บทที่ 270 คลื่นที่ถาโถม
บทที่ 270 คลื่นที่ถาโถม
อันที่จริงผู้อาวุโสจางไม่ได้โกรธเขา แค่อยากทำหน้าบูดบึ้งใส่ฉู่เหินเท่านั้น เขาอยากให้ฉู่เหินรู้ว่าคนแก่น้อยใจง่ายขนาดไหน แต่ตอนนี้เขาพอใจแล้วดังนั้นเขาเลยกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง เขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอของจากฉู่เหินเพราะฉู่เหินเป็นคนพูดเองว่าจะให้ของขวัญกับเขา
“ขอเป็นไข่มุกราตรีนะ อย่างอื่นไม่ต้องมาคุยกับ” ผู้อาวุโสจางใช้โอกาสนี้ในการแบล็กเมล์ ริมฝีปากเขายิ้มเย้ยหยัน
“จะบ้าเรอะ นี่เฮียคิดว่ามันเป็นกะหล่ำปลีหรือไง? ถ้ามีนะผมให้ได้ยันปะการังทะเลเรืองแสงไปแล้ว แต่ผมไม่มีให้จริงๆ ” ฉู่เหินพูดออกมา
“ปะการังเรืองแสง 10 อันกับหินทะเล 100 ก้อน” ผู้อาวุโสจางไม่เงยหน้าขึ้นมอง
“ปะการัง 2 ชิ้นพอ หินให้ได้ไม่อั้น”
“ปะการัง 5 ชิ้น กับหินอีก 30 ชิ้นขาดตัว”
“คิดดูดี ๆ เฮียผมให้ได้มากสุดแค่ 3 ปะการังเท่านั้นกับหินอีก 5 ก้อนนี่มากที่สุดที่ผมจะให้ได้แล้ว ห้ามต่อรองอีกเด็ดขาด”
ทั้งสองต่อราคากันไปมา ในที่สุดก็ได้ผลสรุป ผู้อาวุโสจางคิดว่าฉู่เหินไม่มีปะการังทะเลเหล่านี้มากนัก ทำให้เขาหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน เรื่องนี้ทำให้ทุกสิ่งที่ได้มาจากการต่อรองนั้นดูมีค่าขึ้นมาทันที
ถ้าผู้อาวุโสจางรู้ว่ามีปะการังเปล่งแสงหลายสิบอันในแหวนมิติฉู่เหิน น่ากลัวว่าจะต้องมีการนองเลือดเกิดขึ้นแน่ๆ
หลังจากต่อรองกันได้แล้วทั้งสองก็หัวเราะออกมา สุดท้ายแล้วพวกเขาก็นั่งลงและเริ่มพูดสารพัดสารเพกันไป ระหว่างที่พวกเขาก็นั่งดูการแข่งขัน
วันนี้มีคนไม่มากยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าหน้าที่รัฐ มีไม่กี่คนที่เคยเห็นฉู่เหินมาก่อน พอหลังจากได้พบหน้ากันแล้วทุกคนก็ทำตัวตามปกติโดยไม่มีความกระอักกระอ่วนใจ
หลังจากพวกคนป่วนพวกนี้จากไปที่นี่ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเป็นพิเศษ ฉู่เหินพาผู้อาวุโสจางไปชิมอาหารหลากหลายของแต่ละบ้านพร้อมเสียงหัวเราะ
ทั้งหมดเป็นไปได้อย่างราบรื่น กระทั่งการแข่งขันจบลงด้วยดี ในเวลานี้มีชายหญิงมากกว่า 20 คนยืนอยู่ที่ชายหาดพร้อมจะเริ่มการแข่งขันว่ายน้ำ แต่จู่ ๆ ทะเลก็บ้าคลั่งอย่างสุดๆ
คลื่นทะเลหมุนวนไปรอบๆ ทะเลที่เคยเงียบสงบตอนนี้เต็มไปด้วยคลื่นทะเลอันบ้าคลั่ง จากนั้นน้ำทะเลก็พัดเข้าท่วมชายฝั่งจนฝูงชนหนีเตลิด
ฉู่เหินมองทะเลตรงหน้าเขาก็พบว่าเหมือนกำลังจะเกิดพายุไต้ฝุ่นขึ้นพร้อมฝนที่โหมกระหน่ำ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ทะเลแสนสงบนี้จะมีคลื่นใหญ่โต แบบนี้ได้
ฉู่เหินมองไปรอบ ๆ เขาเห็นว่าเกือบทุกแห่งที่อยู่ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
“พี่เหิน เกิดอะไรขึ้นมันเหมือนทะเลกำลังบ้าคลั่งเลย” เสี่ยวชิงที่เพิ่งเดินมาถึงถามด้วยความกังวลใจ
แม้ว่าฉู่เหินจะไม่ใช่นักธรณีสมุทร แต่เขาก็มีความสามารถมาก ในมุมมองของเสี่ยวชิงไม่มีสิ่งใดที่ฉู่เหินทำไม่ได้! ฉู่เหินเองก็รู้สึกว่านี่มันผิดปกติเหมือนกัน มันจะเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผลได้งั้นเหรอ? หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับมันเสร็จ เขารีบเรียกนกคีรีบูนกลับมาและปล่อยให้มันบินไปในมหาสมุทรเพื่อตรวจหาดูสาเหตุ
ในขณะที่ฉู่เหินกำลังรอข่าวที่นี่ หวงเจี้ยนหมิงก็ถูกพาพร้อมซูวี่เหมย
“อาเหิน ฉันว่าน้ำทะเลมันมีกลิ่นแปลกๆนะ” หวงเจี้ยนหมิงถามหลังจากย่นจมูก
“ถ้านายไม่พูดฉันก็ไม่รู้จริง ๆ นะเนี่ย” หลังจากที่ฉู่เหินสัมผัสมันอย่างตั้งใจ เขาก็เริ่มได้กลิ่นประหลาดๆในทะเลจริงๆ
“นายรู้อะไรเกี่ยวกับมันไหม” ฉู่เหินมองไปยังหวงเจี้ยนหมิงด้วยความไม่มั่นใจ
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด นี่เป็นกลิ่นของเจ้าตงโกวจีหยาง” หวงเจี้ยนหมิงส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง ในเดือนนี้เจ้าเด็กเวรนั่นทดลองอะไรมากมายจนมีปัญหาตามมาไม่หยุด แถมมันยังไม่สนใจอะไรอีก จนกระทั่งถึงวันนี้เรื่องมันเริ่มใหญ่เกินไปจนแล้ว
จากนั้นฉู่เหินก็เริ่มตามหาตงโกวจีหยางทุกที่ แต่เขาก็ไม่เห็นร่องรอยของเด็กคนนั้นเลย ทำให้ฉู่เหินโกรธมากที่เด็กชายคนนั้นหมกมุ่นอยู่กับการทดลองมากเกินไป ปกติก็ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้ว แต่วันนี้มันมากเกินไป
ไม่นานนกคีรีบูนก็กลับมา หลังจากบอกทุกอย่างที่เห็น ฉู่เหินก็พบว่าสาเหตุที่แท้จริงมากจากบนเกาะในมหาสมุทรจริงๆ ดูเหมือนว่าเขาต้องไปที่เกาะเพื่อดูว่าเป็นแบบที่เขาคิดไหม มันจะไม่เป็นปัญหาเลยถ้าเด็กคนนี้ยอมเชื่อฟังดี ๆ
เมื่อเขามาถึงสถานที่อันห่างไกลและไร้ผู้คน ฉู่เหินให้นกคีรีบูนขยายร่างจนใหญ่ขึ้นจากนั้นก็พาเขาบินไปที่เกาะ ก่อนหน้านี้ระดับของนกคีรีบูนเทียบเท่ากับขั้นปราชญ์ระดับสูง นอกจากนี้แล้วในช่วงนี้ยาทั้งหลายที่ตงโกวจีหยางเป็นคนปรุงขึ้นมาก็จะได้นกคีรีบูนนี้แหละเป็นไปกินทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น
หลังจากกินเข้าไป บางครั้งมันก็นอนหลับอยู่เป็นชั่วโมง บางทีก็กลิ้งไปมาบนพื้นอย่างเจ็บปวดสุดๆ แต่เจ้านกตัวนี้ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากขนาดนั้น ถึงยานี้จะไม่มีฤทธิ์มากแต่ก็มีกลิ่นที่แรงสุดๆ
หลังจากที่ไปเยี่ยม 2-3 ครั้งฉู่เหินก็ไม่รู้ว่ามันคือยาอะไรเหมือนกัน แต่ว่าประสิทธิภาพของยาทำให้มันทะลวงเข้าสู้ขั้นเต๋าได้สำเร็จ ดังนั้นการที่มันแบกพาฉู่เหินบินข้ามทะเลไปนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายมาก
พวกเขามุ่งหน้าไปยังเกาะโดยไม่หยุดพัก หลังจากที่มาถึงแล้วชายหนุ่มก็โกรธมาก เพราะเขาเห็นใบหน้าของตงโกวจีหยางเต็มไปด้วยสีดำ ก้มหน้าก้มตาทำอะไรบา้งอย่างไม่หยุด
แต่เขาเองก็เป็นกังวลเหมือนกัน เพราะเขาไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะไม่สนใจอะไรขนาดนี้ เขามองไปยังเตาหลอมยาตรงหน้าตงโกวจีหยาง ฉู่เหินเริ่มรู้สึกผิดที่เอาตำราปรุงยาให้เด็กคนนี้ นี่มันเป็นการหาเหาใส่หัวชัดๆ
ขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้กับเตาเพื่อจะทำลายยาที่อยู่ข้างในนั้นก็มีเสียงดังขึ้นในหัวของเขา
“ค้นพบยาหมอกมัวระดับ 6 หนึ่งเม็ด ในระหว่างการต่อสู้มันสามารถสร้างหมอกควันได้ในรัศมี 100 เมตร ภายในหมอกจะไม่สามารถมองเห็นตั้งแต่ครึ่งเมตรขึ้นไป และจะไม่สามารถใช้พลังจิตเพื่อมองทะลุได้”
ฉู่เหินคิดว่าระบบของเขาจะส่งข้อความดังกล่าวออกมา มันทำให้เขาดีใจมาก ไม่ว่ายังไงมันก็คือยาระดับหก จะของอะไรก็แล้วถ้าเป็นระดับหกขึ้นไปก็คือของล้ำค่าทั้งนั้น
การที่ค้นพบยาระดับหกถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก จากนั้นฉู่เหินก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเปิดขวดยาทันที เขาจะเก็บยานั่นมาบรรจุลงในขวดหยกและเก็บเข้าไปในแหวน
ทันทีที่ยานั่นหายไปทั่วทะเลก็ตกอยู่ในความเงียบ ตงโกวจีหยางรู้ตัวว่าเขาก่อเรื่องเอาไว้ เขาจึงรีบก้มหัวท้อแท้และไม่กล้าพูดอะไรออกมา ตอนแรก
ฉู่เหินกำลังเตรียมที่จะดุด่าว่าเด็กน้อยนี้เรื่องหลอมยาและคิดจะเก็บตำราหลอมยาคือ ทว่าเขาก็ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะสามารถหลอมยาระดับหกได้ ทำให้เขาลังเลไม่กล้าพูดอะไรออกมา
เขาทำได้แค่บอกให้อีกฝ่ายต้องใส่ใจมากกว่านี้และหยุดทำเรื่องอันตรายแบบนี้ซะ มันน่ากลัวเกินไป เขาไม่ได้พูดอะไรมากนักหลังจากนั้นเขาก็นั่งนกคีรีบูนกลับไป มีเพียงแค่ตงโกวจีหยางที่ถูกทิ้งไว้ด้วยหน้าตาเสียในที่โดนดุ
หลังจากฉู่เหินกลับมาแล้วผู้อาวุโสจางก็เรียกเขา “น้องฉู่ มีสิ่งนึงที่กวนใจฉันมานาน มีพวกอาละวาดในทะเล นายจะต้องไปจัดการมัน ฉันว่านายต้องทำได้แน่ๆ!”
ผู้อาวุโสจางไม่พูดอะไรมากนอกจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในมหาสมุทร เหตุการณ์นี้ทำให้ทีมมังกรได้ส่งบุคลากรจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าไป แต่นานแล้วที่พวกเขาไม่สามารถนำตัวคนร้ายมาลงโทษได้
นี่จึงทำให้เป็นเหตุผลที่เขาต้องตามหาฉู่เหิน เพราะชายหนุ่มคนนี้เชื่อมต่อกับท้องทะเล ดังนั้นมันจึงง่ายมากที่จะให้เขาจัดการ ฉู่เหินเองก็ไม่กล้าปฏิเสธเช่นกันเพราะว่ากองกำลังที่อาละวาดในท้องทะเลทำให้เขาเริ่มโกรธแล้วเหมือนกัน