.

ที่บ้านของโม่ชองหลิน หลังจากเหตุการณ์ในบ้านของผู้อาวุโสหลิน

มีผู้อาวุโสหลายคนภายในห้องนั่งเล่นอันโอ่อ่ารวมถึงตัวโม่ชองหลินด้วย

ผู้อาวุโสทุกคนนั่งที่ด้านขวาและด้านซ้ายของห้อง ขณะที่โม่ชองหลินนั่งลึกลงไปตรงกลางห้อง

ตั้งแต่แจกันไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ ทุกอย่างภายในห้องใหญ่โตนี้ดูหรูหราและมีราคาแพงจริงๆ แต่ไม่มีใครในห้องนี้รู้สึกซาบซึ้งกับมันเลย

บรรยากาศภายในห้องยังคงกดดัน และเงียบ ไม่มีใครกล้าเปิดปากพูดอะไรในตอนนี้ ผู้อาวุโสทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะจ้องที่โม่ชองหลินเลยด้วยซ้ำ

ครืด~~!

ประตูห้องนั่งเล่นอันโอ่อ่าเปิดออก ผู้อาวุโสหน้าเคร่งขรึมนำกล่องยาของเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่น

ใครๆ ก็บอกได้ง่ายๆ จากกล่องยาของเขาว่าผู้อาวุโสหน้าตาบูดบึ้งคนนี้เป็นหมออย่างแน่นอน

“อาการของเขาเป็นอย่างไรบ้าง? คุณสามารถรักษาเขาได้หรือไม่” โม่ชองหลินเลิกคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

ผู้อาวุโสหน้าเคร่งขรึมส่ายหัวด้วยท่าทางไม่พอใจและนั่งข้างโม่ชองหลิน

“อาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสหลินนั้นรุนแรงมาก แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขายังคงหมดสติมาจนถึงตอนนี้ มันเหมือนกับว่าเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจก่อนที่จะหมดสติไป” ผู้อาวุโสหน้าเคร่งขรึมรายงานกับ โม่ชองหลินหลังจากดื่มชาสักถ้วย

“ผู้บุกรุกใช้เปลวไฟสีน้ำเงินระดับสูงนั้นเพื่อต่อสู้กับผู้อาวุโสหลินอย่างแน่นอน ผู้อาวุโสหลินชื่นชมเปลวไฟสีน้ำเงินระดับสูงนั้นมากเหมือนกับชีวิตของเขาเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ เพราะเปลวไฟระดับสูงอันมีค่าของเขาถูกผู้บุกรุกเอาไป และแม้แต่วิญญาณเปลวไฟระดับกลางของเขาเองก็ถูกทำลายในท้ายที่สุด” โม่ชองหลินหลับตาด้วยความหงุดหงิด และหมดหนทาง

“น่าเสียดายจริงๆ หากเราสามารถทำให้เขาฟื้นคืนสติได้แม้เพียงครู่เดียว เราก็จะได้รับการยืนยันตัวตน ลักษณะ หรือคุณสมบัติของผู้บุกรุก และจับเขาก่อนที่เขาจะออกไปจากนิกายปีศาจอสูรของเราด้วยยาเม็ดทั้งหมด และสมุนไพรล้ำค่า” ผู้อาวุโสหน้าบึ้งถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

“คุณหาเบาะแสจากอาการบาดเจ็บของเขาได้ไหม” โม่ชองหลินถามผู้อาวุโสที่หน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง

“นี่… เอ่อ…จะให้พูดยังไงดีล่ะ แผลตรงเป้ามัน… แปลกมาก… จากการวินิจฉัยของฉัน แผลของเขาเกิดจาก… แรงทะลุทะลวง…” ผู้อาวุโสหน้าเคร่งขรึมจ้องที่โม่ชองหลินอย่างแปลกประหลาดราวกับว่าเขาต้องการจะพูดอะไร แต่คำพูดไม่สามารถออกจากปากของเขาได้

“คุณกำลังพยายามจะบอกว่าผู้บุกรุกเป็นหลานชายของฉันเองงั้นหรอ แล้วเขาใช้ [คลื่นแยกสวรรค์] เพื่อทำร้ายผู้อาวุโสหลินอย่างนั้นใช่มั้ย?” โม่ชองหลินถามผู้อาวุโสที่มีสีหน้าเคร่งขรึม

“เอ่อ… ไม่นะ… [คลื่นแยกสวรรค์] ของหลานคุณอยู่ที่ชั้นที่ 3 หรือ 4 เท่านั้นใช่ไหม จากบาดแผลของผู้อาวุโสหลิน พลังเจาะของการโจมตีนั้นสูงมาก [คลื่นแยกสวรรค์] นี้อย่างน้อยก็อยู่ที่ชั้นที่ 7!” ผู้อาวุโสหน้าเคร่งขรึมยังคงจ้องที่โม่ชองหลินอย่างแปลกประหลาด

โม่ชองหลินตกตะลึงในขณะที่เขาได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสที่หน้าเคร่งขรึม

ศิลปะการต่อสู้ที่มีพลังเจาะทะลุสูงนั้นหายากมาก และโดยปกติทั้งหมดนั้นสอนเฉพาะผู้สืบทอดของผู้นำนิกายหรือผู้อาวุโสเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นระดับความยากในการเรียนรู้นั้นสูงมากจริงๆ! แม้แต่อัจฉริยะอย่างเสี่ยวเฮยก็สามารถเข้าถึงชั้นที่ 4 ได้หลังจากฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งมานานกว่าสิบปี

กล่าวอีกนัยหนึ่งบุคคลที่สามารถใช้ชั้นที่ 7 ของ [คลื่นแยกสวรรค์] ในนิกายปีศาจอสูรทั้งหมดมีเพียง โม่ชองหลินเท่านั้น

ผู้อาวุโสทุกคนในห้องนั่งเล่นรู้สึกปวดหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้จากผู้อาวุโสที่หน้าเคร่งขรึม

“ไม่ต้องคิดเยอะเรื่องนี้หรอก เดี๋ยวเราจะได้รู้กันว่าเขาเป็นใคร” โม่ชองหลินพูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ

“ผู้อาวุโส คุณหมายความว่าอย่างไร คุณมีแผนที่จะหลอกล่อผู้ร้ายออกมางั้นหรอ” ผู้อาวุโสหน้าบึ้งถามด้วยความสงสัย

“ไม่ แต่ฉันแน่ใจจริงๆ ว่าคนร้ายเป็นคนของหลานชายฉัน!” โม่ชองหลินเยาะเย้ยอย่างเย็นชา

“ฮ่าฮ่า! นั่น… เป็นไปไม่ได้หรอก เขายังเป็นแค่ปรมาจารย์ การทำเช่นนี้ก็เท่ากับทำลายนิกายของเขาเอง! ฉันไม่คิดว่าจะเป็นคนของเขา…” ผู้อาวุโสหน้าบึ้งพึมพำกับตัวเอง

ผู้อาวุโสทุกคนในห้องนั่งเล่นเริ่มกระซิบกัน และคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้

“ฉันพูดแค่ว่าคนร้ายเป็นคนของหลานชายฉัน ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นผู้สั่งการจากเหตุการณ์นี้!” โม่ชองหลินจับคางและหัวเราะอย่างเย็นชา

“ฉันเดาว่าผู้บุกรุกทำด้วยความตั้งใจของตัวเอง เป้าหมายหลักของเขาน่าจะเป็นผู้อาวุโสหลิน แต่เขาก็กินยา สมุนไพร และนำเปลวไฟระดับสูงไปด้วย! แรงจูงใจที่แท้จริงอาจจะเป็นการแก้แค้นให้กับหลานชายของฉัน! “ โม่ชองหลินพูดต่อและเริ่มอธิบายต่อทุกคนในห้องนั่งเล่น

ถ้าถังลี่เสวี่ยอยู่ที่นี่ และได้ยินคำพูดของโม่ชองหลินในตอนนี้ เธอจะตกใจกับปัญญาของเขา เพราะเขาสามารถเดาได้ถูกต้องเกือบทั้งหมด

“ยังไง… คุณเดาทั้งหมดได้อย่างไร” ผู้อาวุโสหน้าบึ้งถามด้วยความสงสัย

“เพราะเขาเลือกเข้าห้องลับของผู้อาวุโสหลินมากกว่าห้องพลังงาน” โม่ชองหลินจ้องไปที่ผู้อาวุโสที่หน้าเคร่งขรึมและตอบ

“แต่ทั้งหมดนั้นไม่สำคัญในตอนนี้! เพราะต่อให้จะเดินหมากได้ดีแค่ไหน แต่เกมก็จะจบลงเมื่อเรารุกฆาตเขาได้!” โม่ชองหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน แต่ความหมายเบื้องหลังคำพูดของเขานั้นหนักมากจริงๆ

“แล้ว… ถ้าอย่างนั้น… เราจะทำยังไงกันตอนนี้?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามอย่างขี้อาย

“ฉันได้ยินมาว่าหลานชายของฉันมียาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บในคืนก่อน…” โม่ชองหลินบอกใบ้กับผู้อาวุโสทุกคนในห้องนั่งเล่น

ผู้อาวุโสทุกคนตกตะลึงในทันทีด้วยคำพูดของโม่ชองหลิน และเริ่มคิดว่า ‘เขาต้องการให้ขโมยยานั้นจากหลานของเขา เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสหลินใช่มั้ย?’

…..

.

เช้าวันรุ่งขึ้น ถังลี่เสวี่ยตื่นขึ้นจากการนอนหลับสนิทในห้องถัดไป

เธอส่ายหน้าเดินกลับไปที่ห้องของเสี่ยวเฮยแต่พบว่า เสี่ยวเฮยรอเธออยู่ในห้องของเขาพร้อมกับแปรงในมือ

‘โอ้ เสี่ยวเฮย… ฉันขอโทษ แต่ฉันไม่สามารถกินเนื้อย่างของคุณวันนี้ได้ วันนี้ฉันมีนัดอาหารเช้า!’

คำตอบของเสี่ยวเฮยคือจับหลังคอของเธอ และโยนเธอลงในอ่างอาบน้ำ ก่อนที่จะขัดร่างกายของเธออย่างแรงด้วยแปรงจนเธอเริ่มคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ขนที่นุ่มเนียนของถังลี่เสวี่ยก็ได้รับการทำความสะอาดจนกลับมาเป็นสีขาวเงินราวกับของเล่นนุ่ม ๆ

เมื่อดวงตาสีฟ้าบุษราคัมที่น่าหลงใหลของเธอจ้องไปที่เสี่ยวเฮย แม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ และเริ่มโอบกอดร่างเล็กๆ อันอ่อนนุ่มของเธอครู่หนึ่งแล้วจูบที่หน้าผากของเธอหลายครั้ง

หลังจากเล่นกับถังลี่เสวี่ยมาระยะหนึ่งแล้ว เสี่ยวเฮยก็ย่างเนื้อหมูเป็นอาหารเช้าของเธอ และปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องทำงาน มีปัญหามากมายภายในนิกายที่เขาต้องจัดการในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเกี่ยวกับการขาดแคลนทรัพยากรการฝึกฝน

ถังลี่เสวี่ยมองไปที่เนื้อหมูย่างที่เสี่ยวเฮยทำขึ้น และน้ำลายของเธอก็เริ่มท่วมปากของเธอ

ในท้ายที่สุด เธอกินเนื้อหมูย่างของเสี่ยวเฮยจนหมด และอิ่มเกินกว่าจะกินได้อีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงรอสองสามชั่วโมงจนกว่าเธอจะย่อยอาหารทั้งหมด จากนั้นเธอก็ดึง [การ์ด EXP x2] ออกจากคลังระบบ

‘เอาล่ะ! ฉันจะไปถึงระดับสูงสุด และวิวัฒนาการได้ในครั้งนี้มั้ย? โอ้ เอาล่ะ มาพัฒนาจิตวิญญาณการต่อสู้ของฉันก่อนแล้วกัน!‘

ถังลี่เสวี่ยเปิดหน้าต่าง [EXP ที่ใช้ร่วมกัน] และเริ่มกำหนดส่วนแบ่ง EXP ระหว่างระดับของเธอกับจิตวิญญาณการต่อสู้…

[สถานะ EXP ที่ใช้ร่วมกัน:]

[ระดับ: 50%]

[การฝึกฝน: – %]

[จิตวิญญาณการต่อสู้: 50%]