บทที่ 207 นางไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดของเจ้า

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 207 นางไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดของเจ้า

จี้จือฮวนมองดูพวกท่านป้าลากเซี่ยฉงฟางเข้าไปในศาลบรรพชนด้วยความโกรธ ก็ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ และพูดอย่างใสซื่อออกมา “ข้าไม่รู้สึกว่าการที่ข้าลงมือเองจะมีอะไรไม่เหมาะสมนี่นา”

แม่ที่เที่ยวทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้ หากเผยยวนยังยอมรับได้อีก เช่นนั้นกองทัพทหารเกราะเหล็กก็คงอยู่ได้ไม่ยืนยาวแล้ว

พวกท่านป้าสุดยอดมาก เมี่ยป้าไม่ต้องออกโรงด้วยตัวเองเลย

“ฮูหยินขอรับ คนเหล่านี้เป็นของพวกเราใช่หรือไม่ขอรับ?” ซาน ซื่อ อู่ ลิ่ว เดิมกำลังดองผักกันอยู่ เมื่อเห็นทางเข้าหมู่บ้านคึกคัก อีกทั้งอีและเอ้อร์ก็มาเอาตัวคนไปแล้ว จึงกลัวว่าตัวเองมารับลูกน้องช้าไป พวกเขาจะได้ลูกน้องดี ๆ ไปหมด

แค่ชื่อก็ถูกพวกเขานำไปอยู่อันดับต้น ๆ แล้ว ดังนั้นจำนวนลูกน้องจะน้อยกว่าไม่ได้เด็ดขาด!

จี้จือฮวนปัดกระโปรงเล็กน้อย “พวกเจ้าแบ่งกันเอาเองเถอะ จะแบ่งกันเช่นไรก็ได้”

พวกพลพรรคตัวเลขรอประโยคนี้อยู่ ทันทีที่ได้ยินก็พุ่งตัวเข้าไปอย่างมีความสุข สีหน้าดีใจราวกับคนโง่ที่ไม่ได้กินข้าวมาครึ่งชั่วยาม

จี้จือฮวนส่ายหน้าและหัวเราะเบา ๆ อย่างระอา จากนั้นก็ได้ไปหาเผยยวน เพื่อบอกเรื่องของเซี่ยฉงฟางกับเขา

ช่วงสองสามวันมานี้เผยยวนยุ่งอยู่กับการทำเหมืองทองและเหมืองเหล็กที่ภูเขาด้านหลัง ตอนนี้ที่ดินในหมู่บ้านตระกูลเฉินมีไม่เพียงพออีกแล้ว หากต้องการพัฒนาเหมือง เช่นนั้นก็ต้องพัฒนาที่ราบระหว่างภูเขาด้วย

ไท่ซ่างหวงมีประสบการณ์มาก่อน จึงบอกว่าอีกสองวันจะหาคนมาให้เขา การทำอาวุธต้องใช้ช่างฝีมือดี เหมืองทองขนาดใหญ่เช่นนี้ก็ต้องมีคนมาจัดการ ว่าจะขุดอย่างไร ขุดตั้งแต่ที่ใด ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาสอน อย่าปล่อยให้คนฉวยโอกาสมาฮุบไปได้

ในเมื่อท่านผู้เฒ่าอาสารับหน้าที่นี้แล้ว บรรดากองทัพทหารเกราะเหล็กเพียงแค่ตั้งใจทำสถานที่ฝึกซ้อมบนภูเขาลูกนี้ก็พอแล้ว

ตอนที่จี้จือฮวนมาถึงภูเขาด้านหลัง เผยยวนก็ออกมาพอดี เมื่อเห็นนางดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา

เขาคงจะเพิ่งออกมาจากในเหมือง เสื้อผ้าที่ใส่อยู่จึงดูสกปรก แขนเสื้อของเขาถูกพับขึ้น เผยให้เห็นท่อนแขนที่มีมัดกล้ามชัดเจน นิ้วเรียวยาวของเขายังถือพิมพ์เขียวอยู่เลย

เผยยวนไม่กล้าเข้าไปใกล้จี้จือฮวน เนื่องจากเนื้อตัวของเขาในเวลานี้สกปรกอย่างมาก

ทว่าจี้จือฮวนกลับไม่ได้รังเกียจ นางหาที่นั่งโล่ง ๆ ก่อนจะตบลงที่ข้างกายและเอ่ยขึ้นมา “นั่งลงเถอะ”

เผยยวนจึงได้ปัดไม้ปัดมือเล็กน้อย และนั่งลงที่ข้างกายของนาง เมื่อเห็นนางนำต้มถั่วเขียวออกมาจากตะกร้าใบเล็กก่อนจะยื่นให้ เขาจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ “มีภรรยานี่ช่างดีจริง ๆ”

จี้จือฮวนคุ้นเคยกับการที่เขามักจะเอ่ยชมนางตลอดเวลาไปแล้ว อาศัยตอนที่เขาดื่มต้มถั่วเขียว นางจึงหาจังหวะและเอ่ยขึ้นมา “ความจริงแล้ววันนี้ข้าไปตำบลฉาซู่บังเอิญได้พบคนผู้หนึ่งเข้า ข้าจึงพากลับมาด้วย”

“เจ้าเป็นหัวหน้าครอบครัว เรื่องนี้เจ้าตัดสินใจเองได้เลย ข้าไม่มีอะไรคัดค้าน ขอเพียงอย่าให้คนอื่นรังแกเจ้าก็พอ” เผยยวนลอบมองสีหน้าของจี้จือฮวน พลางครุ่นคิดว่าเป็นคนตาบอดที่ใดกัน ดูท่าต้องส่งคนไปคอยจับตามองเค่ออวิ๋นไหลเอาไว้เสียแล้ว จะได้ไม่ต้องลำบากมือเล็ก ๆ ของภรรยาเขา

เดิมเผยยวนคิดว่าคงเป็นพวกชอบก่อความวุ่นวายทั่วไป แต่ชื่อที่จี้จือฮวนเอ่ยออกมาต่อจากนั้น ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาทันที

“นางถูกท่านป้าและท่านป้าคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านพาตัวไปแล้ว คิดว่านางคงจะโดนไม่น้อย แน่นอนว่าข้าก็ทำนางไปไม่น้อยเช่นกัน เจ้ามีอะไรอยากถามหรือไม่? แต่ข้าคิดว่าปล่อยให้พวกนางจัดการจะดีกว่า”

จี้จือฮวนกลัวว่าเขาจะใจอ่อน

มุมปากของเผยยวนกระตุกเล็กน้อย “ในเมื่อนางมาแล้ว คิดว่าคงไม่ได้มีเจตนาดี คงแค่ต้องการมาดูว่าข้าตายหรือยัง เซี่ยฉงฟางเกลียดสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของตัวเองมากที่สุด ในเมื่อฆ่าข้าครั้งแรกล้มเหลว นางต้องทำอีกอย่างแน่นอน”

จี้จือฮวนเข้าใจได้ในทันที “นางเป็นคนเช่นนั้นจริง ๆ ที่โลกของพวกเราคนประเภทนี้เรียกว่าโรคจิต”

“หมายความว่าอย่างไร?”

“สมองมีปัญหา”

เผยยวนไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไรดี เซี่ยฉงฟางไม่เคยเปิดอกคุยกับเขาและเป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด เขาเองก็ไม่รู้ว่าในทุก ๆ วันนางทำอะไรอยู่กันแน่

ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกยังสนิทสนมสู้คนแปลกหน้าข้างถนนไม่ได้ด้วยซ้ำ

“นางไม่ได้ป่วยมาแค่วันสองวัน!” จู่ ๆ ไท่ซ่างหวงก็เอ่ยขึ้นมา ทำให้สองสามีภรรยาตกใจไม่น้อย

ท่านผู้เฒ่าลูบหนวดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแล้วเอ่ยขึ้นมา “เรื่องนี้ให้เผยจื่อไปคงไม่เหมาะ เซี่ยวั่งซูเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ ถ้าแค่ง้างความลับจากปากนางยังทำไม่ได้ จะสามารถอยู่ที่ถู่เจียนานเพียงนั้นได้อย่างไร? เรื่องนี้เผยจื่อไม่ต้องยุ่ง”

ไท่ซ่างหวงสะบัดแขนเสื้อ “ข้าไปเอง”

เผยยวนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ไท่ซ่างหวงก็ตบเข้าที่ท้ายทอยของเขา ก่อนจะตำหนิเสียงเบาออกมา “เจ้าเด็กไม่รู้ความนี่ ภรรยาเจ้าวัน ๆ ออกไปแต่เช้ากลับมาก็มืด หากเจ้าไม่เร่งมือเมื่อไรข้าจะได้เห็นลูกพวกเจ้าเสียที?”

เผยยวนอึ้งไปเล็กน้อย เอ่อ…หัวข้อสนทนาเหตุใดถึงวกมาที่เรื่องนี้ได้ล่ะเนี่ย

“ตอนที่ข้าอายุเท่ากับเจ้า มีลูกชายตั้งเท่านี้แล้ว!” ไท่ซ่างหวงกางนิ้วทั้งสิบของตัวเองให้ดู ก่อนจะลงเนินเขาไปด้วยความภาคภูมิใจ เขาต้องกลับไปดูเป็ด และบอกเซี่ยวั่งซูให้ตีเซี่ยฉงฟางนั่นให้ตาย!

“ไท่ซ่างหวงเขาพูดอะไรกับเจ้าหรือ เหตุใดต้องตบท้ายทอยเจ้าด้วย”

เผยยวนอึกอัก ข้าจะกล้าบอกได้อย่างไรกัน

จี้จือฮวนนึกสงสัย ? เจ้าอายอะไรกัน!

“ช่างเถอะ นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ดึงผมเจ้ามาให้ข้าเส้นหนึ่งสิ” จี้จือฮวนล้วงกล่องยาน้อยออกมา รอเผยยวนดึงผมให้อย่างน่ารัก

“เอาผมของข้าหรือ?” เผยยวนนึกดีใจขึ้นมาทันที ฮวนฮวนคิดจะผูกหัวใจชั่วนิรันดร์*กับเขาอย่างนั้นหรือ?

* ผูกหัวใจชั่วนิรันดร์ (绑同心结) ในพิธีการแต่งงานของจีนจะมีพิธีการนำเอาเส้นผมของคู่บ่าวสาวมามัดกันไว้ เพื่อบ่งบอกถึงหัวใจผูกพันกันชั่วนิรันดร์

เผยยวนดึงปอยผมเล็ก ๆ ให้ทันที “เท่านี้พอหรือไม่? ไม่พอข้าเอาด้านหลัง…”

จี้จือฮวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “เส้นเดียวก็พอแล้ว” เจ้าคนซื่อบื้อ!

เผยยวนผิดหวังเล็กน้อย เส้นเดียวจะเอาไปทำอะไรได้ ใช้ผูกหัวใจชั่วนิรันดร์ได้หรือไม่?

จี้จือฮวนโยนผมของเขาลงไปในกล่องยาน้อย ซึ่งในนั้นมีเส้นผมที่ดึงมาจากเซี่ยฉงฟางวางอยู่ก่อนแล้ว

เดิมทีนางยังคิดจะรอโอกาสไปจับตัวเซี่ยฉงฟางและเอาเส้นผมของนางมา แต่คิดไม่ถึงว่านางจะมาหาเองถึงที่ หากตอนนี้ไม่รีบทดสอบแล้วจะรอไปถึงเมื่อใดกัน?!

แกรก

กล่องยาน้อยทำภารกิจสำเร็จอย่างรวดเร็ว กากบาทนั้นทั้งหนา ทั้งใหญ่ ทั้งเป็นประกายแวววาว สะดุดตาเป็นพิเศษ

จี้จือฮวนหันหน้าไปเอ่ยกับเผยยวน “มีข่าวดีกับข่าวดีมาก เจ้าอยากฟังข่าวไหนก่อน?”

เผยยวนกะพริบตาปริบ ๆ “เจ้าคิดว่าข่าวไหนดีกว่าก็อันนั้นแล้วกัน”

“ข่าวดีก็คือเซี่ยฉงฟางไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดเจ้า ข่าวดีมากก็คือสามารถทรมานนางได้แล้ว”

แค่คิดก็มีความสุขแล้ว!

ดวงตาของเผยยวนค่อย ๆ เบิกกว้าง

ไท่ซ่างหวงเพิ่งเดินมาถึงตรงเนินเขา จางตงไหลก็รีบเข้ามารับ และรายงานสถานการณ์ของเมืองหลวงให้เขาทราบ

“ฮ่องเต้ทรงพาคนออกเดินทางจากเมืองหลวงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ มีคนและม้าจำนวนมาก คาดว่าคงใช้เวลาสามสี่วันจึงจะมาถึง”

ไท่ซ่างหวงกลอกตามองบนด้วยความดูแคลน “เขาวางท่าใหญ่โตกว่าข้าที่เป็นพ่อเสียอีก พามากี่คน?”

“ที่พามาได้ก็พามาทั้งหมดเลยพ่ะย่ะค่ะ ความจริงใจเต็มเปี่ยมเชียวนะพ่ะย่ะค่ะ” จางตงไหลเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ไท่ซ่างหวงหัวเราะเสียงเย็น “นี่เรียกว่าความจริงใจเต็มเปี่ยมอย่างนั้นหรือ? เขากลัวว่าคนทั้งใต้หล้าจะชี้หน้าด่าเขาว่าเป็นทรราช อกตัญญู! หากมีความจริงใจจะมาเอาป่านนี้หรือ วันแรกที่ได้รับข่าวก็ต้องกลัวจนฉี่ราดและรีบมาที่นี่แล้ว!”

หมู่บ้านตระกูลเฉินไกลแค่ไหนกันเชียว? ด้วยนิสัยของเขาหากเจ้าเด็กคนนี้อยากรู้จริง ๆ จะสามารถทนจนถึงป่านนี้ได้หรือ เขาไม่มีความจริงใจต่างหาก หรือไม่ก็คงคิดว่าเขาสละราชสมบัติแล้วไม่มีอะไรต้องกลัวอีก

จางตงไหลรู้ดีว่าหากไท่ซ่างหวงไม่ได้ระบายความโกรธนี้ออกมาคงจะอึดอัดน่าดู ดังนั้นเขาจึงพยักหน้ารับทันทีและเอ่ยขึ้นมา “ท่านตรัสถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ไท่ซ่างหวงแค่นเสียงเย็นออกมา “จริงสิ คนที่รับผิดชอบที่นี่ชื่อว่าอะไรนะ?”

“ท่านหมายถึงนายอำเภอเจียงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ใช่ ไปส่งข่าวบอกเขาให้เขาลากตัวเองมาที่นี่ ข้าจะไปดูเซี่ยฉงฟางสตรีบ้านั่นสักหน่อย ดูว่าหลายปีมานี้เป็นบ้าถึงขั้นไหนแล้ว”

ไท่ซ่างหวงตัดสินใจมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เซี่ยเจิน!

จางตงไหลเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะยิ้มอย่างระอา ดูเหมือนว่าฮ่องเต้กับท่านหญิงซ่างหยาง คงทำได้เพียงอดทนและไม่อาจทำอะไรได้แล้วกระมัง

.

.

.