บทที่ 163 ห้าสุดยอดตัวเอก ประตูสวรรค์บูรพา

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 163 ห้าสุดยอดตัวเอก ประตูสวรรค์บูรพา

“นั่นคืออะไร”

“สวรรค์แหวกเปิดแล้วรึ”

“อย่าบอกนะว่ามรรคมารมาบุกรุก? ทุกคนระวัง!”

“ไม่ใช่สิ ไม่เห็นจะมีไอมารหรือไอปีศาจเลย”

“รอยแยกเส้นนี้ยาวแค่ไหนกันนะ”

บรรดาศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์แหงนหน้าขึ้นมองรอยแยกบนฟ้า พากันออกความเห็นไม่หยุด

หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ภายในถ้ำเทวาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติด้านนอก เขาแผ่จิตออกไป และมองเห็นปรากฏการณ์ประหลาดที่ทั้งตระการตาและน่าตกใจบนท้องฟ้า

หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบผู้บำเพ็ญภายในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ เรียงตามตบะระดับสูงไปหาต่ำ แต่ก็ไม่พบตัวศัตรู

เขาลุกขึ้นเดินออกจากถ้ำเทวา อู้เต้าเจี้ยนเดินตามหลังเขามาติดๆ

พวกสวินฉางอันและหยางเทียนตงต่างพากันเข้ามาใกล้

“ท่านอาจารย์ ลักษณ์สวรรค์นี่มาจากที่ใด ศัตรูจู่โจมหรือ” หยางเทียนตงเอ่ยถาม

หานเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นมองเวิ้งฟ้า หรี่ตามองไป

เขามองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

ผ่านไปไม่ทันไร รอยแยกบนฟ้าก็เลือนหายไปอีกครั้ง เวิ้งฟ้ากลับสู่สภาพปกติ งามเด่นกว้างไพศาล เสมือนว่าเหตุการณ์ประหลาดก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตา

ในเมื่อไม่ใช่ศัตรูบุกจู่โจม เช่นนั้นหานเจวี๋ยก็วางใจได้

เขายังกลัวจริงๆ ว่าวังสวรรค์จะบุกเข้ามาในเวลานี้

ด้วยตบะของเขาในตอนนี้ไหนเลยจะต้านทานแม่ทัพสวรรค์ได้ไหว

‘เทพปีศาจตนนั้น เจ้าต้องมุ่งมั่นตั้งใจต่อไปอีก’

หานเจวี๋ยครุ่นคิดเงียบๆ

จากนั้น เขาเดินมาหยุดที่ใต้ต้นฝูซัง เริ่มมองสำรวจพัฒนาการการเติบโตของต้นฝูซังและเถาน้ำเต้าพิภพเซียน

ค่อยยังชั่ว!

ต้นฝูซังในตอนนี้ใกล้จะสูงร้อยจั้งแล้ว เถาน้ำเต้าพิภพเซียนเหมือนงูตัวหนึ่งเลื้อยรัดอยู่บนลำต้นหลัก อีกาทองสองตัวต่างสร้างรังของใครของมันเสร็จสรรพ ฝึกบำเพ็ญไปอย่างสงบ

เมื่อเวลาเคลื่อนผ่าน พวกมันไม่ได้ใกล้ชิดหรือมักจะเบียดอยู่ด้วยกันตลอดเหมือนที่ผ่านมาแล้ว

สิ่งที่ควรค่าให้เอ่ยถึงคือ บางทีอาจจะเพราะอิทธิพลของไก่คุกรัตติกาล อีกาทองสองตัวจึงพลอยปากร้ายไปด้วย มักจะถากถางคนอื่น โดยเฉพาะสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกับราชามังกรสามหัว

“อาจารย์ ข้าอยากกลับไปดูจวนเซียนสวรรค์เสียหน่อย สักพักจะรีบกลับมา” ถูหลิงเอ๋อร์เดินมาหยุดข้างกายหานเจวี๋ย ก่อนเอ่ยปากอย่างระมัดระวัง

อาจารย์จะคิดว่านางคิดหนีไปหรือไม่

หานเจวี๋ยตอบรับว่า “ไปเถอะ”

สำหรับถูหลิงเอ๋อร์ เขาไม่กังวลใจเลยสักนิด

หนีก็หนีไปสิ!

เมื่อถูหลิงเอ๋อร์ได้ยินก็ถอนหายใจโล่งอกทันที กล่าวว่า “อาจารย์วางใจได้ ข้าจะรีบกลับมาโดยเร็วที่สุดแน่นอน!”

“ไม่ต้องขนาดนั้น”

ถูหลิงเอ๋อร์คิดไปว่าอาจารย์ไม่อยากให้ตนเหน็ดเหนื่อย จึงไม่ได้คิดอะไรมาก

หลังจากนางออกไป หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์และตรวจสอบกล่องจดหมาย

ผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่าแดนบำเพ็ญพรตจะสงบสุขดีหรือไม่

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x2993

[โจวฝานสหายของท่านเข้าสู่เขาห้าเซียน คารวะเทพเซียนพสุธาเป็นอาจารย์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x84333

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยูบนเส้นด้าย โชคดีมีผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านไปจากโลกมนุษย์]

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านรู้แจ้งพลังวิเศษในชาติก่อน พลังมรรคเพิ่มพูน]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านหลอมร่างอริยะอัสนีครามสำเร็จ แหวกฟ้าครามออก สะเทือนฟ้าดินเทพผีหวาดผวา]

……

โจวฝาน หวงจี๋เฮ่า ฟางเหลียง มู่หรงฉี่ และจี้เซียนเสินแต่ละคนล้วนมีมหาโชค เรียกได้ว่าห้าสุดยอดตัวเอก!

หานเจวี๋ยตรวจสอบภาพประจำตัวของฟางเหลียงครู่หนึ่ง ยังอยู่ บ่งบอกว่ายังไม่ได้จากโลกนี้ไป เพียงแค่ออกจากโลกปุถุชนแถบนี้เท่านั้น

ในช่วงหลายสิบปีที่หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญมา พวกเขาล้วนมีความเป็นเลิศของตัวเอง พานพบโอกาสวาสนาของตนเอง

หานเจวี๋ยมองดูอยู่ครู่หนึ่งก็กลับถ้ำเทวาฟ้าประทาน ตั้งหน้าฝึกบำเพ็ญต่อ

หลายเดือนต่อมา

สหายเก่าคนหนึ่งมาเยี่ยมเยียนเขา

เว่ยหยวนเจ้าสำนักเก้ามังกรเขตแก่นประจิม

สถานะที่แท้จริงของเขาคือหวงจุนเทียนเจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ

หากไม่ใช่เพราะหานเจวี๋ยให้โอกาสหวงจุนเทียน ป่านนี้หวงจุนเทียนตายไปนานแล้ว และยิ่งไม่มีทางยึดร่างเว่ยหยวน กลายเป็นเจ้าสำนักเก้ามังกรที่แข็งแกร่งกว่าลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณได้

หวงจุนเทียนมาหานักพรตเต๋าจิ่วติ่ง เปิดเผยจุดประสงค์การมาตามตรง

เขายอมแล้ว!

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งตกใจ สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็ไม่เคยพุ่งเป้าเล่นงานสำนักเก้ามังกร เหตุใดเจ้าสำนักผู้นี้ถึงยอมเสียแล้ว

หรือว่าจะประสบปัญหา?

สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตในอดีตก็สู้สำนักไร้ลักษณ์ไม่ไหว ดังนั้นจึงรวมเข้ากับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

หลังจากสนทนากันพักหนึ่ง ในที่สุดนักพรตเต๋าจิ่วติ่งก็เชื่อ สำนักเก้ามังกรต้องการรวมเข้ากับพวกเขาจริงๆ!

ด้วยความรอบคอบ นักพรตเต๋าจิ่วติ่งบอกว่าต้องหารือกับเหล่าผู้อาวุโสก่อน ให้หวงจุนเทียนอยู่เป็นแขกสักระยะหนึ่ง

หวงจุนเทียนไม่ว่าอะไร จากนั้นก็มุ่งหน้าไปเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยให้เขาเข้าจวนมา

หลังจากเข้ามาในเขาเพียรบำเพ็ญเซียน หวงจุนเทียนตกใจขวัญสะท้าน

พลังวิญญาณของที่นี่ออกจะ…

เมื่อเห็นพวกหยางเทียนตงและสวินฉางอัน ในใจของหวงจุนเทียนก็เกิดความคิดชั่ววูบอันแรงกล้าอย่างหนึ่งขึ้นมา

เขาอยากเป็นวัวเป็นม้าให้หานเจวี๋ย!

เมื่อได้เห็นหานเจวี๋ยอีกครั้ง หวงจุนเทียนตื่นเต้นมาก

เขาในตอนนี้มีตบะระดับสุญตาขั้นสอง เทียบกับหลายร้อยปีก่อนก็เพิ่งทะลวงระดับได้หนึ่งขั้น

ฝ่ายหานเจวี๋ยยิ้มถามว่า “หลายปีมานี้เป็นอย่างไรบ้าง”

ตอนแรกหวงจุนเทียนเคยช่วยชีวิตหยางเทียนตงกับสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น และบาดเจ็บสาหัสเพราะเหตุนี้ น้ำใจนี้เขาจำขึ้นใจมาโดยตลอด

หวงจุนเทียนมองเห็นรอยยิ้มของเขาก็หายประหม่าทันที เริ่มสาธยายประสบการณ์หลายปีมานี้ให้ฟัง

อู้เต้าเจี้ยนฟังเงียบๆ อยู่ด้านข้าง

หลังฟังมาค่อนวัน หานเจวี๋ยก็ถือว่าเข้าใจจุดประสงค์การมาเยือนของหวงจุนเทียนแล้ว

หวงจุนเทียนต้านแรงกดดันของสำนักเก้ามังกรไม่ไหว ไม่อยากรับหน้าที่เจ้าสำนักอีกต่อไป อยากจดจ่อกับการฝึกบำเพ็ญ

“หากเจ้าอยากย้ายมาอยู่ข้างกายข้า ก็ต้องสร้างคุณงามความดี รอจนสำนักเก้ามังกรรวมเข้ากับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์แล้ว เจ้าจงสร้างคุณูปการให้แก่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ให้มาก เมื่อเจ้ากลายเป็นผู้อาวุโสที่ศิษย์ในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เคารพเลื่อมใส ข้าจะอนุญาตให้เจ้าย้ายเข้ามา”

หานเจวี๋ยกล่าวเสียงเบา พอหวงจุนเทียนได้ยินก็ดีใจออกนอกหน้า รีบตกปากรับคำทันที

ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกสักพัก หวงจุนเทียนจึงกลับไป

หานเจวี๋ยตกเข้าสู่ภวังค์ความคิด

เมื่อพลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเข้มข้นขึ้นทุกที วันหน้าก็ยังจะดึงดูดคนมากกว่านี้เข้ามาอีก เขาจำเป็นต้องควบคุมสัดส่วนให้ดี เลี่ยงไม่ให้เขาเพียรบำเพ็ญเซียนแออัดยัดเยียด เพราะกลับจะทำให้พลังวิญญาณอ่อนลง

‘ถ้าหากดึงดูดผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่มามากกว่านี้ได้ก็ไม่เลวทีเดียว ถึงตอนนั้นข้าจะไม่ชี้แนะด้วยตัวเองอีก จะให้พวกลูกศิษย์มาทำแทน’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

เขาไม่มีเครือข่ายเส้นสายยิ่งใหญ่อะไร แต่เขาสามารถสร้างเครือข่ายเส้นสายที่ยิ่งใหญ่ได้!

ยามวานรซุนผู้แข็งแกร่งเหยียบย่างบนเส้นทางสู่ชมพูทวีป ไม่ใช่ว่าต้องอาศัยสายสัมพันธ์เหล่านั้นบนวังสวรรค์ของตน ถึงจะผ่านด่านทดสอบมาได้ตลอดทางหรอกหรือ!

แน่นอน ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่กระทบต่อการฝึกบำเพ็ญของหานเจวี๋ยด้วย

……

เหนือทะเลเมฆ อัสนีสวรรค์นับไม่ถ้วนผ่าไปยังจุดเดียวกัน ซึ่งเป็นคนผู้หนึ่ง

จี้เซียนเสิน!

จี้เซียนเสินนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ รอบกายรายล้อมด้วยสายฟ้า ผมดำทั่วศีรษะของเขาบิดเลื้อยอย่างย่ามใจราวกับฝูงงู

เขาในเวลานี้ดุจดั่งร่างอวตารเทพเซียน แผ่รัศมีอำนาจอันยิ่งใหญ่โอหังออกมา!

ไกลออกไป เงาร่างหลายสิบร่างยืนอยู่เหนือเมฆหมอกแถบหนึ่ง พวกเขาล้วนเป็นบุคคลระดับสูงของจวนเซียนสวรรค์

“ไม่อยากจะเชื่อ เขาหลอมร่างอริยะอัสนีครามสำเร็จแล้วจริงๆ!”

“นับว่าเขาอยู่เหนือบุตรแห่งสวรรค์ทุกคนในอดีตของจวนเซียนสวรรค์แล้ว ก่อนนี้ไม่เคยมีมาก่อน!”

“อานุภาพน่ากลัวยิ่งนัก เกรงว่าผู้บำเพ็ญระดับมหายานก็ยังต้านกระบวนท่าหนึ่งของเขาไม่ได้”

“ยอดผู้บำเพ็ญอันดับหนึ่งในหล้า!”

“ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเลือกสำเร็จมรรคขึ้นสู่สวรรค์ในยามไหน”

ตอนที่เหล่าคนระดับสูงของจวนเซียนสวรรค์ยังวิพากษ์วิจารณ์กันนั้น กลางเมฆอัสนีเหนือศีรษะของจี้เซียนเสินปรากฏดวงตามหึมาข้างหนึ่งขึ้นมา มองลงมาหาจี้เซียนเสิน

พร้อมกันนั้น

เหนือฟ้าอีกแถบหนึ่ง ทะเลเมฆปั่นป่วนก่อตัวเป็นพื้นเรียบ เสาหินใหญ่มโหฬารสองต้นตั้งตระหง่าน บนเสาหินแต่ละต้นมีมังกรขาวสองตัวพันรัด เบื้องล่างมีทหารสวรรค์สวมเกราะเงินยืนเรียงกันสองแถว ดูเกรียงไกรไม่ธรรมดา

ยอดเสาหินทั้งสองต้นเชื่อมต่อกับแผ่นป้ายหยกทองคำซึ่งสลักตัวอักษรใหญ่เอาไว้ว่า

ประตูสวรรค์บูรพา!

อัสนีสวรรค์สายหนึ่งพุ่งผ่านทะเลเมฆ ตรงไปทางป้ายชื่อประตูสวรรค์บูรพา

ทหารสวรรค์นายหนึ่งรีบกวัดแกว่งหอกยาวในมือ โจมตีอัสนีสวรรค์สายนั้นจนแตกกระจุย

……………………………………………………………….