บทที่ 222 มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 222 มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น

บทที่ 222 มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น

“ไม่ต้องแตกตื่น ตั้งแถว ก็แค่มอนสเตอร์เลเวลห้า” อู๋ฝานบอกกับทุกคน

“นายท่าน มอนสเตอร์เลเวลห้าหมายความว่าอะไร?” ลั่วหยางเอ่ยถามด้วยความฉงน

เจ้าตัวน้อยถามด้วยความสงสัยอย่างแรงกล้า

“ไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นมากนัก ยืนประจำตำแหน่งตามที่เคยฝึกซ้อมก็พอ” อู๋ฝานตอบกลับ “จำที่ข้าบอกก่อนหน้านี้ให้ดี พยายามโจมตีมอนสเตอร์พวกนี้จนกว่าจะถึงลมหายใจเฮือกสุดท้ายของมัน จากนั้นข้าจะจัดการต่อเอง ข้าจะเป็นคนลงมือปลิดชีพมัน เข้าใจไหม?”

อู๋ฝานมาที่นี่ครั้งนี้ นอกจากทำภารกิจที่หัวหน้าหมู่บ้านมอบหมายให้เสร็จสิ้น ก็เพื่อเตรียมเพิ่มเลเวลเสริมความแข็งแกร่งของตัวเอง หากต้องการค่าประสบการณ์ เขาก็ต้องเป็นคนลงมือปลิดชีพ ดังนั้นจึงต้องแจ้งให้ทุกคนทราบเสียก่อน

“รับทราบ นายท่าน” ทุกคนต่างตอบรับ

ขณะที่อู๋ฝานบอกกับทุกคน งูหางดอกไม้ก็อดทนรอคอยไม่ไหวอีกต่อไป มันเลื้อยเข้าหาพวกเขา เมื่อเข้าใกล้อู๋ฝานได้มากพอ มันก็หดตัวเพื่อทะยานขึ้น สุดท้ายจึงยืดตัวกลางอากาศและพุ่งเข้าหาอู๋ฝานประหนึ่งลูกธนู

“นายท่าน ระวัง!” หน่วยรักษาการณ์หมู่บ้านตะโกน

ลั่วเยวี่ยรุดเข้ามายืนหยัดตรงหน้าอู๋ฝาน นางทำแบบนี้เพราะต้องการช่วยเขาตั้งรับการโจมตีของงูหางดอกไม้

แม้ว่าเมื่อครู่อู๋ฝานจะจดจ่อกับการบอกกล่าวสมาชิกในหน่วย แต่ชายหนุ่มก็คอยระมัดระวังงูหางดอกไม้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นตอนที่มันขยับตัวหมายโจมตี เขาจึงทราบได้โดยทันที

เพียงแต่อู๋ฝานคิดไม่ถึงว่าลั่วเยวี่ยจะมายืนขวางตรงหน้าโดยไม่ลังเล งูหางดอกไม้มีพิษรุนแรง หากถูกมันฉกเข้าคงโดนพิษเล่นงาน ถึงตอนนั้นจะเป็นอย่างไรต่อก็ไม่มีผู้ใดทราบแล้ว

ชายหนุ่มไม่คิดลังเลอะไรอีก กระบี่ยาวในมือกวัดแกว่งแทงออกไป มันพุ่งเข้าใส่งูหางดอกไม้กลางอากาศอย่างแม่นยำ ก่อนร่างของมันจะกระเด็นออกไป จังหวะนี้เองที่งูหางดอกไม้อยู่ห่างจากลั่วเยวี่ยเพียงแค่สิบเมตร

หนึ่งกระบี่พุ่งเข้าหางูหางดอกไม้ อู๋ฝานทิ่มแทงอย่างแม่นยำ แต่ดูเหมือนว่างูหางดอกไม้จะไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด มันยังคงเลื้อยตรงเข้าหาเขาอีกครั้ง และครั้งนี้งูหางดอกไม้ตัวอื่นก็เริ่มบุกเข้ามาโจมตี

พวกหนิวเอ้อเห็นดังนั้นก็รีบเข้าร่วมการศึก พวกเขาต่างติดอาวุธและชุดเกราะกันครบถ้วน ทั้งยังได้เรียนวิชายอดดาบมาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการกับฝูงงูหางดอกไม้เลเวลห้า

อู๋ฝานแทงงูหางดอกไม้ตัวก่อนหน้าตายด้วยกระบี่ เขาไม่ได้รีบเร่งโจมตีงูหางดอกไม้ตัวอื่น ๆ ชายหนุ่มเพียงแค่ถอยไปรับชมภาพรวมการศึกอยู่ห่าง ๆ

ในบรรดาหน่วยรักษาการณ์ ลั่วหยางถือว่ามีกำลังรบต่ำที่สุด ขณะนี้ได้ลั่วเยวี่ยให้การสนับสนุน ส่วนคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือหนิวเอ้อ เขามีพละกำลังมากเมื่อรวมเข้ากับการเรียนรู้วิชายอดดาบ เขาจึงยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ดาบใหญ่ในมือขณะนี้ แม้แต่พยัคฆ์ก็ไม่อาจเข้าใกล้ นับประสาอะไรกับงูหางดอกไม้ที่จะเข้ามาได้ เขาฟันเพียงหนึ่งดาบก็มากพอที่จะสะบั้นงูหางดอกไม้ให้ขาดเป็นสองท่อนแล้ว

งูหางดอกไม้ขาดสะบั้นเป็นสองท่อน ทว่าไม่ได้ตายในทันที อู๋ฝานเห็นดังนั้นจึงรุดเข้าไปหาพร้อมฟาดกระบี่และปลิดชีพพวกมันเพื่อตักตวงค่าประสบการณ์

ด้านคนอื่น ๆ ศักยภาพของพวกเขาก็ไม่เลว ในช่วงแรก พวกเขายังใช้วิชายอดดาบกับการต่อสู้ได้ไม่คล่อง เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป แต่ละคนเริ่มก็ใช้งานได้คล่องตัวมากขึ้น วิชายอดดาบจึงเริ่มแสดงประสิทธิภาพของมันออกมา

แน่นอนว่าการต่อสู้ของจริงเป็นการเพิ่มประสบการณ์ที่ดีที่สุด

ในกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้ ลั่วเยวี่ยทำอู๋ฝานประหลาดใจมากกว่าใครเพื่อน

เดิมทีอู๋ฝานคิดว่านางซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงโดยกำเนิดจะเสียเปรียบในด้านพละกำลัง นางเพิ่งเข้ารับการฝึกซ้อมได้ไม่นาน อำนาจการสู้รบจึงไม่ได้ยอดเยี่ยม อาจจะอ่อนแอยิ่งกว่าลั่วหยางเสียด้วยซ้ำ

แต่มันไม่ใช่อย่างที่เขาจินตนาการ

ไม่เพียงแต่กำลังสู้รบของลั่วเยวี่ยเท่านั้นที่แข็งแกร่งกว่าลั่วหยาง เทียบกับคนอื่นใกล้เคียง กำลังรบของนางก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าพวกเขานัก ในบรรดาทหารผ่านศึกที่ติดตามอู๋ฝาน คนเดียวที่จะสามารถเอาชนะลั่วเยวี่ยได้เห็นจะมีเพียงแค่หนิวเอ้อ ส่วนคนอื่นที่เหลือเกรงว่าจะไม่อาจต่อกรกับนางได้

“หรือว่าลั่วเยวี่ยจะเป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้?” ชายหนุ่มครุ่นคิดกับตนเอง

ลั่วเยวี่ยเพิ่งได้รับการฝึกฝนไม่นาน ทั้งยังต้องฝึกซ้อมกับวิชากระบี่ที่ไม่ได้เหมาะสมกับตัวเอง ถึงอย่างนั้น พละกำลังของนางกลับเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าล้ำหน้าผู้อื่น หากมีเวลามากกว่านี้ พละกำลังของนางจะต้องก้าวข้ามหนิวเอ้อได้แน่ เพียงแต่ขณะนี้ การหาเคล็ดวิชาการต่อสู้ที่เหมาะสมเพื่อให้นางได้ฝึกฝนนั้นยากยิ่ง

การได้พบลั่วเยวี่ยไม่ต่างอะไรกับการพบสมบัติ!

ไม่แปลกหากอู๋ฝานจะยินดีอยู่ภายในใจเมื่อพบว่าตัวเองได้เจอนักรบที่ดีเข้า

เดิมทีเขาเพียงแค่รู้สึกเวทนาสองพี่น้องอย่างลั่วเยวี่ยและลั่วหยาง คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาประหลาดใจกับความสามารถของทั้งคู่

“หากมีโอกาส คงต้องหาศิลปะการต่อสู้ที่เหมาะสมให้ลั่วเยวี่ยฝึกซ้อม” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเอง

ฝูงงูหางดอกไม้ที่ทุกคนเจอครั้งนี้มีจำนวนเพียงแค่หลักสิบ การสังหารมันภายใต้วงล้อมของทุกคนจึงเสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าผู้ลงมือสังหารทั้งหมดย่อมเป็นอู๋ฝาน

งูหางดอกไม้กว่าสิบตัวหลงเหลือร่างไว้ให้พวกอู๋ฝานเพียงแค่สามเท่านั้น ด้วยวิชาชำแหละระดับมาสเตอร์ การชำแหละเอาหนัง น้ำดี และเนื้อของงูทั้งสามตัวจึงไม่ใช่เรื่องยาก

ถุงน้ำดีของงูหางดอกไม้มีพิษรุนแรง กินไม่ได้แต่ใช้ในการปรุงยาได้

อู๋ฝานไม่คิดมาก่อนว่าถุงน้ำดีของงูหางดอกไม้เป็นวัตถุดิบทำยา ทั้งยังเป็นยารักษาอาการตามืดบอดอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะขาย แต่จะเก็บไว้ใช้ปรุงยาเอง จริง ๆ เขาไม่ได้ปรุงยาด้วยตัวเองมานานแล้ว ในกระเป๋าหลังยังมีหม้อปรุงยาอยู่ ในป่าก็มีสมุนไพร หากเงื่อนไขเหมาะสม อู๋ฝานมองว่าเขาควรฝึกซ้อมวิชาปรุงยาบ้าง

หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็มุ่งหน้าไปต่อ นับได้ว่าเป็นการเข้าป่าอย่างเป็นทางการ

เพียงแต่หลังจากทุกคนเข้าป่าได้ไม่นานก็ต้องเจอกับมอนสเตอร์อีกฝูงหนึ่ง

[หนูดวงตาอสูรเลเวลเจ็ด เดิมเป็นหนูธรรมดา หลังจากติดเชื้อจากพลังงานอสูรจึงกลายเป็นมอนสเตอร์ดุร้าย ฟันและกรงเล็บแหลมคมมาก เคลื่อนที่เร็ว พลังป้องกันต่ำ มีความสามารถในการมุดดิน]

กลายเป็นว่ามันคือมอนสเตอร์เลเวลเจ็ด อู๋ฝานประหลาดใจเล็กน้อย เหมือนว่าการเข้าป่าครั้งนี้จะอันตรายกว่าครั้งที่เขามาเยือนมาก ที่นี่เป็นเพียงทางเข้าป่า ทั้งยังอยู่ในบริเวณชายขอบ ไม่ใช่ป่าลึกแต่อย่างใด ทว่าเขากลับพบมอนสเตอร์เลเวลเจ็ดเสียแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าด้านในอาจมีอันตรายที่คาดไม่ถึงรออยู่

อีกทั้งมอนสเตอร์ที่เจอครั้งนี้ก็มีความสามารถกว่าที่เคย ตามปกติแล้ว มอนสเตอร์ทั่วไปที่เลเวลน้อยกว่าสิบแทบจะไม่มีความสามารถเลยด้วยซ้ำ พวกเขาคงจัดการหนูดวงตาอสูรเหล่านี้ไม่ได้ง่าย ๆ แน่

ทุกคนต่างก็มีประสบการณ์จากการสังหารงูหางดอกไม้กันมาก่อนแล้ว เมื่อพบเข้ากับหนูดวงตาอสูรจึงตั้งระวังโดยทันที

หนูดวงตาอสูรเห็นการมาของพวกอู๋ฝานแล้วเช่นกัน เพียงแต่พวกมันไม่ได้เร่งรุดบุกเข้าหา แต่เลือกที่จะใช้กรงเล็บเร่งขุดดินที่พื้น จากนั้นใต้ท้องของมันก็ปรากฏรูขนาดเล็ก เพียงชั่ววินาที หนูเหล่านั้นก็เลือนหายไปจากทัศนการมองเห็นของหน่วยรักษาการณ์

“ระวังด้วย พวกมันไม่ได้หนีไปไหน แต่คิดโจมตีพวกเราจากใต้พื้น” อู๋ฝานย้ำเตือน

เขาทราบได้ด้วยวิชาตรวจสอบว่าพวกมันมุดดินได้ และจุดประสงค์ของการใช้ทักษะดังกล่าวต้องไม่ใช่เพื่อหลบหนีอย่างแน่นอน

ทุกคนตื่นตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของอู๋ฝาน ขณะเดียวกัน ก็เกิดความร้อนรนในใจ อย่างไรวิธีการโจมตีที่พบเจอขณะนี้ก็ค่อนข้างผิดแปลก ไม่ว่าใครต่างก็ต้องหวาดวิตกเมื่อเจอกับสิ่งที่ตนไม่รู้จักหรือไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งนั้น