บทที่ 161.1 ทาสน้องชาย (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

“เฮอะ!”

กู้เหยี่ยนหันหลังหนี

มันน่าโมโหยิ่งนัก! กู้เหยี่ยนเดือดจนขนลุกซู่ท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ!

กู้ฉังชิงได้แต่แอบหัวเราะเบาๆ

เสียงหัวเราะที่ทุ้มแหบในลำคอของเขาให้ความรู้สึกน่าฟังและมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก

กู้เหยี่ยนถึงกับต้องแอบหันกลับไปชำเลือง

ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป

ทันใดนั้นเอง กู้ฉังชิงสังเกตท่าเดินที่ผิดปกติไปของเขา “ขาเจ้าเป็นอะไรไปรึ”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่พลิกนิดหน่อยเอง” กู้เหยี่ยนเอ่ยด้วยเสียงแหลมเล็ก

เรือนของเขาตั้งอยู่กึ่งกลางของตรอก จะว่าไกลก็ไม่ไกล แต่ก็ไม่ใกล้เสียทีเดียว

กู้ฉังชิงที่เห็นร่างเล็กบางเดินกระโดกกระเดกก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้แล้วเอ่ย “ขึ้นมาสิ”

“หืม” กู้เหยี่ยนหันกลับไปมองกู้ฉังชิงด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจแต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ด้วย ดูแล้วช่างขัดกันยิ่งนัก

ภาพนี้ทำให้กู้ฉังชิงนึกถึงตอนที่พวกเขาอยู่ในป่า เพียงแต่ครั้งนี้คนตรงหน้าดูจะดีใจออกนอกหน้ากว่าตอนนั้นเยอะเลยทีเดียว

กู้ฉังชิงยื่นมือใหญ่กำยำของเขาออกแล้วคว้าเข้าไปที่หัวไหล่ของคนตรงหน้า แล้วแบกร่างอันบอบบางของกู้เหยี่ยนขึ้นมานั่งบนอานม้า

“เจ้ากินข้าวกินปลาบ้างไหมเนี่ย”

ผอมกะหร่องเชียว

ครั้นกู้เหยี่ยนจะสวนกลับว่าเขาต่างหากที่ไม่กินข้าว!

แต่พอได้เอนหัวซบลงไปบนอกแน่นๆ ของคนด้านหลังก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

พลางนึกในใจ วันวันหนึ่งเขากินข้าวกี่กิโลกันนะ

ถึงได้กำยำเช่นนี้

“จับให้แน่นล่ะ” กู้ฉังชิงเอ่ยเตือน

กู้เหยี่ยนได้แต่เอามือจับที่อานม้า เพราะกู้ฉังชิงกำลังถือเชือกอยู่

กู้ฉังชิงค่อนข้างพอใจกับอานของเขา อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาเป็นซื่อจื่อของจวนโหว ของที่เขาใช้ย่อมต้องดีที่สุด

แต่พอเจอแรงกดบีบจากมือของกู้เหยี่ยนเข้าไป กลายเป็นว่าอานม้าของเขาได้เปลี่ยนสภาพเป็นไม้เปื่อยยุ่ยในทันใด

ถึงเวลาต้องเปลี่ยนอานม้าแล้วสินะ

กู้ฉังชิงคิดในใจ

“ข้าส่งเจ้ากลับเรือนนะ” กู้ฉังชิงเอ่ย

“ข้าไม่อยากกลับ” กู้เหยี่ยนตอบ

“ทำไมรึ”

“ข้าอยากหาอะไรกิน”

“เจ้าอยากกินอะไรล่ะ”

“เกาลัดคั่ว”

บริเวณถนนฉางอันมีร้านขายเกาลัด ตั้งอยู่ตรงบริเวณระหว่างทางที่เขามาตรงนี้พอดี กู้ฉังชิงจึงรีบกลับม้า มุ่งหน้าไปยังร้านเกาลัด

เขาพยายามไม่เร่งความเร็ว เพราะกู้เหยี่ยนมาด้วย แต่ความเร็วเท่านี้ก็สร้างความเร้าใจให้กู้เหยี่ยนไม่น้อย

ตั้งแต่เกิดจนโต เขาไม่เคยซิ่งบนม้ามาก่อน!

กู้เหยี่ยนรู้สึกสนุกจนเก็บอาการไม่อยู่

“ยี้ฮ่า!”

แม้จะร้องด้วยเสียงเบา แต่ก็มิอาจรอดจากการได้ยินของกู้ฉังชิงไปได้

ร่างใหญ่ยิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะควบม้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

สาแก่ใจกู้เหยี่ยนยิ่งนัก!

เขาอยากขี่ม้าแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเขา เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการนอนป่วยอยู่บนเตียง เขาไม่เคยได้ออกมาเล่นสนุกเหมือนเด็กคนอื่นๆ อีกทั้งไม่มีเพื่อนเล่นด้วย

จิ้งคงและเสี่ยวซุ่นอายุน้อยกว่าเขา เขาอยากมีเพื่อนเล่นเป็นคนที่อายุมากกว่า

ส่วนกู้เจียว แม้นางจะเป็นคนที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย แต่ก็มีบางอย่างที่กู้เจียวไม่อาจสนองเขาได้

การปรากฏตัวของกู้ฉังชิง ช่วยเติมเต็มในส่วนที่เขาขาดหายไปได้อย่างดี

กู้เหยี่ยนควบม้าอย่างสนุกสนาน ขนาดว่าพอซื้อเกาลัดเสร็จก็ยังอารมณ์ค้างอยู่

กู้เหยี่ยนคว้าถุงเกาลัดมาพลางเอ่ย “ข้าไม่ได้พกเงินมา กลับไปค่อยคืนเจ้าก็แล้วกัน”

“ไม่ต้องหรอก” กู้ฉังชิงเอ่ย

“แล้ว…” กู้เหยี่ยนอ้าปากพะงาบ “นี่ข้าใช้เงินของเจ้าจนหมดเลยหรือไม่”

“ไม่นี่”

“ออ” กู้เหยี่ยนค่อยๆ กินเกาลัดอย่างสงบเสงี่ยมก่อนเอ่ย “ข้าอยากกินไก่ย่าง!”

กู้ฉังชิงเลยต้องพาเขาไปซื้อไก่ย่าง ร้านที่กู้เหยี่ยนอยากกินนั้นมิใช่ร้านทั่วไป แต่ต้องเป็นไก่ย่างของร้านหูจี้เท่านั้น ซึ่งตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง

กู้เหยี่ยนมองดูไก่ย่างในมือที่ได้มา

“อยากกินอะไรอีกล่ะ” กู้ฉังชิงเอ่ยถาม

กู้เหยี่ยนทำตาปริบๆ ใส่คนตรงหน้า “ขนมมันปูร้านซานหยวนเก๋อ”

แต่ซานหยวนเก๋ออยู่ที่หลิงหนานมิใช่รึ!

เจ้าเด็กนี่จะพาเขาหนีออกนอกเมืองหรืออย่างไรกัน

กู้ฉังชิงมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นยะเยือก

กู้เหยี่ยนเลยทำหน้าไม่พอใจ “ก็ได้ เช่นนั้นข้ากินถังหูลู่ก็แล้วกัน ไม่ต้องเลือกร้านหรอก ก็ซื้อร้านข้างทางอะไรก็ได้ที่ราคาถูกๆ ไร้สุขอนามัย กินแล้วท้องเสียล้มป่วยแบบนั้นก็ได้”

กู้ฉังชิง “…”

มีร้านถังหูลู่ตั้งอยู่บนถนนจูเชวี่ย แม้จะราคาสูงลิ่ว แต่รับประกันได้ว่ากินแล้วจะไม่ท้องเสียแน่นอน

กู้ฉังชิงจึงพาเขาไปที่ร้านนั้น

มือไม้ของกู้เหยี่ยนเต็มไปด้วยของกินมากมาย ให้ซื้ออีกคงไม่มีมือถือแล้ว เลยยอมกลับเรือนแต่โดยดี

ระหว่างทางกลับเกิดลมหนาวพัดโชยขึ้นจนกู้เหยี่ยนตัวสั่น

กู้ฉังชิงเลยเอาเสื้อขนสัตว์คลุมให้ เสื้อคลุมนั้นใหญ่เสียจนพออยู่บนตัวเขาแล้ว มีเพียงแค่ศีรษะน้อยๆ ที่โผล่ออกมา

กู้ฉังชิงนึกในใจ หากว่ากันตามตรงแล้ว เจ้าเด็กน้อยนี่น่ารักน่าชังกว่าน้องชายแท้ๆ ของเขาเสียอีก

เขาถอนหายใจยาว

หวังว่าเขาจะคิดผิดนะ…

พอมาถึงที่เรือน กู้ฉังชิงลงจากม้าก่อน จากนั้นช่วยอุ้มกู้เหยี่ยนลงจากม้า แล้วนำข้าวของที่เขาซื้อมาทั้งหมดวางไว้บนโต๊ะหินที่หน้าเรือน

“ข้าไปก่อนล่ะ”

กู้เหยี่ยนมองร่างใหญ่ด้วยสายตาคาดหวัง “เจ้าอยู่กินข้าวที่นี่ก่อนดีไหม พี่สาวข้าทำกับข้าวเก่งมากเลยนะ”

เด็กสาวจอมโหดเลือดเย็นคนนั้นน่ะหรือ

กู้ฉังชิงเดาไม่ออกเลยว่าฝีมือเข้าครัวของนางจะออกมาหน้าตาอย่างไร

เขาชำเลืองไปที่ครัวอยู่พักหนึ่งด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น แต่สุดท้ายก็ข่มเอาไว้ได้ “ไม่เป็นไร ข้าต้องกลับแล้ว”

“ออ” กู้เหยี่ยนเอ่ยอย่างผิดหวัง

กู้ฉังชิงกระโดดขึ้นม้า จากนั้นหันมาเอ่ยกับร่างเล็ก “รีบเข้าไปเถิด”

“อืม” กู้เหยี่ยนพยักหน้า ไม่ขยับตัว จนกระทั่งกู้ฉังชิงควบม้าไปถึงทางออกของตรอก เขาถึงได้ขยับเท้าหันหลังกลับไป กระโดดโหยงเดินเข้าเรือนไปด้วยท่าทีสดชื่น

ใช่แล้ว

ขาแพลงอะไรกัน

ไม่มีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!

“เอาละ เท้าของเจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว ช่วงนี้นอนพักผ่อนไปก่อน อีกเจ็ดวันข้าจะตัดไหมให้เจ้า” กู้เจียวกำลังเย็บแผลให้เด็กสาวในเพิงเล็กๆ ที่อยู่บนถนนจูเชวี่ย เสร็จสิ้นการออกตรวจนอกสถานที่ครั้งแรกตั้งแต่นางมาเยือนเมืองหลวง

และแล้วหิมะก็ตกลงมาอีกครั้ง

เกล็ดหิมะราวกับขนห่านกระพือปีกทีละน้อย รวมตัวกันและกระจัดกระจาย และในไม่ช้าถนนทั้งสายก็ถูกปกคลุมไปด้วยสีขาว

หลังจากที่ลงจากรถม้าไม่นาน นางรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังสะกดรอยตาม