่นหรือเปล่า มีเงินซื้อเสื้อผ้าที่นี่เหรอ?”

จ้าวเหมยเหมยยิ้มเยาะเย้ย หันหลังมา พูดกับหลี่ฟางฟางอย่างโกรธมากๆ: “พนักงานขาย มีนักเลงอยู่ในร้านของพวกคุณ พวกคุณไม่ไล่ มันส่งผลกระทบกับอรรถรสของการช้อปปิ้งของฉันมากๆ ลูกเขยของฉันรู้จักผู้รับผิดชอบของ กุชชี่ จะต้องรายงานเรื่องนี้กับเขาตามความเป็นจริงแน่นอน!”

“ผมรู้จักประธานถัง ประธานถังกับผู้รับผิดชอบกุชชี่สนิทกันไม่เบา” เฉินเสวียลี่พยักหน้า และยืนยันคำพูดนี้

หลี่ฟางฟางตกใจแทบแย่ ถ้าหากเรื่องนี้ไปถึงหูเจ้านาย เธอจะต้องถูกไล่ออกแน่

รายได้ของพนักงานขายของร้าน กุชชี่ ส่วนนี้ สูงกว่าภายนอกอย่างมาก แถมยังรู้จักกับเจ้าของธุรกิจมากมาย เธอจะทำใจปล่อยมันไปได้ยังไง

เธอหันหน้าทันที และพูดกับมู่เซิ่งว่า: “คุณผู้ชาย กรุณาออกไปเถอะค่ะ”

“รีบไล่มันออกไปซะ ถ้ายังไม่ไล่ ฉันก็จะให้ญาติๆและเพื่อนๆของฉันในงานเลี้ยงดู ว่าสินค้าของพวกคุณมันคืออะไรกันแน่ พ่อแม่คุณไม่สั่งไม่สอนการเป็นคนหรือยังไง?”

จ้าวเหมยเหมยยืนอยู่ข้างๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ด่าทออย่างรุนแรงและถ่ายภาพไปด้วย

เพี้ยะ!

มู่เซิ่งยกมือขึ้นทันที

สะเทือนไปทั้งอากาศ

หลังจากนั้น ทั้งร้านค้า ก็เงียบลงทันที