สวี่หลิงอวิ๋นซ่อนอะไรไว้อีก? แน่นอนว่าเธอซ่อนความทรงจำจากชาติที่แล้ว และจี้หยกมิติอวกาศ

ทุกคนกลับมายังเส้นทางเดิมของตนเอง แลนเซล็อตกล่าวอำลาสวี่หลิงอวิ๋นด้วยความรักและความผูกพัน

กล่าวได้ว่าเขาไม่ได้เป็นเหมือนเดิมดั่งก่อนที่จะกลายเป็นนักแสดงแล้ว อย่างน้อยทักษะที่ร้อนแรงของเขาก็เพิ่มพูนเป็นอย่างมากจนทำให้ใบหน้าของโอคาซีบูดบึ้งไปชั่วขณะ

“หลิงอวิ๋น ถ้าท่านอยากจะออกมาพักผ่อน ท่านสามารถแวะมาที่จักรวรรดิเอเดนของเราได้เสมอ จักรวรรดิเอเดนของเรามีสถานที่ท่องเที่ยวงดงามและยังมีอาหารพิเศษมากมาย!”

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า แลนเซล็อตผู้นี้ช่างหล่อเหลาเหลือเกิน! ฮือ ๆๆ! ยิ่งมองเขามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายหล่อมากขึ้นเท่านั้น!

โอคาซีก้าวไปข้างหน้าและปิดตาของสวี่หลิงอวิ๋น ขณะจ้องมองแลนเซล็อตด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “รีบไปได้แล้วครับ!”

แลนเซล็อตกะพริบตา และลากเสียงยาว “โอ้…น่าเศร้าใจจังเลย! ยังไงซะพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมทีมที่ผ่านความยากลำบากมาด้วยกันแท้ ๆ ทำไมถึงได้ไร้ความปรานีและไร้เหตุผลแบบนี้ล่ะครับ?”

โอคาซีจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชาราวกับไม่รู้สึกสะทกสะท้าน ทว่าหญิงสาวในทีมแพทย์ทั้งหลายที่อยู่บนยานอวกาศลำนั้นกลับต้องหลั่งน้ำตาและโบกผ้าเช็ดหน้าเพื่อบอกลาอย่างไม่เต็มใจ

แลนเซล็อตเดินออกไปหลังจากหันหลังไปเพียงสามก้าวเท่านั้น ดวงตาของสวี่หลิงอวิ๋นยังคงถูกโอคาซีปิดเอาไว้อยู่ ไม่สามารถแกะออกได้

จนกระทั่งอีกฝ่ายจากไปพร้อมกับยานอวกาศที่เธอไม่สามารถเห็นได้ จากนั้นเขาจึงเปิดตาสวี่หลิงอวิ๋น

“นี่ ทำไมท่านถึงขี้หึงนักล่ะคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองโอคาซีด้วยความขุ่นเคือง

อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ

โธ่เอ๊ย แค่ผู้ชายรูปงามคนนี้จ้องมาที่เธอโดยตรง เธอจะสามารถรับมือไหวได้อย่างไร? เธอระงับอารมณ์โกรธของตนเองภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของอีกฝ่าย “ก็ได้ ก็ได้ ฉันไม่โกรธแล้วค่ะ!”

แฟนหนุ่มที่มีหน้าตางดงามล้ำเลิศแบบนี้ จะโกรธลงได้อย่างไรกันเล่า?

กลับรู้สึกกังวลแทนเมื่อเขาจ้องมองมาด้วยสายตาที่กลัวการสูญเสีย ทั้งน่ารักและน่าสงสาร

ไม่นานนักที่โอคาซีต้องสวมชุดเกราะและออกไปต่อสู้ที่แนวหน้าอีกครั้ง เนื่องจากดาวเคราะห์ดวงอื่นกำลังประสบปัญหาการถูกรุกรานจากเหล่าเอเลี่ยน เขาผู้เป็นสมาชิกตระกูลแอนดรูว์ที่มีพลังกำลังระดับ 9 ดาวจากทั่วทั้งจักรวรรดิชิงเหย้า และไม่มีความรักลึกซึ้งแบบหนุ่มสาวมายาวนานนัก ได้จูบสวี่หลิงอวิ๋นอย่างอ่อนโยน “รอผมกลับมานะครับ”

สวี่หลิงอวิ๋นโบกผ้าเช็ดหน้าเพื่อบอกลาเขา เธอจึงกลับไปที่สถาบันการศึกษาอีกครั้ง

ก่อนที่สวี่หลิงอวิ๋นจะจากไปก่อนหน้านี้ นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งทั้งหลายได้แสดงความจงรักภักดีต่อองค์หญิงสามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อเธอกลับมายังสถาบันการศึกษาอีกครั้ง จึงพบเข้ากับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งนับหมื่นกว่าคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกของสถาบันการศึกษา

พวกเขาทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียงทันทีที่พวกเขาเห็นเธอ “ทำความเคารพท่านหัวหน้า!”

เสียงดังก้องและสนั่นหวั่นไหว

เธอรู้สึกตกตะลึงจนอาการสัปหงกได้จางหายไป และแทบจะสะดุดล้มไปกองกับพื้น

สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มตาหยี ขณะจ้องมองนักเรียนทั้งหลายที่ล้อมรอบอยู่ที่บริเวณประตูทางเข้าและส่งยิ้มมาให้เธอ

“ฉันกลายไปเป็นพี่ใหญ่ของชั้นปีที่หนึ่งแล้วเหรอเนี่ย?” สวี่หลิงอวิ๋นยิ้ม

ฉินหยวนและลุค ทั้งสองคนต่างเป็นถูกรับเลือกให้เป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งหัวหน้ามาก่อน ถึงแม้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนจะไม่ได้เป็นผู้เข้าชิงแล้ว แต่สถานภาพของพวกเขาก็ยังรออยู่ข้างหน้า พวกเขาสามารถเป็นมือขวาที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายมือของหัวหน้าได้

ส่วนรุยและเบนเน็ตที่เป็นผู้ติดตามของสวี่หลิงอวิ๋นจะยืนอยู่ทางด้านขวา

นอกจากนี้ยังมีผู้ติดตามหัวหน้าจะแผนกอื่น ๆ อาทิ ไกอาที่ยืนอยู่ทั้งทางด้านซ้ายและขวาของสวี่หลิงอวิ๋น

กรรมวิธีทั้งหมดดูเรียบง่ายและเป็นทางการ

จนถึงตอนนี้ ระบบการจัดการทั้งหมดของชั้นปีที่หนึ่งก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

สวี่หลิงอวิ๋นจะกลายเป็นหัวหน้าของชั้นปีที่หนึ่งภายในปีนี้ หากใครก็ตามที่ต้องการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้ากับเธออีกครั้งจะต้องรอจนกว่าจะถึงชั้นปีที่สองเท่านั้น

“เยี่ยมไปเลย!” สวี่หลิงอวิ๋นดีดนิ้ว “พวกเรากลับกันเถอะ!”

ฉินหยวนกล่าวเตือนเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พวกเราควรไปที่หอประชุมหรือเปล่าครับ? คณบดีจะต้องมอบเหรียญตราหัวหน้าให้กับท่าน”

สวี่หลิงอวิ๋นเกาศีรษะ และรู้สึกคลางแคลงใจว่าทำไมถึงมีพิธีการมากมายขนาดนี้? รอจนกว่าฉันคนนี้จะได้เป็นคณบดีเสียก่อนเถอะ พิธีการมอบรางวัลที่น่าเบื่อเช่นนี้จะต้องถูกกำจัดออกไป

คณบดีพูลแมนรออยู่ที่หอประชุมเป็นเวลานานแล้ว พร้อมทั้งนักเรียนชั้นปีที่สอง ชั้นปีที่สาม และชั้นปีที่สี่ที่มีจำนวนรวมกันเกือบสี่หมื่นคน

นี่เป็นประเพณีประจำปี

การประลองตำแหน่งแย่งชิงหัวหน้าของชั้นปีที่หนึ่งเป็นอะไรที่วิเศษที่สุด โดยปกติแล้ว ใครก็ตามที่สามารถดำรงตำแหน่งหัวหน้าไว้ได้ตั้งแต่ปีแรกจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในอนาคต

นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งมาถึงแล้ว

สวี่หลิงอวิ๋นจะเดินเข้ามาในห้องประชุมเป็นคนแรก และตามด้วยผู้ติดตามที่มีความสามารถถึงสามสิบคน

สำหรับนักเรียนธรรมดาที่เหลือจะทยอยเดินเข้ามา และนั่งลงบนเก้าอี้ของตนเอง

กระบวนการทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบสงบ ปราศจากไร้เสียงรบกวน

“เอาล่ะ! ทุกคนทำได้ดีมาก” คณบดีพูลแมนเปิดปากพูด จ้องมองนักเรียนที่มีท่าทีเคร่งขรึมและจริงจัง ก่อนจะกล่าวคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ออกมา “การประลองแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าประจำปีได้สิ้นสุดลงแล้ว หวังว่าหัวหน้าที่พวกคุณทุกคนได้เลือกจะตรงตามที่ใจต้องการ”

“หัวหน้าคือผู้นำพาเพื่อนนักเรียนในชั้นปีเดียวกันไปสู่เส้นทางการเรียนรู้ที่ถูกต้อง เส้นทางแห่งความก้าวหน้า และเส้นทางแห่งความขยันหมั่นเพียร ผมหวังว่าพวกคุณทุกคนจะติดตามหัวหน้าของพวกคุณและก้าวสู่อนาคตอันสดใส”

“ในเมื่อตอนนี้พวกเราได้หัวหน้าประจำชั้นปีที่หนึ่งแล้ว สวี่หลิงอวิ๋น โปรดขึ้นมาบนเวทีเพื่อรับเหรียญตราตำแหน่งหัวหน้าและกล่าวอะไรสักหน่อย”

สวี่หลิงอวิ๋นหาวเล็กน้อย และเดินขึ้นไปบนแท่นรับรางวัล

คณบดีพูลแมนยิ้มขณะมอบเหรียญตราขนาดเล็กให้กับเธอ เหรียญตรานี้ดูเรียบง่าย แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด

เหรียญตรานี้มีไมโครชิปติดอยู่ที่ด้านใน ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลและตำแหน่งของนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งทุกคนได้ตลอดทุกที่ทุกเวลา

นอกจากนี้ยังมีกุญแจที่ได้รับการอนุญาตให้เปิดใช้ห้องสมุดต่าง ๆ ของทั้งวิทยาลัย เพื่อให้เธอสามารถตรวจสอบเอกสารทุกอย่างได้ตามที่เธอต้องการ

รวมทั้งใบอนุญาตการใช้ห้องฝึกซ้อมแต่ละห้อง ถัดมาจะเป็นเครื่องแต่งกายเฉพาะของหัวหน้า

เครื่องแต่งกายทั้งชุดจะเป็นสีขาวบริสุทธิ์ หัวหน้าผู้ชายจะได้เครื่องแต่งกายสีฟ้า ส่วนหัวหน้าผู้หญิงจะได้เครื่องแต่งกายสีขาว

ในประวัติศาสตร์ของสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิมีชุดของหัวหน้าที่เป็นสีขาวน้อยกว่าห้าสิบตัว

เบนเน็ตเดินตามเธอขึ้นไปบนเวทีเพื่อช่วยสวี่หลิงอวิ๋นถือเสื้อผ้า และเดินลงจากเวที

หลังจากนั้นสวี่หลิงอวิ๋นก็เริ่มพูด

คณบดีพูลแมนและคนอื่น ๆ เดินลงจากเวทีและนั่งลงที่ด้านล่างเพื่อรอดูว่าองค์หญิงสามจะโต้กลับด้วยคำพูดอย่างไร

สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองความมืดมิดที่อยู่ข้างใต้เวที และนึกถึงตอนที่เธอกำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ในชาติที่แล้ว

ในตอนนั้นเธอเป็นตัวแทนของนักเรียนดีเด่น และทุกปีเธอจะได้เป็นตัวแทนพูดในนามของนักเรียนชั้นปีเดียวกัน

ในปีหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังพูดอยู่ จู่ ๆ แตนตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและบินตรงไปหาอาจารย์ใหญ่ที่อยู่ด้านข้างเธอ อาจารย์ใหญ่รู้สึกหวาดกลัวมากจนเขาส่งเสียงร้องออกมาว่า ‘อ๊าก’ ด้วยปฏิกิริยาที่ตอบสนองอย่างกะทันหัน ทำให้เธอหยิบกระดาษต้นฉบับมาตบหน้าของอาจารย์ใหญ่ และแตนตัวใหญ่ก็ถูกจำกัดออกไปทันที

ทว่ายังคงหลงเหลือซากศพเล็ก ๆ อยู่บนใบหน้าของอาจารย์ใหญ่

ตั้งแต่นั้นมา เธอก็เป็นที่รู้จักกันดีในฉายา ‘นักฆ่าแตน’ ประจำโรงเรียน รวมถึงได้สร้างความไม่พอใจให้กับอาจารย์ใหญ่อีกด้วย

“สวัสดีทุกคน!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “ไม่คาดคิดเลยว่าฉันจะได้มายืนบนจุดนี้ หวังว่าพวกเราจะสามารถเข้ากันได้ดีหลังจากนี้นะคะ”

นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ชมยกยิ้มอย่างพึงพอใจ