The Demon Prince goes to the Academy
ตอนที่ 4
ผู้หญิงที่ฉันคุยด้วยไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชาร์ลอตต์ เดอ การ์เดียส เจ้าหญิงองค์แรกของจักรวรรดิการ์เดียส ซึ่งเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในทวีป
สมมติว่านี่เป็นสถานการณ์ทั่วไปเหล่านี้
สมมติว่าฉันเป็นนักโทษในปราสาทของราชาปีศาจและฉันก็ความจำเสื่อมจริงๆ
จากนั้นฉันก็พยายามช่วยเด็กผู้หญิงออกมาจากห้องขัง ปลอบเธอ แม้กระทั่งหาอะไรให้เธอกิน เพราะฉันสงสารเธอที่อดอยากแบบนั้น อย่างไรก็ตาม เธอกลับกลายเป็นเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิที่ถูกกองทัพราชาปีศาจจับตัวไป!
ฉันได้รับการช่วยเหลือพร้อมกับเจ้าหญิง
เอาเป็นว่าเจ้าหญิงบอกพวกเขาให้ปฏิบัติต่อฉันด้วยความเคารพอย่างที่สุด
ตามปกติคงจะบอกได้ว่านั่นโชคดีสุดๆไปเย
แต่ทว่า
ฉันเป็นปีศาจที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ด้วยเวทมนตร์อำพรางระดับต่ำ
ทำไมเรื่องราวมันถึงออกมาเป็นแบบนี้ไปได้กันนะ?
ฉันถูกนำออกจากปราสาทของราชาปีศาจด้วยความรู้สึกเหมือนกับวัวที่ถูกต้อนไปยังโรงฆ่าสัตว์ และมาถึงสถานที่ใกล้กับค่ายทหารของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทหารรักษาการณ์ กองกำลังปราบปีศาจซึ่งห่างไกลจากสนามรบ
พ่อมดและนักบวชจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามาใกล้เจ้าหญิงและดูแลทันที พวกเขายังดูแลเบื้องต้นให้กับฉันด้วย
โล่งอกไปทีที่ฉันไม่มีคุณสมบัติอันเดดใดๆ ดังนั้นเวทมนตร์การรักษาที่นักบวชร่ายใส่ฉันไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร นับว่าโชคดีที่ฉันไม่มีคุณสมบัติที่ต่อต้านอำนาจศักดิ์สิทธิ์
จริงๆฉันรู้อยู่แล้วว่านั่นจะไม่เป็นปัญหา ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่แม้แต่จะพยายามที่จะได้รับการช่วยเหลือจากฝ่ายมนุษย์
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้คนมากมายเข้ามารุมฉันเพื่อล้าง เช็ด และทำความสะอาดฉัน มันเป็นวันที่อากาศร้อน แต่ความกลัวว่าฉันอาจจะตายถ้าฉันพลาด ทำให้ฉันเอาชนะทุกสิ่งได้
ถ้าพ่อมดเสกคาถาเพื่อลบล้างคำสาปใส่ฉัน ทุกอย่างก็จะจบลง โชคดีที่กองทหารจำนวนมากเข้าตรวจค้นปราสาทของราชาปีศาจ และการดูแลเจ้าหญิง ผนวกกับมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากในหมู่กองกำลังพ่อมด
อย่างไรก็ตาม คำถามคือชาร์ลอตต์เป็นคนนิสัยดีโดยธรรมชาติหรือว่าเธอชอบฉันกันแน่?
“โปรดดูแลคนผู้นี้ เขาเป็นผู้มีพระคุณของฉัน”
ปัญหาก็คือเธอใส่ใจฉันมากเกินไป
แม้ว่าตัวเธอเองจะไร้เรี่ยวแรง แต่เธอก็คอยกำชับพวกเขาให้ดูแลฉันก่อนเสมอ ฉันคำนับหญิงสาวที่ฉันคล้องแขนไว้เมื่อไม่นานนี้
“ไม่ ไม่ ไม่เป็นไร ฝ่าบาท ฉันสบายดี ผมแข็งแรงดีแล้วจริงๆ”
จริงๆ แล้วฉันไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษเลยด้วยซ้ำ
“คุณบอกว่าคุณสูญเสียความทรงจำ อาจเพราะคุณถูกคำสาปที่รุนแรง”
“ไม่ ไม่! ฉันไม่จำเป็นต้องจำก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น”
“งั้นเหรอ….”
ไม่ ฉันรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ดี แต่คุณจะไม่ให้พื้นที่ส่วนตัวฉันหน่อยหรอ
คุณตอบแทนมากเกินไปสำหรับบิสกิตแค่ชิ้นเดียว
ในที่สุด ฉันได้รับอนุญาตให้นอนในห้องส่วนตัวข้างค่ายทหารหลังจากเกลี้ยกล่อมเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ดูแลฉันและเจ้าหญิงจนไม่ได้พัก พวกเขาใกล้จะหมดสภาพแล้ว
ก่อนอื่นเลย
ฉันรู้สึกเหมือนฉันเพิ่งหนีเสือปะจระเข้
[เควสกิจกรรมเสร็จสิ้น – ความหายนะ]
[คุณได้รับ 100 คะแนนความสำเร็จ]
ผ่านด่านแรกไปได้แล้ว..
* * *
ความเห็นใจของเจ้าหญิงต่อฉันยังคงไม่ลดลงเลย
หลังจากการปฐมพยาบาลเสร็จสิ้น เจ้าหญิงก็เรียกฉันกลับไปที่ค่ายทหาร
มีอาหารจำนวนมากวางอยู่บนโต๊ะ
“คุณก็ไม่ค่อยได้กิน มากินข้าวกันเถอะ”
“โอ้ใช่…. ใช่.”
อย่างไรก็ตาม ฉันไม่สามารถสบายใจได้เลย ตอนนี้มีสายตาหลายคู่มองมาที่ฉันมากเกินไป เจ้าหญิงจ้องมองมาที่ฉันและพยักหน้าราวกับว่าเธอเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
ดูเหมือนเธอจะคิดว่าฉันเป็นคนที่กินข้าวไม่ลงคอแม้แต่เม็ดเดียวถ้าคนมากมายมองมาที่ฉัน
เจ้าหญิงมองดูคนคุ้มกัน พ่อมด และนักบวชที่อยู่รอบๆ
“ออกไปรอข้างนอก”
“ตะ แต่ฝ่าบาท….”
“คุณไม่ได้บอกหรอว่าราชาปีศาจตายแล้ว และที่นี่ก็ปลอดภัย?”
ตามคำสั่งอันอ่อนโยนของเจ้าหญิง ทุกคนออกจากค่ายทหาร เหลือเพียงฉันและเจ้าหญิง เธอมองมาที่ฉันอย่างเงียบๆ
“รีบๆกินกันเถอะ”
“อาใช่ ใช่”
เจ้าหญิงจับขาไก่งวงย่างด้วยมือเปล่าและเริ่มกัดเข้าไป
“…….”
ดูเหมือนว่าเธอจะไล่พวกเขาออกไปเพราะเธอต้องการกินอย่างสบายใจ
“อะ…… เอ่อ.. เราจะไม่ปวดท้องเหรอ……?”
ถ้าอดอาหารนานขนาดนี้แล้วกินแบบนี้จะไม่ทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนถึงขั้นเสียชีวิตได้เหรอ?
คุณไว้ใจนักบวชข้างนอกมากไปหรือเปล่า?
“คุณก็ด้วย กินเร็ว”
ไม่มีประโยชน์ที่ถามเธอเรื่องนั้น
* * *
อาหารมื้อนี้ค่อนข้างเยอะ ฉันจึงมีเวลาคิดทบทวนในขณะที่เจ้าหญิงกำลังเคี้ยว
ในบทนำ ราชาปีศาจวาเลียร์เสียชีวิต แต่มีสถานการณ์เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น
สงครามเต็มรูปแบบระหว่างมนุษย์และอาณาจักรปีศาจที่เรียกว่าโลกปีศาจ สงครามโลกปีศาจ
โดยปกติแล้ว เนื่องจากมีสงครามเกิดขึ้น ผู้กล้าจึงกำจัดราชาปีศาจ แม้ว่าพวกเขาจะจบลงด้วยการตายไปด้วยกัน
แม้ว่าจะไม่ทราบเหตุผลเบื้องหลังของสงคราม แต่ก็เริ่มต้นขึ้นภายใต้ชื่อของปีศาจ วาเลียร์ราชาปีศาจมีกองกำลังที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อและพยายามทำให้พันธมิตรมนุษย์ยอมจำนน
วาเลียร์ใช้สายลับของเขาที่แฝงตัวอยู่ตามส่วนต่างๆ ของกองกำลังมนุษย์เพื่อลักพาตัวบุคคลสำคัญของกลุ่มพันธมิตร เขาลักพาตัวนักการเมือง กษัตริย์ นักรบที่มีอำนาจ และพ่อมดเองหรือครอบครัวของพวกเขาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าร่วมในสงคราม
และตัวประกันที่สำคัญที่สุดคือเจ้าหญิงองค์แรกของจักรวรรดิการ์เดียสและแม่ของเธอ
วาเลียร์ประสบความสำเร็จในการลักพาตัวจักรพรรดินีและเจ้าหญิง หากจักรพรรดิถอนตัวออกจากสงคราม เห็นได้ชัดว่ากองกำลังอื่น ๆ จะถอนตัวตามทีหลัง
อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิรู้ดีว่าการยอมแพ้ต่อสงครามโลกปีศาจจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ถ้าจักรวรรดิถอนตัว มนุษย์คงจะถูกทำลายไป
ในท้ายที่สุด เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้กับตัวประกันและเปิดสงครามเต็มรูปแบบ ตัวประกันทั้งหมดถูกฆ่าตาย แต่หลังจากพลิกผันหลายครั้ง เจ้าหญิงก็รอดชีวิตมาได้
มันเป็นอย่างนั้นเหรอ…?
ไม่ ฉันไม่คิดอย่างนั้น
มาลองคิดดู
เป็นนิยายที่ฉันเขียนแน่นอน แต่พูดตามตรง ฉันจำทุกประโยคไม่ได้ แต่อารัมภบทค่อนข้างน่าจดจำ ฉันใช้เวลาเขียนส่วนนั้นนานที่สุดแล้ว
เจ้าหญิงที่กินต่อหน้าฉันด้วยใบหน้าน่ารักไม่ใช่ตัวละครหลักของนิยายของฉันซึ่งเป็นบทของโรงเรียน
พูดตามตรง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอชื่อชาร์ลอตต์ เดอ การ์เดียส ไม่ใช่ว่าจำไม่ได้ แต่ไม่รู้ตั้งแต่แรก มันไม่ใช่แบบที่จำไม่ได้ แต่พอได้เห็นชื่อก็แบบว่า “อ๋อ คนนั้นนี่เองอะไรแบบนั้น”
ฉันจำชื่อเจ้าหญิงไม่ได้เลย
ลองคิดดูมากกว่านี้
สิ่งที่ฉันเขียนได้กลายเป็นจริง
ผลที่ตามมาคือส่วนที่ฉันไม่คาดคิดถูกเติมเต็ม
นี่คือโลกที่ฉันรู้จักและในขณะเดียวกันก็เป็นโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ฉันไม่รู้จักเลย
ทหารที่เฝ้าประตูด้านนอกแต่ละคนมีอดีตของตัวเอง แต่ฉันไม่รู้จักพวกเขา แม้ว่านี่คือโลกที่ฉันคิดขึ้น แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่สิ่งต่างๆจะเป็นเช่นนี้ นี่เป็นเหมือนการตั้งค่าเสมือนจริงที่กลายเป็นความจริงในทันที
ดังนั้น ในโลกนี้ย่อมมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น แม้ว่าฉันจะไม่ได้บรรยายไว้ก็ตาม และควรจะมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว มีเรื่องในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่ฉันไม่รู้
อย่างไรก็ตาม ประโยคที่ฉันเขียนจะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน
จักรพรรดิยอมละทิ้งตัวประกันและเปิดสงครามเต็มรูปแบบ การปราบปรามอาณาจักรปีศาจประสบความสำเร็จ และหากจักรพรรดิถอนตัวออกจากสงครามเพราะตัวประกัน มีความเป็นไปได้ที่จักรวรรดิจะล่มสลายได้เลยเพราะเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
นี่คือความเป็นจริง
และฉันไม่เคยเขียนอะไรเกี่ยวกับเจ้าหญิงองค์แรก ซึ่งน่าจะสำคัญสำหรับเนื้อเรื่องหลัก แน่นอนว่านี่ควรจะเป็นแค่เรื่องธรรมดาในโรงเรียน แต่ประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ก็มีการกล่าวถึงเล็กน้อยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงองค์แรกอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว แต่ฉันยังไม่เคยเขียนอะไรเกี่ยวกับเธอคนนี้เลย แม้ว่านี่อาจเป็นการอนุมานที่ผิด แต่ถ้ามีตัวละครที่มีบทบาทของเจ้าหญิงที่ถูกราชาปีศาจลักพาตัวไปล่ะ? ฉันจะไม่บังคับให้เธอเข้าสู่เนื้อเรื่องและทำให้เธอมีความสำคัญมากขึ้นเหรอ?
ต้องตัวละครสำคัญที่น่าจะปรากฏตัวในเรื่องหลักอย่างแน่นอน การเบี่ยงเบนไปจากเนื้อเรื่องหลักไม่ใช่สิ่งที่ควรเกิดขึ้น
แม้ว่าเจ้าหญิงควรจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องในภายภาคหน้า แต่เธอก็กลับไม่ปรากฏตัวอีกเลยในอนาคต
เธอเป็นเจ้าหญิงคนแรกที่รอดชีวิตจากสงครามโลกปีศาจ ถูงมั้ย?
แต่ทำไมตัวละครนี้ถึงไม่ปรากฏตัว และทำไมฉันในฐานะผู้เขียนถึงไม่มีเงื่อนงำเกี่ยวกับเธอเลย?
ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถือว่านวนิยายของฉันเป็นคำทำนาย ฉันต้องตีความงานเขียนของฉันเอง
ผู้เขียนมักจะเพิกเฉนต่อช่องว่างของเรื่องราว แต่ตอนนี้ฉันกำลังประสบกับช่องว่างดังกล่าว ตอนนี้มันเต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่ฉันไม่รู้
ฉันต้องค้นหาช่องว่างของเรื่องราวที่ถูกเติมเต็มเมื่อโลกนี้กลายเป็นความจริงและเชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับอนาคตที่ฉันรู้จัก
ฉันต้องอนุมานว่าเรื่องเล่าสองเรื่องนี้ส่งผลต่ออนาคตที่ฉันรู้อย่างไร ตอนนี้เจ้าหญิงได้รับการช่วยเหลือเช่นนี้ แต่เธอไม่ปรากฏตัวอีกในอนาคตหรือในเรื่องราวของราชวงศ์เลย
ฉันต้องหาคำตอบโดยใช้ข้อเท็จจริงสองข้อ
มีสองคำตอบที่เป็นไปได้
อันแรก
การมีอยู่ของฉันทำให้เจ้าหญิงที่ควรตายมีชีวิตขึ้นมาทันที
ไม่แปลกที่เจ้าหญิงที่เอาแต่ร้องไห้คนเดียวอาจจะปลิดชีวิตตัวเอง นอกจากนี้เธอยังขาดสารอาหารอย่างมาก อย่างไรก็ตาม นั่นสามารถแก้ไขได้ด้วยบิสกิตชิ้นเดียวหรอ? ยังไงก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่การมีอยู่ของฉันช่วยเจ้าหญิงไว้ มันต่ำมาก แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้
สอง
คำตอบที่เป็นไปได้นี้ขึ้นอยู่กับสมมติฐานว่าอาจมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นในนิยายของฉันโดยที่ฉันไม่รู้
ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์สำคัญที่ฉันเขียนจะยังคงดำเนินต่อไปตามที่ตั้งใจไว้ อาจมีเหตุผลอื่นอยู่เบื้องหลัง
สมมติว่าเหตุการณ์ A เกิดขึ้น ฉันได้เขียนคำอธิบายไว้ แต่เบื้องหลัง อาจมีปัจจัยที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงที่ทำให้เหตุการณ์ A เกิดขึ้น
สมมติว่าฉันเขียน มันเพิ่งเกิดขึ้นจากที่ไหนเลย ฉันควรทำอย่างไรในกรณีนี้? สมมติว่าเหตุผลที่เขียนขึ้นอย่างไม่รับผิดชอบเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม มันคงไม่ไร้สาระเกินไปที่จะมีเรื่องราวเบื้องหลัง ซึ่งเป็นเหตุผลให้สิ่งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โลกนี้กลายเป็นความจริง กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาจมีการแก้ไขความน่าจะเป็นบางอย่าง
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อฉันพยายามใช้ม้วนการเทเลพอร์ตเมื่อไม่นานมานี้
ฉันจึงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในโลกนี้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นี่เป็นสถานการณ์ที่แปลกมาก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะฉันเขียนเรื่องนี้อย่างขาดความรับผิดชอบและไม่ได้ใส่คำอธิบายอย่างละเอียด
นี่เป็นการลงโทษของฉันที่เขียนไม่ชัดเจนงั้นเหรอ?
ดังนั้น เว้นแต่ว่าฉันเป็นสาเหตุของการอยู่รอดของเจ้าหญิง มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น
เธอจะถูกฆ่าหรือไม่ก็จะตายในไม่ช้า
“ทำไมถึงไม่กิน”
เจ้าหญิงน้อยน่ารักถามฉันอย่างใจเย็น
* * *
แม้แต่ในเรื่องแนวชีวิตประจำวันก็ยังต้องการตัวร้าย อาจมีเรื่องราวชิวๆ ที่ไม่มีตัวร้าย แต่สิ่งเหล่านี้อยู่ในขอบเขตของผลงานชิ้นเอก การปรากฏตัวของวายร้ายทำให้กระบวนการเล่าเรื่องง่ายขึ้น ถ้าเขียนว่าคนเลวเป็นคนทำ ก็จะสามารถอธิบายสิ่งต่างๆ ได้มากมาย
ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น? ถ้ามีคนถามอะไรแบบนี้ ก็แค่อธิบายด้วยคำว่า “เพราะเขาเป็นคนเลว ฮ่าๆ”
ดังนั้นฉันจึงไม่มีทักษะพอที่จะเขียนเรื่องราวที่ไม่มีตัวร้าย
ตัวร้ายหลักของ [ราชาปีศาจตายแล้ว] คือเจ้าชาย เบอร์ทัส เดอ การ์เดียส
มีตัวร้ายยิบย่อยอยู่อีก แต่เจ้าชายแตกต่างกันเล็กน้อย สามารถบอกได้ว่าผู้ร้ายที่พบในสถาบันว่าทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเป็นเพียงตัวร้ายเกรดสอง แต่เจ้าชายนั่นเป็นเของจริง เขาเป็นคนประเภทที่วางแผนฆ่าคน ฉันให้รายละเอียดไปว่าเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป
จากมุมมองของเบอร์ทัส การมีอยู่ของเจ้าหญิงองค์แรกที่กลับมาอีกครั้งหลังจากถูกปีศาจลักพาตัวไปเป็นเพียงหนามยอกอกเขาเท่านั้น เพียงเพราะเธอได้ผ่านความยากลำบากเช่นนั้นมา เจ้าหญิงก็จะอยู่ในตำแหน่งที่ได้รับความสนใจอย่างมาก และอีกอย่างเธอเป็นเจ้าหญิงองค์แรก ดังนั้นสิทธิในการสืบทอดราชบัลลังก์ของพวกเขานั่นเท่าเทียมกัน
เบอร์ทัสคงไม่ยินดีแน่ที่รู้ว่าเจ้าหญิงองค์แรกยังมีชีวิตอยู่และยังไม่ตาย แน่นอนว่าเขาคงคิดว่าเธอตายไปแล้ว แต่เธอก็กลับรอดกลับมา
หากเป็นเช่นนั้น ก็มีโอกาสสูงที่ชาร์ลอตต์จะถูกเบอร์ทัสหรือคนของเขาฆ่าในไม่ช้า
ชาร์ลอตต์จะตายก่อนเริ่มเรื่องราวหลัก เธอจึงไม่ได้ปรากฏในเนื้อเรื่องหลัก
ชาร์ล็อตคงจะตายในไม่ช้า ความเป็นไปได้ที่เธอจะไปไม่ถึงจักรวรรดิก็ไม่น้อยเช่นกัน
ชาร์ลอตต์จะตกอยู่ในอันตราย ฉันไม่รู้ว่าเป็นอะไร ขณะที่ฉันกำลังคิดอยู่นั้น เจ้าหญิงก็ถอนหายใจเมื่อในที่สุดเธอก็อิ่ม
ฉันจะสามารถช่วยผู้หญิงคนนี้ได้มั้ยนะ?
ชีวิตของฉันเหมือนใบไม้ที่ร่วงหล่นในสายลม ดังนั้นฉันอยู่ในสถานะที่จะช่วยคนอื่นได้ด้วยหรอ?
จะดีกว่าไหมถ้าชาร์ลอตต์ตายที่นี่และพวกพ่อมดก็ละสายตาไปจากฉัน
เมื่อความคิดนั้นผ่านเข้ามาในหัวของฉัน ฉันก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที
ฉันก็เป็นคนธรรมดา นี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ แต่แค่คิดจะวางแผนเอาชีวิตรอดโดยใช้การตายของเด็กตัวเล็กๆ แบบนี้ ผมก็รู้สึกขยะแขยงตัวเองแล้ว
ชาร์ลอตต์เป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดที่สุดที่ฉันมี และเธออยู่ในสถานการณ์ที่เธอไม่รู้ว่าหัวของเธอจะถูกฆ่าเมื่อใด การมีชาร์ลอตต์อยู่ข้างฉันจะทำให้พอมีพลังอำนาจบ้าง ไม่ว่าสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นในอนาคตก็ตาม
ลองคิดแบบนั้นดู
เวลาเดียวที่เราสามารถพูดคุยได้คือตอนนี้ หลังจากทานอาหารเสร็จ ทหารก็จะกลับเข้ามา จากนั้นเราก็ไม่สามารถคุยเกี่ยวกับมันได้
ฉันจะบอกเธอยังไงดี ว่าชีวิตของเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย? ฉันจะอธิบายได้ยังไงว่าทำไมฉันถึงรู้
ชาร์ลอตต์เช็ดคราบมันออกจากมุมปากขณะที่เธอมองมาที่ฉัน
สายตาของชาร์ลอตต์ที่เคยไร้เดียงสาและบริสุทธิ์จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนจะเย็นชาลงทันใด
เมื่อฉันคิดว่าบรรยากาศรอบตัวเธอเปลี่ยนไปกะทันหัน ชาร์ลอตต์ก็พูดเสียงต่ำ
“เอาล่ะ ตั้งใจฟังให้ดี”
ท่าทางของชาร์ลอตต์จริงจังกว่าเมื่อก่อน
“ชีวิตของเราทั้งคู่กำลังตกอยู่ในอันตราย”
ชาร์ลอตต์พูดในสิ่งที่ฉันต้องการจะพูดต่อหน้าฉัน
และเธอบอกฉันว่าเราทั้งคู่กำลังตกอยู่ในอันตราย ไม่ใช่แค่เธอ ใช่มันรวมถึงฉันด้วย