ตอนที่ 70: ศึกแลกชีวิตเริ่มขึ้นแล้ว

เดิมที ผู้บังคับบัญชาเป็นคนที่ไปพูดโน้มน้าวกับเจ้าหน้าที่เมืองและบอกเขาว่าเสี่ยวเฉิงจะต้องเอาชนะผู้นำแก๊งเต่าดำได้แน่ ด้วยเหตุนั้น เจ้าหน้าที่เมืองจึงอนุมัติการประลองในครั้งนี้ แต่แล้ว กลับกลายเป็นว่าเขายังศึกษาเรื่องราวและประวัติของเสี่ยวเฉิงมาไม่มากพอ เขาเพิ่งจะรู้ว่าความแข็งแกร่งและพละกำลังของเสี่ยวเฉิงนั้นลดลงไปมากเมื่อไม่กี่วันก่อน ถึงอย่างไร ผู้บังคับบัญชาก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วในตอนนี้

อันที่จริง ถ้าเสี่ยวเฉิงแพ้ เขาก็จะต้องถูกบังคับให้ลาออกอย่างแน่นอน

ในทางกลับกัน ถ้าเสี่ยวเฉิงชนะและแก๊งเต่าดำถูกยุบจนสลายไปได้จริง ๆ ผู้บังคับบัญชาก็จะได้รับผลประโยชน์มากมายเช่นกัน และในตอนนี้ ทุกอย่างก็กลับกลายเป็นการเดิมพันไปแล้ว มันไม่ใช่เรื่องเวอร์เลยด้วยถ้าจะบอกว่าเขายอมทิ้งทุกอย่างเพื่อเดิมพันกับชีวิตของเสี่ยวเฉิง

หากเสี่ยวเฉิงตายในการประลอง เขาก็จะเป็นหนี้เพื่อนเก่าจากกองทัพภาคที่ห้าไปตลอดชีวิต ความตายของเสี่ยวเฉิงจะกลายเป็นตราบาปในใจตลอดไป

ผู้บังคับบัญชามองไปยังเสี่ยวเฉิงอย่างลังเล ทั้งคู่พลันสบตากัน ระหว่างนั้น ผู้บังคับบัญชาเองก็ไม่สามารถเดาได้เลยว่าเสี่ยวเฉิงกำลังคิดอะไรอยู่ นั่นเป็นเพราะเสี่ยวเฉิงดูไม่ประหม่าเลยแม้แต่น้อย

ทันทีที่สัมผัสได้ว่าเสี่ยวเฉิงไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรเลย ผู้บังคับบัญชาก็พลันกัดฟัน เขาพลันลุกขึ้นจากที่นั่งและตะโกนขึ้นมา

“ท่านปรมาจารย์หยาน! ถ้าคุณชนะ ผมก็ยินยอมที่จะสละอาชีพของตัวเองเพื่อให้เอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดินของแก๊งเต่าดำได้รับการอนุมัติ!”

“ตามนั้น!” ปรมาจารย์หยานพลันตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุดทุ้ม “ผมเชื่อคุณ… ผู้บังคับบัญชาเทย์! คุณเป็นชายผู้รักษาสัจจะ อันที่จริง ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกสงสัยแล้วแหละว่าคุณเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวชายหนุ่มคนนี้มากขนาดไหน… แต่ยังไงก็เถอะ เดี๋ยวอีกไม่นาน เราก็จะได้รู้กันแน่”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดจากผู้บังคับบัญชาเทย์ เหล่าสมาชิกของแก๊งเต่าดำต่างก็ตะโกนโห่ร้องด้วยความอิ่มอกอิ่มใจราวกับเอกสารได้รับการอนุมัติแล้ว และเมื่อไหร่ก็ตามที่เอกสารที่ดินได้รับการอนุมัติ แก๊งเต่าดำก็จะสามารถสร้างเขตแดนของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถสร้างรายได้ที่มากกว่าสองถึงสามพันล้านดอลลาร์ได้อีกด้วย พวกเขาจะกลับมารุ่งโรจน์เฉกเช่นสมัยอดีตได้อีกครั้ง อีกทั้ง แก๊งเต่าดำเองก็จะไม่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นหนึ่งในแก๊งสี่จตุรเทพที่อยู่ในระดับล่างสุดอีกด้วย

“ฆ่ามันเลยครับท่าน!” พรรคพวกจากแก๊งเต่าดำพลันตะโกนขึ้นมา

“นายรู้ไหมว่าทำไมเกือบจะทุกคนในสนามกีฬาแห่งนี้ต่างก็พนันเอาไว้ว่าฉันจะชนะ? นั่นเป็นเพราะพวกเขาทุกคนต้องการเห็นนายตายยังไงล่ะ! ไหนลองบอกมาหน่อยสิ… นายคิดว่าฉันควรจะต้องทำอะไรต่อไปดีล่ะ?” ปรมาจารย์หยานพลันหัวเราะพร้อมกล่าวคำพูด

“ผมว่าคุณควรตะโกนบอกพวกเขานะว่าต่อจากนี้… จะไม่มีแก๊งเต่าดำอีกตลอดไป!” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับอย่างไม่หวั่นเกรง

“พูดได้ดี อันที่จริง มันถือเป็นเรื่องที่ยากมากเลยนะที่จะได้เห็นชายผู้ยังหนุ่มยังแน่นแสดงท่าทีและความกล้าบ้าบิ่นออกมามากขนาดนี้” ปรมาจารย์หยานพลันลุกขึ้นและปัดฝุ่นบนเสื้อออก เขาพลันยืดมือออกมาเพื่อยืดเส้นยืดสาย

หลี่ต้าจวงพลันมองไปยังเสี่ยวเฉิงพร้อมบ่นพึมพำ “แย่จังเลยนะ ถ้าหมอนั่นตายในการประลอง แล้วฉันจะไปท้าใครสู้แทนล่ะ?”

ในระหว่างที่กำลังพูด หลี่ต้าจวงก็พลันสอดส่องไปด้วยว่าหรานจิงกำลังนั่งอยู่ตรงไหน

ไม่นานนัก เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งก็พลันตะคอกขึ้นมา “ไม่ว่านายจะกล้าหาญหรือยอมก้มหัวทำทุกอย่างขนาดไหน ฉันว่าหมอนั่นก็น่าจะได้ใจหรานจิงไปแล้วแหละ”

ทันใดนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็พลันตะโกนเสียงดังขึ้นมา “ถึงเวลาแล้ว!”

เสี่ยวเฉิงพลันจ้องมองไปยังปรมาจารย์หยานพร้อมกับยืดแข้งยืดขา ก่อนที่จะเข้ามา เสี่ยวเฉิงก็ได้วิ่งรอบสนามกีฬาไปหนึ่งรอบเพื่อวอร์มร่างกายก่อนแล้ว นอกจากนี้ เขาก็ยังปลดปล่อยคลื่นอัลตร้าซาวด์ความถี่ต่ำออกมาในความเงียบอีกด้วย

ปรมาจารย์หยานพลันก้าวเท้าออกมาข้างหน้าอย่างนุ่มนวลจนทำให้บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยความกดดัน ทว่า ทันใดนั้น เขาก็พลันก้าวเท้าออกมาอีกสองสามเก้าจนมายืนอยู่ตรงหน้าของเสี่ยวเฉิงอย่างรวดเร็ว ทักษะของปรมาจารย์หยานนั้นไม่ใช่สิ่งที่นักสู้ธรรมดาจะสามารถเข้าถึงได้ ประสบการณ์การต่อสู้ตลอดช่วงชีวิตของปรมาจารย์หยานพลันทำให้เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าตนควรจะเอาชนะคู่ต่อสู้ในคราวเดียวได้อย่างไร

ท่าเตะตวัดขาขึ้นกลางอากาศของปรมาจารย์หยานพลันสร้างเสียงหวีดหวิวไปตามสายลม แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงก็พลันมองเห็นการเคลื่อนไหวของเขาก่อนแล้ว เสี่ยวเฉิงจึงถอยออกไปหนึ่งก้าวเพื่อสร้างระยะห่างที่เพียงพอจนสามารถหลบการเตะของปรมาจารย์หยานได้

หลังจากนั้น ปรมาจารย์หยานก็พลันฟาดฝ่ามือลงไปที่คอของเสี่ยวเฉิง แต่แล้ว เสี่ยวเฉิงก็สามารถหลบการโจมตีนั้นได้ด้วยการเอียงตัว

ทว่า ภายในเสี้ยววินาที เข่าของปรมาจารย์หยานก็พลันพุ่งตรงไปยังเสี่ยวเฉิงราวกับเป็นลูกกระสุนปืนใหญ่

เสี่ยวเฉิงพลันหรี่ตาลง โดยปกติแล้ว เขามักจะมีเวลามากพอที่จะสังเกตการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายและตอบสนองกลับไปได้อย่างง่ายดาย

แต่ทว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายมากประสบการณ์อย่างปรมาจารย์หยานและชุดคอมโบที่สอดคล้องกันกับความเร็ว สมองของเสี่ยวเฉิงก็ดูจะประมวลผลไม่ทันนิดหน่อย ดูเหมือนว่าปรมาจารย์หยานได้เตรียมการเคลื่อนไหวทั้งหมดของตัวเองเอาไว้ก่อนแล้ว เขาไม่มีความลังเลอะไรเลยแม้แต่น้อยในระหว่างการเคลื่อนไหวแต่ละครั้ง

แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงก็ยังหลบชุดคอมโบของปรมาจารย์หยานได้ทันเวลา