“ดูดีเลยนะ”
เสียงของผมเล็ดลอดออกมาขณะจ้องมองไปที่รูปปั้นขนาดใหญ่ตรงหน้า มันถูกตั้งไว้ที่ทางเข้า ร่างที่กล้าหาญของเอเลนอร์ซึ่งกำลังถือคันธนูในท่าทางกำลังจะยิง รูปแบบศิลปะทำได้ดีมากเมื่อรูปปั้นดึงความงามที่สมบูรณ์ของเอเลนอร์ออกมา
หลังจากชื่นชมรูปปั้นเสร็จแล้ว ผมก็หันสายตาไปทางโถงทางเข้าซึ่งสามารถมองเห็นผู้คนจำนวนมากที่เคลื่อนไหวไปมาได้
พวกเขาประกอบด้วยเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันทั้งมนุษย์, เอลฟ์, ปีศาจและแม้แต่มนุษย์สัตว์บางชนิด แต่สิ่งที่น่าสงสัยที่สุดคือพวกเขาแต่ละคนมีรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองซึ่งทำให้พวกเขาได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ ในตอนที่พวกเขาใช้ธนู เช่น ผมเห็นปีศาจผิวสีแดงคนหนึ่งที่มีแขน 4 ข้างกำลังถือคันธนูขนาดมหึมาอยู่
ในทำนองเดียวกัน ส่วนที่เหลือก็ดูเหมือนจะมีข้อได้เปรียบในตัวเอง สายตาของผมสำรวจผู้คนอย่างใจเย็น ในทางกลับกันพวกเขาก็ทำเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ผมเข้ามาในห้องบรรยากาศแปลกๆ ก็ถูกสร้างขึ้น ทุกคนแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติขณะที่พวกเขาทำหน้าที่ต่อไป แต่ผมสัมผัสได้ถึงสายตาที่กระตือรือร้นของพวกเขาที่จดจ้องมาที่ตัวเองได้
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?”
เมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาจากข้างหลัง ผมก็หันกลับไปและพบกับมนุษย์สัตว์คนหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะอายุประมาณ 20 ปี มีผมสีน้ำตาลเข้มและสีเหลือง มีหูสุนัขสองข้างยื่นออกมาจากหัวของเขา ในขณะที่หางออกมาจากชุดด้านหลังของเขา ดวงตาสีน้ำตาลที่ระแวดระวังของเขากวาดตามองผมขึ้นและลง บนหน้าอกของเขามีตราที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปคันธนู 2 อันไขว้กันอยู่ อันที่จริงทุกคนที่นี่ต่างก็มีตราสัญลักษณ์เหมือนกันหมด
แต่สิ่งที่แตกต่างคือผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าผมมีดาวสามดวงบนตราของเขา ในขณะที่ที่เหลือมี 6 หรือ 5 ดวง ผมวัดความแข็งแกร่งของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะยิ้มและพูดขึ้นมา
“ครับ ผมต้องการเข้าร่วมชมรม คุณรู้ไหมว่าผมสามารถทำเช่นนั้นได้ที่ไหนเหรอครับ?”
“นายอยากเข้าชมรมงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผมก็ประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่รอยยิ้มที่มีความสุขจะปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา ขณะผงกศีรษะเขาก็พูดอีกครั้งด้วยเสียงที่แหบพร่ากว่าเดิม
“หากนายต้องการเข้าร่วมขั้นตอนนั้นค่อนข้างง่าย แต่ว่า….”
“แต่?”
“แต่นั่นเป็นเรื่องของสมาชิกทั่วไป ด้วยพลังและตำแหน่งของนาย นายอาจได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นในชมรม ขอโทษที ช่วยรอเดี๋ยวนะ”
พูดดังนั้นแล้วเขาก็หันหลังก่อนจะเดินไปไกลหน่อยเพื่อหยิบอุปกรณ์สื่อสารและเริ่มคุยกับมัน เขาค่อนข้างรอบคอบและสร้างบาเรียรอบๆ ตัวเองในขณะที่เขาพูดคุยกับปลายสาย
การสนทนาดำเนินไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะกลับมาหาผม เขาผงกศีรษะและพูดขึ้นมา
“ออสตินโปรดตามฉันมา สำหรับนาย รองประธานและประธานของเราต้องการทดสอบนาย”
“ครับ นำทางไปเลยครับ”
ผมตอบตกลง
เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็หันหลังก่อนจะเริ่มพาผมไปยังเขตหวงห้าม ขณะที่เราเดินอยู่นั้นมีหลายคนที่มักจะหันหน้ามาทางผมก่อนที่พวกเขาจะเริ่มซุบซิบกัน เราทั้ง 2 คนไม่ได้สนใจมันในขณะที่เราเดินต่อไป ยิ่งเราเดินไปมากเท่าไหร่จำนวนคนที่มารวมกันก็น้อยลงเท่านั้น ที่นี่มานาเฉพาะในหมู่คนก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
“ว่าแต่คุณชื่ออะไรเหรอครับ?”
ผมถามเพื่อทำลายบรรยากาศที่ค่อนข้างตึงเครียดระหว่างเรา
เขาหันหน้ามาทางผมขณะที่เขาเดินและพูดต่อไป
“ฉันชื่อเฟรอกซ์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเฟรอกซ์”
หลังจากพูดจบบรรยากาศก็กลับมาเงียบลงอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าผมทำเพียงตอบกลับมาไม่กี่คำ ผมก็ไม่ได้พูดอีกต่อและทำเพียงเดินตามเขาไปเท่านั้น หลังจากผ่านไป 5 นาที เราก็มาถึงประตูที่ปิดสนิทซึ่งไม่มีคนเฝ้าอยู่แม้แต่คนเดียว เฟรอกซ์ไม่หยุดและผลักประตูเข้าไปอย่างง่ายดาย
ขณะที่เราโดนแสงแดดส่องกระทบใบหน้า ก็ปรากฎพื้นที่เปิดโล่งที่สวยงามซึ่งมีผู้ทรงพลังหลายคนกำลังฝึกยิงธนูอยู่ตรงหน้าผม
พื้นที่ทั้งหมดดูเหมือนป่าที่มีสถานที่ต่างๆ มากมายสำหรับการยิงธนู ผมเห็นสถานียิงธนูในพื้นที่เปิดด้วย นอกจากนี้ยังมีการยิงสิ่งกีดขวาง คนยิงที่น้ำตกและการฝึกอื่นๆ อีกหลายอย่าง
ทุกที่ที่อยู่ตรงหน้าผมคือสวรรค์สำหรับการฝึกยิงธนู ผมยืนมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย
เฟรอกซ์ยืนอยู่ตรงหน้าผมเพื่อรอให้ผมตามเขาอีกครั้ง ในที่สุดหลังจากนั้นไม่กี่นาทีผมก็ผงกหัวกลับไปที่เขาขณะที่พูดขึ้น
“ขอบคุณที่รอครับ เราไปกันต่อเถอะครับ”
“โอเค”
แน่นอนว่าเมื่อเราเข้าไปข้างในผมก็ได้เห็นส่วนที่เหลือ ผมรักษาความสงบเอาไว้พร้อมกับเดินในขณะที่เราเคลื่อนไปยังพื้นที่ที่มานาและลมหนาแน่นมากขึ้น พื้นที่นี้ดูเหมือนหน้าผาที่มีลมแรงพัดมาจากด้านล่าง มีช่องว่างกว้างระหว่างนั้นและเป้าหมายยืนอยู่อีกด้านของหน้าผา ระยะทางประมาณ 30 หรือ 40 เมตร
ที่ด้านข้างของหน้าผามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ขณะที่เธอเล็งคันธนูไปยังเป้าหมายที่อยู่อีกฟากหนึ่งของหน้าผา การยิงแบบนี้น่าจะยากมาก ยิ่งบวกกับลมที่พัดเข้ามา ลูกธนูดอกใดที่ผ่านไปจะถูกเบี่ยงเบนหรือถูกพัดออกไป แต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นนั้นกลับสงบนิ่งและรวบรวมสติได้
ใบหน้าที่สวยงามของเธอองอาจและสงบนิ่งขณะที่เธอเล็งคันธนูไปข้างหน้า ผมสีดำของเธอปลิวไสวไปตามสายลม แต่คันธนูที่เธอถือไม่สั่นไหว ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเพียงครั้งเดียว เธอง้างคันธนูออกกว้างขณะที่มือของเธอถือคันธนูไว้อย่างมั่นคง ความเงียบปกคลุมอยู่ครู่หนึ่งรอบๆ ขณะที่ดวงตาสีดำที่สวยงามของเธอจดจ้องไปที่เป้าหมายของคันธนู
ฟิ้ววว…..
ในที่สุดหลังจากเวลาที่ดูเหมือนชั่วนิรันดร์ ลูกธนูก็ออกไปจากคันธนู ภายในชั่วพริบตาลูกธนูก็ไปถึงใจกลางหน้าผาซึ่งมีลมพัดแรงที่สุด แรงที่อยู่เบื้องหลังลูกธนูดูเหมือนจะอ่อนลงที่นี่ แต่แทนที่จะถูกพัดออกไป วิถีของลูกธนูกลับได้รับโมเมนตัมที่แตกต่างออกไปเมื่อมันเริ่มไหลไปตามสายลม!
ลูกธนูดูเหมือนจะได้รับชีวิตของตัวเองในขณะที่มันเดินทางด้วยลม โดยใช้ความเร็วของลมเป็นเชื้อเพลิงให้กับความเร็วของมัน มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ช่ำชองเมื่อลูกธนูเคลื่อนที่ไปตามสายลม และในไม่ช้ามันก็ไปโดนเป้าหมายตรงกลางอีกด้านของหน้าผา! มันเป็นการแสดงพลัง ความแม่นยำและการควบคุมที่สวยงาม ฝีมือผู้เชี่ยวชาญในด้านการยิงธนูเท่านั้นที่ทำได้
แปะ….แปะ….แปะ
“สุดยอด!”
ในไม่ช้าคนอื่นๆ อีกหลายคนก็เริ่มปรบมือและมองดูการแสดงด้วยความทึ่ง แต่ผู้หญิงที่มีคันธนูอยู่ในมือกลับดูสงบนิ่งขณะที่เธอได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชม ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเพียงครั้งเดียว เธอเริ่มยิงอีกครั้งโดยยิงด้วยมุมและสไตล์ที่แตกต่างกัน ลูกธนูแต่ละดอกถูกยิงอย่างแม่นยำ ในที่สุดหลังจากยิงครั้งที่ 10 เธอก็หยุด
เธอหายใจออกขณะก่อนจะเริ่มเดินลงมาจากยอดหน้าผา บางคนเดินมาข้างหน้าเพื่อส่งน้ำให้ความสดชื่นแก่เธอ ผู้หญิงคนนั้นรับมันขณะที่เธอเริ่มพักผ่อน
เฟรอกซ์ที่หยุดเดินอีกครั้งเริ่มเดินไปหาผู้หญิงตรงหน้า เธอเป็นคนที่ผมรู้จักดีทีเดียว
เธอคือคาร์เมล ทไวไลท์ เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรทไวไลท์และเป้าหมายในการจีบอีกราย
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต