บทที่ 179 มีสิทธิ์อะไรได้ที่หนึ่ง

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 179 มีสิทธิ์อะไรได้ที่หนึ่ง

ตลอดเวลาลี่จุนถิงได้แต่ทำหน้าไร้อารมณ์ เขาเพิ่งเคยเข้าร่วมงานอย่างนี้เป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร อีกอย่างถ้าหากเพื่อนตัวเองมาเห็นตัวเองในสภาพนี้เข้า คงต้องถูกหัวเราะเยาะจนฟันร่วงแน่ ๆ

ลี่จุนถิงมองไปยังเจียงหยุนเอ๋อกับถวนจื่อสองแม่ลูกที่แสดงได้อย่างดีเกินคาด

เจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อร่าเริงมีชีวิตชีวามาก สองแม่ลูกร่วมมือกันเป็นอย่างดี แถมแสดงได้ถึงบทบาทมาก

ดังนั้นแม้ว่าลี่จุนถิงจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ก็ยังทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

ทุกคนต่างตั้งใจดูครอบครัวพวกเขาทำการแสดง

“หมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวนี้เป็นหมาป่าที่หล่อที่สุดในบรรดาหมาป่าทั้งหมดเลย” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจ้องลี่จุนถิงตาไม่กระพริบแล้วพูดชมเขา

“จริงด้วย จริงด้วย” มีเด็กไม่น้อยที่พยักหน้าเห็นด้วย

มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา : “ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยเห็นพ่อของถวนจื่อมาก่อน ตอนนี้ได้เห็นแล้ว ไม่นึกเลยว่าพ่อเขาจะหล่อมากขนาดนี้!”

ไม่เพียงแต่เด็ก ๆ เท่านั้น ผู้ใหญ่หลายคนก็เริ่มเอ่ยชมครอบครัวหน้าตาดีครอบครัวนี้

เลยทำให้คนอิจฉา

มีคุณแม่ยังสาวจำนวนหนึ่งเริ่มหลงใหลเขา : “พระเจ้า หล่อมากจริง ๆ ถ้าฉันยังไม่แต่งงานนะ ฉันต้องไปจีบเขาแน่นอน”

คำพูดของคุณแม่คนนี้ พูดแทนใจคุณแม่ที่อยู่ในงานทั้งหมด

คุณแม่ของเด็กทุกคนต่างเริ่มแสดงอาการหลงใหลลี่จุนถิง เริ่มจินตนาการไปเรื่อย

แต่คุณพ่อที่นั่งอยู่ข้างคุณแม่ สีหน้าบูดบึ้งเกินบรรยาย

ยังมีอะไรที่จะทำให้เสียใจและน่าโมโหเท่ากับการได้ยินภรรยาตัวเองพูดว่าถ้าหากไม่แต่งงานกับตัวเอง จะไปตามจีบผู้ชายคนอื่นอีกล่ะ แต่พวกเขาก็ยอมรับ ว่าเมื่อดูภายนอกแล้ว ลี่จุนถิงนั้นดูเหนือกว่าพวกเขามากจริง ๆ

เรียกได้ว่าไม่ทันไร ลี่จุนถิงก็มีศัตรูมากมายนับไม่ถ้วน ทำให้คุณพ่อทั้งหลายนั้นเกิดอาการอิจฉาริษยาขึ้นมา

หลังจากจบการแสดง เสียงปรบมือในงานก็ดังกึกก้อง

จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเด็กคนอื่น ๆ ขึ้นแสดงต่อ ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง การแสดงทุกอย่างก็สิ้นสุดลง

ลำดับต่อไปเป็นการโหวตให้คะแนนการแสดงทั้งหมดของวันนี้ พิธีกรหยิบคะแนนออกมาประกาศ : “ขอแสดงความยินดีกับครอบครัวของเจียงซิ่งหวี ได้รางวัลที่หนึ่งไปครอง”

เมื่อเสียงพูดเงียบลง เสียงปรบมือด้านล่างเวทีก็ดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าร้อง ผู้ปกครองจำนวนมากมองไปยังครอบครัวของถวนจื่อด้วยสายตาอิจฉา

ขณะที่เจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อกำลังดีใจกับคำอวยพรจากผู้ปกครองและเด็กคนอื่น ๆ อยู่นั้น

“ฉันไม่เห็นด้วย!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากกลุ่มคน

ผู้คนต่างพากันมองไปยังต้นเสียง สายตาสงสัยและประหลาดใจจับจ้องไปที่คนคนนั้น

เห็นเพียงหน้าตาโอหังของผู้หญิงคนหนึ่ง จ้องมองไปที่ครอบครัวเจียงหยุนเอ๋อด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ

ผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยมองออกว่านี่คือ หลี่หรูหยู้

หลี่หรูหยู้เป็นคุณนายที่มีชื่อเสียงในกลุ่มผู้ปกครอง วัน ๆ ตั้งแต่เช้ายันค่ำก็เอาแต่คอยเจ้ากี้เจ้าการนัดรวมตัวผู้ปกครองอะไรแบบนั้น อยู่ท่าทางอ้วน ๆ มองดูก็รู้ว่าเป็นพวกที่เพิ่งรวยแบบข้ามคืน

เด็กอ้วนคนนั้นที่เป็นลูกของเธอก็เรียนอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้เช่นกัน เด็กอ้วนคนนั้นเป็นพ่อคุณทูนหัวของครอบครัวนี้ ถูกตามใจจนดื้อไม่เชื่อฟังใคร

หลี่หรูหยู้เดินผ่านผู้คนไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว แล้วเอ่ยพูดต่อ : “พวกเขามีสิทธิ์อะไรได้ที่หนึ่ง? ฉันเห็นการแสดงของพวกเขาก็งั้นงั้นแหละ”

ลี่จุนถิงหรี่ตาลง มองไปยังหลี่หรูหยู้

ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่เห็นลักษณะท่าทางลี่จุนถิงก็อยากจะอ้วกแล้ว ถ้าหากให้คนนี้ได้ที่หนึ่ง งั้นคนในงานวันนี้ทั้งหมดก็คงตาบอด

คนอื่น ๆ เห็นเหตุการณ์ก็ไม่พูดอะไร เลือกที่จะเงียบไว้ เพียงแค่คอยดูว่าสุดท้ายที่หนึ่งจะตกเป็นของครอบครัวไหน

หลี่หรูหยู้ได้เดินมาถึงด้านหน้าของเจียงหยุนเอ๋อ

ท่าทางอ้วนไขมันของหลี่หรูหยู้กับลักษณะที่ผอมเพรียวอ่อนนุ่มของเจียงหยุนเอ๋อทำให้เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ช่างน่าขันเสียเหลือเกิน

ขณะนั้นเอง ที่หลี่หรูหยู้ได้เพ่งมองเจียงหยุนเอ๋อตั้งแต่หัวจรดเท้า

เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่กระพริบตา จ้องตาสู้หน้าเธอ เจียงหยุนเอ๋อคิดว่าตัวเองสมควรได้รับรางวัลที่หนึ่ง เป็นครอบครัวเขาที่ชนะ

“ฉันว่าทำไมถึงได้คุ้นหน้าเธอนัก ที่แท้ก็คนคุ้นเคยกันนี่เอง” หลี่หรูหยู้สองมือกอดอก พยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัว มองไปยังผู้ปกครองคนอื่น “พวกเธอรู้ไหมว่าหล่อนเป็นใคร?”

ผู้ปกครองต่างพากันเงยหน้ามองไปทางเจียงหยุนเอ๋อ แสดงสีหน้าสงสัย

เจียงหยุนเอ๋อได้ยินคำว่าคนคุ้นเคยก็ตกตะลึง แต่เท่าที่เธอจำได้ เธอไม่รู้จักผู้คนหญิงคนนี้นี่นา

“รู้จักเหรอ?” ลี่จุนถิงเอ่ยถามข้างหูเจียงหยุนเอ๋อ

เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัว แต่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้จงใจมาหาเรื่อง

หลี่หรูหยู้ยั่วน้ำลายทุกคนพอประมาณ ก็ชี้นิ้วไปทางเจียงหยุนเอ๋อแล้วพูดขึ้นมาเสียงดังว่า : “ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่ง ช่วงก่อนหน้านี้ถูกแฉว่าได้ลอกเลียนแบบสูตรเครื่องสำอางของบริษัทเซียวซื่อ”

ผู้ปกครองโดยรอบต่างมีสีหน้ามึนงง ไม่รู้เรื่องราว บางคนค่อนข้างสนใจเรื่องเครื่องสำอางหน่อยก็พอจะนึกออกบ้างว่าช่วงนี้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

“เหมือนจะเป็นเธอจริง ๆ ด้วย” หนึ่งในผู้ปกครองเอ่ยปาก เสียงไม่ดังไม่เบาแต่ทุกคนก็ได้ยินหมด

หลี่หรูหยู้เอามือกอดอก สีหน้ายิ้มออกมาอย่างได้ใจ

สามีของตัวเองมีความร่วมมือกับบริษัทเซียวซื่อ ช่วงนี้เป็นเพราะบริษัทเซียวซื่อมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางตัวใหม่วางจำหน่าย และได้รับความนิยมอย่างมาก เลยทำให้สามีของหลี่หรูหยู้ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย

ดังนั้นตอนนี้หลี่หรูหยู้ถึงได้กล้าพูดจาอวดดีอยู่แบบนี้

เจียงหยุนเอ๋อได้ยินที่หลี่หรูหยู้พูด สีหน้าก็ดูบึ้งตึงทันที

หลี่หรูหยู้เห็นเจียงหยุนเอ๋อพูดอะไรไม่ออก เลยพูดต่อว่า : “คนที่พฤติกรรมไม่ดีแบบนี้ ก็คงสอนลูกได้ไม่ดีแน่นอน ฉันที่ยังให้ลูกของตัวเองเรียนโรงเรียนเดียวกับลูกของหล่อน ถือว่าฉันดูถูกตัวเองเหลือเกิน”

หลี่หรูหยู้พูดพลางทำท่าทางเสียใจ ส่ายหัวไปมา

ผู้ปกครองคนอื่นที่ได้ยินอย่างนั้น ก็ตั้งสติขึ้นมาได้ มองไปยังเจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

เจียงหยุนเอ๋อถูกหลี่หรูหยู้ทำให้โกรธจนหน้าเขียว กำมัดไว้แน่น

ทุกคนพูดถึงตัวเองเรื่องลอกเลียนแบบก็เป็นแค่เรื่องซุบซิบเท่านั้น แต่ที่หลี่หรูหยู้พูดเมื่อกี้นี้ ส่งผลถึงลูกของพวกเขาด้วย คงไม่ใช่เพราะปรารถนาดีต่อตัวเองแน่นอน

เจียงหยุนเอ๋อคิ้วขมวดเป็นปม : “ฉันได้ชี้แจงไปแล้ว ว่าเรื่องนี้มีคนจงใจสร้างข่าวลือเสียหาย บริษัทเซียวซื่อเป็นฝ่ายโกงบริษัทพวกเรา ฉันกล้าสาบานต่อฟ้าดิน ว่าบริษัทพวกเราไม่ได้ลอกเลียนแบบอย่างที่พูดกัน”

“เหอะ” หลี่หรูหยู้มองด้วยสายตาดูถูก “เป็นโจรเองแต่ยังตะโกนให้จับโจร มีโจรที่ไหนจะพูดว่าตัวเองเป็นโจรบ้างล่ะ? เธอเห็นทุกคนโง่เหรอ?”

คำพูดของหลี่หรูหยู้ทำให้ผู้ปกครองบางคนเห็นด้วย รู้สึกว่าที่หลี่หรูหยู้พูดก็มีเหตุผล

เจียงหยุนเอ๋อเริ่มร้อนใจ : “เรื่องนี้กำลังตรวจสอบอยู่ ฉันหวังว่าทุกคนจะให้เวลาฉัน พวกเราต้องมีคำอธิบายให้ทุกคน และก็หวังว่าคุณนายหลี่จะระวังคำพูดของตัวเองหน่อยอย่าให้มันล้ำเส้นมากเกินไป”