ตอนที่ 357 คำนวณบัญชี ตอนที่ 358 ทำเงินได้ไม่น้อย

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 357 คำนวณบัญชี

ปรากฏว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ในนาทีถัดมา ผู้เฒ่าเหยาถอนหายใจแรง เริ่มโน้มน้าวขึ้นมา “พูดถึงหลานเสี่ยนคนนี้…เขาก็เป็นหลานชายแท้ๆ ของข้าเช่นกัน ข้าจะคิดเกี่ยวกับเขาในแง่ไม่ดีได้อย่างไรกัน แต่เมื่อไตร่ตรองอย่างละเอียด การประพฤติตนของหลานเสี่ยนในหลายปีมานี้เป็นเรื่องที่ออกจะไม่เหมาะสมจริงๆ ดีที่เด็กคนนี้ปัจจุบันเพิ่งอายุยี่สิบต้นๆ ยังพอปรับปรุงตัวได้ เราในฐานะผู้เฒ่าผู้แก่ช่วยกันอีกแรง ไม่แน่ว่าภายภาคหน้าจะเรียนรู้ในสิ่งที่ดีได้”

ซ่งเหล่าเกินอยากพูดมากๆ ว่าหลานชายคนนี้ของเขาไม่ได้เลวร้ายแต่อย่างใด

แต่ก็ไม่มีหน้าเอ่ยปากคำนั้น

ทำได้เพียงกลั้นใจเอ่ยพูด “ต้องเรียนรู้สิ่งดีๆ ได้แน่นอนอยู่แล้ว เด็กหนุ่มนี่ปัจจุบันก็ขโมยของไปครั้งเดียวเท่านั้น…”

ผู้เฒ่าเหยาเกือบกลอกตามองบนใส่อย่างเอือมระอา

หลานในปกครองและหลานนอกปกครองแตกต่างกัน ดังนั้นเขาก็ไม่กล้าต่อว่าซ่งเสี่ยนโดยตรง

“เหล่าชง ท่านคิดเยี่ยงนี้ก็ไม่ถูก เมื่อก่อนไม่ขโมยนั่นเป็นเพราะเขาต้องการอะไรท่านก็ให้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะบ้าน เงิน ไม่ขาดแคลนใดๆ ทั้งนั้น เพียงแต่เมื่อใดที่สิ่งนั้นไม่มีแล้ว เขาก็จะขโมย…” ผู้เฒ่าเหยากล่าวขึ้นอีกครั้ง

เจ้าคิดสิ เจ้าลองคิดอย่างละเอียดสิ

ซ่งเหล่าเกินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ตอนนี้เขาไม่มีบ้านแล้ว ไปทำงานลำบากตรากตรำในช่วงที่ผ่านมานี้ งานที่โรงย้อมสีนั่นคาดว่าก็คงต้องสูญเสียไปแล้วเช่นกัน” ผู้เฒ่าเหยากล่าว

“…” ซ่งเหล่าเกินเกิดความสับสนในจิตใจ

นี่หมายความว่า หลานชายเขาไม่เหลือสิ่งใดแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ก็จะ…จะเอาแต่ขโมย?

เช่นนั้นไม่ได้เชียว! ไม่ได้โดยเด็ดขาด!

แต่ไม่รู้ว่าอย่างไร ซ่งเหล่าเกินยามนี้ไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย

กระสับกระส่ายไปหมดแล้ว

“ท่านปู่ ท่านดูอย่างพี่ชายข้าแล้วก็บรรดาน้องชายทั้งหลายสิเจ้าคะ ต่างก็เป็นเด็กดีที่มีคุณธรรมสูงส่งกันทั้งนั้น” ซ่งอิงกล่าวทิ่มแทงใจ

ชายชราซ่งเกือบหยิบเอาถาดขึ้นมาเขกหัวกะโหลกนาง

ซ่งอิงคิดว่าพูดไปพอประมาณแล้ว จึงไปช่วยงานมารดานางหลังร้าน

ญาติและสหายที่มีความสัมพันธ์อันดีงามอยู่กันไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็พากันแยกย้าย รวมถึงเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่และผู้เฒ่าเหยาก็กลับกันไปแล้วเช่นกัน

แต่กิจการในร้านกลับไม่ได้เงียบเหงาลงแต่อย่างใด

วันแรกลดราคาสามส่วน ด้วยพลังแห่งการลดราคานี้ถือว่ามากทีเดียว ดังนั้นดึงดูดผู้คนมาจำนวนไม่น้อย

เพียงแต่อาหารเช้าอย่างไรเสียก็เป็นอาหารเช้า ก่อนช่วงเวลาเที่ยงวันป้ากวนก็แจ้งให้ทราบโดยทั่วว่าหยุดขายซาลาเปาและน้ำแกงแล้ว พรุ่งนี้ตอนเช้าจึงจะมีอีก

คิดไม่ถึงว่าจะมีคนจำนวนไม่น้อยเดินจากไปอย่างเสียดายมาก

ก่อนผัดอาหารกลางวัน ซ่งอิงกับบิดาคำนวณรายรับของอาหารเช้ากันหน่อย

เพราะยังอยู่ต่อหน้าซ่งเหล่าเกิน และซ่งอิงเองก็อยากให้บิดาจำแนกแยกแยะให้เห็นกันชัดๆ ซึ่งในเวลาเช่นนี้ พวกเขาทั้งสองก็ไม่อาจหลบเลี่ยงซ่งเหล่าเกินได้ ด้านหนึ่งก็เพื่อพิสูจน์ตัวเอง อีกด้านหนึ่งเพราะเกรงว่าซ่งเหล่าเกินจะคิดว่าตนเป็นคนนอก

เมื่อวานเตรียมไส้ซาลาเปาและแป้งเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และถึงขั้นห่อซาลาเปาเอาไว้แล้วหนึ่งพันลูก

เปิดการขายไปประมาณสองชั่วยาม เพราะก่อนหน้านี้มีนางและคนครอบครัวตัวเองอยู่ ดังนั้นหร่วนซื่อและป้ากวนรวมไปถึงป้าที่เป็นใบ้ล้วนอยู่หลังร้านช่วยกันห่อมันขึ้นมา พวกนางคล่องแคล่วว่องไว อีกทั้งซาลาเปานี้ขนาดใหญ่จึงห่อง่าย ตามการคำนวณของนาง พวกเขาห่อเจ็ดแปดลูกต่อนาทีได้สบายๆ

เพียงแต่ยังต้องยุ่งอยู่กับการทำเกี๊ยวอบและซาลาเปาทอดน้ำ ดังนั้นท้ายที่สุดต่อให้มีนางช่วยงาน ซาลาเปานี้รวมๆ แล้วก็ขายไปไม่ถึงห้าพันลูก ซึ่งนี่ถือเป็นของที่ห่อไว้เมื่อคืนเหล่านั้น

เกี๊ยวอบและซาลาเปาทอดค่อนข้างแพง คนจำนวนมากล้วนซื้อเอามาชิมรสชาติก่อนเท่านั้น จึงขายได้จำนวนน้อยหน่อย ประมาณหนึ่งพันหกร้อยชิ้นเห็นจะได้

แล้วยังมีน้ำแกงและโจ๊ก

“นี่เหรียญทองแดงตั้งมากมายเชียว? ทั้งหมดเป็นเงินที่ได้วันนี้หรือ” หร่วนซื่อมองกล่องขนาดใหญ่ที่ใส่เงินเอาไว้ รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย “วันนี้ยังมือไม่ว่างเลย”

เพราะไม่รู้ว่ากิจการเป็นอย่างไร จึงไม่กล้าจ้างลูกน้องหลายคน

แต่วันนี้ยุ่งมากจริงๆ นางไม่ได้หยุดมือเลยก็ว่าได้ เมื่อครู่ก็ยังมีคนมาซื้อของไปหยกๆ!

ดูจากตอนนี้ หลังจากนี้ควรจะจ้างคนอีกสักคนสองคนมาห่อซาลาเปาเป็นการเฉพาะ แต่จ้างคนเยอะ ก็ต้องจ่ายเงินค่าแรงเยอะตามไปด้วย นางยังต้องขบคิดให้มากๆ หน่อย

“เป็นเหรียญทองแดงทั้งนั้นจึงมองดูจำนวนเยอะ แต่ในความเป็นจริงก็ไม่รู้ว่าจะได้เท่าไร” ซ่งจินซานรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเช่นกัน ทุกคนเริ่มลงมือนับ

นับไปนับมา…

“หกพันหกร้อยกว่าอีแปะ?”

คนที่มาซื้อซาลาเปา ล้วนให้เหรียญทองแดงกันทั้งนั้น!

ซ่งจินซานถึงขั้นหยาดเหงื่อรินไหลลงมาจากหน้าผาก “วันนี้ลดราคาด้วย หากไม่ลดราคา? วันหนึ่งจะทำเงินได้เกือบๆ สิบตำลึงเงิน? ไม่กล้าเชื่อเลย…”

“ตางเจีย เรายังไม่ได้หักต้นทุนเลย ตุนทุนก็ไม่ใช่น้อยๆ เช่นกันนี่…” หร่วนซื่อรีบบอกกล่าว

ตอนที่ 358 ทำเงินได้ไม่น้อย

ซ่งจินซานปาดเหงื่อ “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ยังไม่ได้คำนวณต้นทุนเลย”

“อายุขนาดนี้แล้ว สถานการณ์เล็กน้อยเช่นนี้ยังไม่รู้จักสงบนิ่งเข้าไว้” ซ่งเหล่าเกินมองบนอย่างเอือมระอาใส่บุตรชายคนนี้พริบตาหนึ่ง

แน่นอนว่า ตามจริงเขาก็ตื่นตกใจเช่นกัน

แต่กิจการของบุตรชาย เขาเองก็ไม่สะดวกถามไถ่ให้มากมาย อย่างไรเสียก็แยกครอบครัวกันแล้ว

ต้นทุนก็คำนวณไม่ยากแต่อย่างใด ค่าเช่าร้านเดือนละหนึ่งร้อยอีแปะ เงินค่าแรงของป้าใบ้และป้ากวนสูงพอตัวเช่นกัน ป้าใบวันละเจ็ดสิบอีแปะ ป้ากวนวันละหนึ่งร้อยอีแปะ จำนวนนี้ซ่งอิงเป็นผู้กำหนดไว้

ยุคสมัยนี้ เป็นที่รู้ๆ กันดยทั่วไปว่าโค่าแรงผู้ชายวันหนึ่งจะได้ห้าถึงหกสิบอีแปะ นอกเสียจากอย่างลุงใหญ่ของนางที่เป็นงานประเภทอาศัยทักษะฝีมือ จึงได้เงินค่าแรงมากหน่อย ดังนั้นหนึ่งร้อยอีแปะจึงถือว่าเป็นเงินค่าแรงที่สูงอย่างแน่นอน ทั้งยังไม่รวม ‘เงินรางวัล’ ที่ซ่งอิงรับปากว่าจะให้อีกด้วย

ต้นทุนข้าวสารและแป้งสาลีอยู่ที่สองตำลึงเงินห้าร้อยอีแปะ ต้นทุนผักและเนื้อสัตว์อยู่ที่สองตำลึงเงินสองร้อยอีแปะโดยประมาณ ส่วนพวกเนื้อไก่ ผิวเต้าหู้ ผักเล็กผักน้อยและพวกเครื่องปรุง น้ำมันพืช ฟืนเป็นต้น คำนวณต้นทุนรวมๆ แล้วก็ประมาณหนึ่งตำลึงเงินกว่าๆ

กอปรกับบางส่วนที่คัดทิ้งเพราะเน่าเสีย

พอคำนวณอย่างนี้…

ต้นทุนประมาณหกตำลึงเงิน

“พอคำนวณอย่างนี้…วันหนึ่งเราก็ไม่เหลือเท่าไรเลยหรือ” หร่วนซื่อพลันตาลาย รู้สึกคล้ายเงินล่องลอยออกจากมือไปแล้ว

“นี่ยังได้น้อยไปอีกหรือ รู้จักพอหน่อยเถอะ!” ซ่งจินซานกลับถอนหายใจออกมา ร่ำรวยระเบิดระเบ้อเกินไปเขาก็ตั้งตัวไม่ทันเช่นกัน “ลดราคาไปตั้งเท่าไรกันละ! ตามจริงเราจะทำเงินได้มากกว่าสามตำลึงเงินด้วยซ้ำ!”

ซ่งเหล่าเกินพยักหน้า บุตรชายผู้นี้พูดถูก

วันแรกกิจการก็เป็นลักษณะเช่นนี้ วันถัดไปย่อมไม่แย่เช่นกันแน่นอน

หากวันหนึ่งหาเงินได้สิบยี่สิบตำลึงเงิน ก็จะชวนให้ผู้คนอิจฉาตาร้อน แต่คำนวณดูแล้วสามตำลึงเงินกว่าๆ ก็ไม่น้อยแล้วจริงๆ หากแต่ละวันล้วนทำได้เช่นนี้ เดือนหนึ่งก็จะได้หนึ่งร้อยตำลึงเงิน…

หนึ่งร้อยตำลึงเงิน?

ชายชราสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างอดไม่ได้

ทำเงินได้มากมายยิ่ง!

“ยังต้องจ่ายภาษีอีกนะเจ้าคะ” ซ่งอิงหัวเราะเบาๆ

ตระกูลซ่งหลายชั่วอายุคนทำการเพาะปลูก ดังนั้นขอเพียงร้านที่เปิดไม่ใช่ภัตตาคารใหญ่โตที่ขายสุราด้วย หรือเป็นร้านขายผ้า ขายเครื่องประดับจำพวกนี้ และรูปแบบกิจการไม่ใหญ่โต ของที่ขายทั้งหมดต้องอยู่ในเงื่อนไขที่มีกำหนดไว้ อีกทั้งมีคนเป็นผู้ค้ำประกัน เช่นนั้นก็ไม่ต้องจ่ายภาษีการค้า แต่กรณีภาษีอย่างทั่วๆ ไปยังคงต้องชำระเช่นเดิม

จะต้องหักลบออกอีกประมาณหนึ่งส่วน

“เมื่อคำนวณเช่นนี้ กิจการของตอนบ่ายพวกเราต่อให้ไม่ทำก็ยังมีรายรับที่มั่งคงได้เช่นกัน” ซ่งจินซานกล่าว

แน่นอนว่าไม่ทำไม่ได้ เพียงแค่พูดอย่างนี้เท่านั้น

“พวกเจ้ายังไม่แก่เฒ่า อาศัยช่วงเวลาที่พอหาเงินได้พยายามให้มากๆ เข้าไว้ หาเงินได้ก็รีบเอาไปซื้อที่ดินทันที ชาวชนบทครอบครัวผู้ใดบ้างเหมือนเช่นพวกเจ้า ไม่มีที่ดินในมือสักหมู่” ซ่งเหล่าเกินไม่พอใจในประเด็นนี้อย่างจริงจัง

แม้ว่าตนไม่ได้แบ่งที่ดินให้พวกเขา แต่…ในมือไม่มีเงินจะซื้อเป็นของตัวเองเลยหรือ!

“ต้องซื้อที่ดินแน่ขอรับ นานวันเข้าหากยังไม่มีที่ดิน เบื้องบนจัดแบ่งพวกเราไปอยู่ในส่วนพ่อค้าแล้วจะทำอย่างไร และลูกสวินก็ยังต้องสอบเรียนอีกด้วย!” ซ่งจินซานพยักหน้าตอบรับทันใด

คนที่ไม่มีที่ดิน ก็ต้องลงทะเบียนทำงานเช่นกัน

ไม่มีงานทำ เวลานานวันเข้าต้องไปลงทะเบียนด้วยตนเอง ณ ที่ทำการขุนนางกลายเป็นคนว่างงาน หากมีงานทำ เช่นเปิดร้านค้า ก็จะจัดอยู่ในระดับครอบครัวพ่อค้า หากไม่ไปลงทะเบียนก็ได้เช่นกัน แต่เมื่อถูกคนนำไปฟ้องร้องก็จะถูกปรับเป็นเงิน

แต่ซ่งจินซานไร้ที่ดินเป็นเวลาไม่นานนัก จึงยังไม่ต้องกังวลใจในส่วนนี้เป็นการชั่วคราว

“นี่ก็กินเวลาไปนานมากแล้ว ข้าไปผัดกับข้าวก่อนละ!” หร่วนซื่อกระตือรือร้นอย่างยิ่ง

เมื่อมีเงินเป็นตัวผลักดัน ชีวิตจึงมีแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้า

ซ่งจินซานไปช่วยหุงข้าวเช่นกัน

อาหารตอนบ่าย ซ่งอิงดัดแปลงมาจากอาหารยอดนิยมในภพชาติก่อน ซึ่งอาหารทั้งหมดจะตระเตรียมเอาไว้อย่างพร้อมรับประทาน ผัดผักอย่างละสองอีแปะ ส่วนกับข้าวที่เป็นเนื้อสัตว์อย่างละสามอีแปะ เลือกได้ตามสบาย

โดยมีรายการอาหารดังต่อไปนี้ ผัดมันฝรั่งเส้น มันฝรั่งตุ๋นไก่ ขึ้นฉ่ายผัดกุ้งฝอย หมูบะช่อทรงเครื่องคู่ผักกวางตุ้งลวก ผัดแตงกวาซอย ผัดไก่เม็ดมะม่วงหิมมะพาน ผัดตับหมู ต้นหอมผัดไข่ เฮาจื่อ ถั่วแขกและเต้าหู้…

อาหารแต่ละอย่างล้วนใส่เอาไว้พูนๆ หนึ่งหม้อเหล็กทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่

เว้นไปสักระยะหนึ่ง ก็นำไปอุ่นร้อนได้

ซ่งอิงคิดว่า วันมะรืนจะจ้างคนมาทำเตาขนาดใหญ่สักสองเตาเอาไว้ส่วนหน้าร้าน เช่นนี้จะได้ไม่ต้องยกอาหารไปหลังร้านเพื่ออุ่นร้อน ช่วยให้ได้สะดวกสบายมากขึ้นหน่อย

ความคิดนี้มีอยู่แต่แรกแล้ว เพียงแต่หร่วนซื่อและซ่งจินซานคิดว่าเปลืองเงิน จึงยังไม่ดำเนินการมาถึงขั้นนี้

ตอนนี้น่าจะทำเงินได้ไม่น้อย สมควรจะลงทุนเพิ่มเติมได้อย่างสบายใจ