บทที่ 180 เอ้อร์เป่าไปโรงเรียน

ถังหลี่ลืมเรื่องราวของเฉินเสี่ยวชุ่ยอย่างรวดเร็ว เมื่อนางกลับไปถึงบ้าน ถังหลี่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งหลังจากมื้ออาหารกลางวันนางก็เรียกเอ้อร์เป่ามาหา

“ท่านแม่” เอ้อร์เป่าเรียก

“นั่งลงก่อนเถอะ” ถังหลี่พูด

เอ้อร์เป่านั่งบนเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าถังหลี่ ท่าทีของเด็กชายราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ

“เอ้อร์เป่าของแม่อายุเท่าใดแล้ว”

“เจ็ดขวบขอรับ” เอ้อร์เป่าตอบ

“อายุเจ็ดขวบแล้ว ไปเข้าสำนักศึกษาเถิด ไปเรียนกับพี่ชายเจ้า ดีหรือไม่?” ถังหลี่ยิ้ม

สำนักศึกษาหงหยวนนั้นรับศิษย์เข้าสำนักอายุน้อยที่สุดคือเจ็ดขวบ ดังนั้นตอนนี้เอ้อร์เป่าสามารถเข้าเรียนได้แล้ว ถังหลี่เข้ามาในนวนิยายเรื่องนี้ผ่านมานานเพียงใดแล้วนะ? นางจำได้ดีกว่าในครั้งแรกที่นางเข้ามาเป็นสมาชิกสกุล เว่ย เอ้อร์เป่าสูงเพียงต้นขาของนางเท่านั้น แต่ตอนนี้สูงเกือบจะถึงไหล่นางอยู่แล้ว ความจริงแล้วเรื่องเข้าเรียนของเอ้อร์เป่าควรจัดการนานแล้ว แต่ว่าเพราะปัญหาที่เมืองฉินโจวทำให้ล่าช้าไปหลายวัน นี่คือสาเหตุที่ถังหลี่ต้องรีบร้อน

“ท่านแม่ ข้าไม่อยากเข้าสำนักศึกษา” ใบหน้าเล็ก ๆ ของเอ้อร์เป่ายับยู่

หลังจากที่พูดจบเด็กชายลอบมองไปที่มารดาเพราะกลัวว่านางจะโกรธตนเอง ผู้ใหญ่มักจะมีความคิดว่าเด็ก ๆ จะประสบความสำเร็จได้ต้องเรียนหนังสือ เด็กบ้านข้าง ๆ เอ้อร์เป่ามักจะถูกทุบตีหากเขาแอบเล่นสนุกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนที่มารดาทำโทษเขาก็พร่ำบอกว่าตนเองเสียเงินไปเท่าใดกับการศึกษาของเขา

เอ้อร์เป่ารู้ดีว่าบิดามารดารักเขามากจึงอยากส่งเขาไปเรียน

แต่เอ้อร์เป่ากลับปฏิเสธมารดาของตน….

“เอ้อร์เป่าอยากทำอะไรหรือ หากไม่เข้าไปเรียนที่สำนักศึกษา?” แต่มารดาไม่โกรธ ถามเขากลับด้วยน้ำเสียงใจดี

“ท่านแม่ ข้าอยากเดินทางไปทั่วแผ่นดินและเป็นจอมยุทธ์ผู้กล้าหาญ” เอ้อร์เป่าพูดอย่างตื่นเต้น ดวงตาของเด็กชายเต็มไปด้วยความปรารถนา

จอมยุทธ์…

ถึงหลี่คิดถึงตู้เย่ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง

ถังหลี่อยู่กับเด็กทั้งสามคนมานาน นางรู้นิสัยของพวกเขาทั้งสามคนมากที่สุด ต้าเป่ามีบุคลิกที่เงียบขรึม กล้าแสดงออก

เขาต้องการเรียนหนังสือให้สูง ในวันหน้าจะได้มีชื่อเสียงเพื่อปกป้องครอบครัวได้ ซานเป่าเป็นเด็กที่มีพละกำลังแข็งแรง จิตใจเรียบง่าย ส่วนเอ้อร์เป่านั้นเป็นเด็กที่นิสัยแปลกที่สุด เขามักมีความคิดแปลก ๆ มีวาจาคารมคมคาย ถังหลี่จึงไม่แปลกใจที่เขาพูดออกมาแบบนี้

ถังหลี่อยากให้เอ้อร์เป่ามีชีวิตที่สะดวกสบาย มีความสุข ไม่ต้องพบชะตากรรมเช่นเดียวกับในหนังสือ แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นยุคไหน สมัยใด การเรียนคือสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต การเลี้ยงดูเด็กสักคนคืองานที่ยาก อีกทั้งปราศจากตัวช่วย ประโยคที่ว่า “เรียนรู้เพื่อตัวของเจ้าเอง” มักจะเป็นคำที่พ่อแม่บอกลูก แต่ส่วนใหญ่เด็ก ๆ มักไม่มีใครเชื่อฟังคำพูดเช่นนั้นเลย

เด็กทั้งหลายล้วนมีความคิดเป็นของตนเอง โดยเฉพาะเด็กที่มากด้วยพรสวรรค์อย่างเอ้อร์เป่า

“เอ้อร์เป่าเจ้ารู้หรือไม่ว่ายอดฝีมือนั้นมีอยู่สองประเภท” ถังหลี่พูด

“สองประเภทหรือ?” เอ้อร์เป่าอยากรู้อยากเห็น

“มีความรู้และไม่มีความรู้” ถังหลี่กล่าว

“แตกต่างกันอย่างไรหรือขอรับ?” เอ้อร์เป่าสงสัยมากยิ่งขึ้น

“เมื่อยอดฝีมือเดินทางท่องไปทั่วหล้า ยามที่เขาได้ไปเยือนทะเลสาบซีหูเขาจะเอ่ยชมทะเลสาบซีหูเป็นบทกวีแฝงไว้ด้วยปรัชญาอย่างไพเราะน่าฟัง อาทิ ทะเลสาบซีหูในวันที่แดดจ้า น้ำในทะเลสาบส่องเป็นประกายพร่างพราย แม้ยามฝนตกหมอกลงหนา ทิวทัศน์เปลี่ยนไปแต่ก็ยังคงงดงาม เฉกเช่นเดียวกับสาวรุ่นยามทาแป้งชาด แม้จะหนาเพียงใดแต่มิอาจซ่อนไว้ด้วยเสน่ห์แต่เดิมได้ แต่ถ้าหากเป็นผู้กล้าที่มีแต่ฝีมือ ยามเห็นทะเลสาบคงได้แค่รำพึงรำพันว่า สวยเหลือเกิน เท่านั้น!”

เอ้อร์เป่าจินตนาการถึงฉากนั้นอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะบอกว่า

“ท่านแม่ ข้าจะไปเรียนที่สำนักศึกษาก่อนดีกว่า แล้วค่อยไปท่องใต้หล้าในวันที่ข้ามีความรู้มากมายเต็มท้องแล้ว!”

วันถัดมา

เอ้อร์เป่าแต่งตัวเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องด้วยขาสั้น ๆ ของเขา ก่อนจะเห็นเกี๊ยวน้อย ๆ ยื่นศีรษะออกมาที่ประตูเช่นกัน ซานเป่าอยู่ในชุดเสื้อคลุมกันหนาวสีชมพู เผยให้เห็นใบหน้าขาวผ่องและดวงตาดำขลับ นางแต่งตัวด้วยตัวเองจึงไม่เรียบร้อยเท่าใดนัก เอ้อร์เป่าเดินไปหาน้องสาวก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้นางใหม่

“เจ้าล้างหน้าหรือยัง?” เขาถามน้องสาว นางส่ายหน้า

เอ้อร์เป่าขอให้ป้าจ้าวนำน้ำร้อนมาจากนั้นก็จับมือนางเดินไปที่อ่าง

“คุณชายรอง ข้าทำเองเจ้าค่ะ” ป้าจ้าวพูดอย่างรีบร้อน

“ป้าจ้าว ให้ข้าดูแลน้องสาวข้าเถิด ท่านไปทำงานของท่านเถอะ” เอ้อร์เป่าดุป้าจ้าว

แม้ว่าเอ้อร์เป่าจะอายุน้อย แต่เขาก็กล้าที่จะออกคำสั่ง ป้าจ้าวเชื่อฟังเด็กชายอย่างดี นางรีบเข้าไปในห้องครัวเพื่อทำงานต่อ เอ้อร์เป่ายื่นมือไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำหมาด ๆ ซานเป่าเงยหน้าให้พี่ชายเช็ดใบหน้าให้ หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยดี

“พี่รอง ท่านจะไปที่สำนักศึกษาหรือ” ซานเป่าบีบมือตัวเองเบา ๆ อย่างหดหู่

“ใช่ พี่รองจะไปเรียนที่สำนักศึกษาจะได้เป็นจอมยุทธ์ที่มีความรู้” เอ้อร์เป่าพยักหน้า

“ถ้างั้นพี่รองก็เล่นกับข้าได้น้อยลง” ซานเป่าพึมพำ

บิดาและมารดาของพวกเขางานยุ่งมาก ทำให้ซานเป่าติดสอยห้อยตามเอ้อร์เป่า สองพี่น้องใช้ชีวิตด้วยกันทุกวัน เมื่อคิดว่าพี่รองของนางจะหายไปเหมือนพี่ใหญ่ ซานเป่าก็รู้สึกไม่ดี

เอ้อร์เป่ามองไปที่น้องสาวที่กำลังก้มหน้า เด็กชายเข้าใจทันทีว่าเหตุใดเจ้าตัวเล็กถึงดูเศร้าแบบนี้ เพราะหากเขาเข้าเรียนที่สำนักศึกษาแล้วก็จะไม่มีใครเล่นกับนาง เอ้อร์เป่าเริ่มรู้สึกลังเลที่จะจากนางไป

“งั้นพี่รองไม่เรียนแล้วดีหรือไม่?” เอ้อร์เป่ากล่าว

แม้จะรู้ว่าจอมยุทธ์ที่มีความรู้จะเป็นเรื่องดี แต่เด็กชายก็ไม่อาจปล่อยให้น้องสาวของตนต้องขมขื่นได้เช่นกัน

เด็กหญิงส่ายศีรษะ

“ไม่เอา พี่รองท่านต้องไปนะ ท่านแม่บอกว่าหากพี่เข้าไปเรียนที่สำนักศึกษาจะได้มีความรู้ พี่รองจะได้ประสบความสำเร็จ”

นางไม่เคยคิดจะให้พี่ชายละทิ้งการเรียนที่สำนักศึกษาแล้วมาอยู่ที่บ้านเพื่อเป็นเพื่อนเล่นกับนางเลย ซานเป่าแค่รู้สึกเศร้าเล็กน้อยเท่านั้น ในหัวของซานเป่ากำลังคิดเรื่องต่าง ๆ และไม่นานนักนางก็เกิดความคิดดี ๆ ขึ้น

“พี่รอง ท่านไปเรียนก่อน ข้าจะรีบโตไว ๆ แล้วไปเรียนกับท่าน จะได้เจอพี่ใหญ่กับพี่สวี่เจวี๋ย!” ซานเป่ากล่าวอย่างตื่นเต้น

เด็กหญิงนับอายุที่นางสามารถเข้าเรียนได้ด้วยนิ้วเล็ก ๆ ของตนเอง ในที่สุดก็เหลือเพียงนิ้วก้อยสองนิ้ว

สองปี

นางอยากให้เวลาสองปีผ่านไปไว ๆ

เมื่อถังหลี่ออกมาจากห้อง เขาเห็นศีรษะเล็ก ๆ อยู่ด้วยกัน หญิงสาวไม่พูดอะไร

วันนี้ถังหลี่พาเอ้อร์เป่าไปหาอาจารย์เกาที่สำนักหงหยวน หากชายชรารู้สึกพอใจในตัวของเอ้อร์เป่า เขาก็จะสามารถฝากตัวเป็นศิษย์ของสำนักได้ วันนี้ครอบครัวเว่ยกินมื้อเช้าด้วยกัน จากนั้นถังหลี่และเว่ยฉิงก็พากันเดินเคียงกัน ตรงหน้าคือเด็ก ๆ พวกเขาเดินจับมือกันไปยังสำนักหงหยวน

เมื่อถึงประตูสำนัก

“ท่านแม่ ข้าอยู่บ้านได้หรือไม่?” เอ้อร์เป่าถามพร้อมเงยหน้ามองถังหลี่

ทางสำนักจะมีเรือนพักไว้ให้ศิษย์ แต่ถ้าเป็นในกรณีพิเศษพวกศิษย์ก็จะสามารถพักอาศัยที่บ้านได้ ถังหลี่รู้ว่าเอ้อร์เป่าไม่อยากแยกจากซานเป่า ส่วนต้าเป่านั้นอยู่ที่สำนักเพื่อทุ่มเทให้กับการเรียน

“ให้แม่คุยกับอาจารย์เกาก่อน” ถังหลี่กล่าว

“ขอบคุณขอรับท่านแม่” เอ้อร์เป่ายิ้มอย่างสดใส

หูของซานเป่าขึ้นสีระเรื่อ ยามที่เด็กหญิงได้ยินว่าพี่รองของนางจะอาศัยอยู่ที่บ้านตามเดิม นางก็ยิ้มอย่างมีความสุข

ถังหลี่ย่อตัวลงก่อนจะจัดเสื้อผ้าของเอ้อร์เป่าให้เรียบร้อย

ตอนนี้เด็กชายรู้สึกไม่เป็นตัวเอง เขากำลังประหม่า

“ท่านแม่ อาจารย์เกาจะชอบข้าหรือไม่?”

“แน่นอนสิไอ้ลูกชาย!” เว่ยฉิงพูดแล้วตบบ่าเอ้อร์เป่า

“ใช่ ข้าทำได้!” ด้วยแรงสนับสนุนจากบิดา เอ้อร์เป่าก็รู้สึกมั่นใจขึ้นทันที