เล่ม 1 ตอนที่ 66 หยั่งเชิง

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 66 หยั่งเชิง

แม้แต่ขันทีหลิวยังรู้สึกว่าหญิงชาวบ้านร้องเพลงได้ดี แม้ไม่ค่อยเข้าใจเนื้อเพลง ไม่คุ้นเคยท่วงทำนองนี้ แต่รู้สึกว่ามันบริสุทธิ์ มีชีวิตชีวา ได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนได้รับการชำระล้างจิตวิญญาณ

เขาเป็นขันทีมาหลายปีแล้ว ถึงไม่กล้าคุยโวเรื่องอื่น แต่เขาเคยเห็นนักร้องมามากมาย มิใช่ว่าไม่มีคนเสียงดีกว่าหญิงชาวบ้านนางนี้ ทว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่อาจถ่ายทอดความรู้สึกอันบริสุทธิ์เช่นนี้ออกมาได้

ครั้นหันไปมองท่านอ๋อง เขาเองก็กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์เพราะถูกดึงดูดด้วยเสียงเพลงเช่นกัน

ความจริงขันทีหลิวคิดผิด จริงอยู่ว่ายิ่นอ๋องถูกดึงดูดด้วยเสียงเพลง แต่ที่ตกอยู่ในภวังค์ไม่ใช่เพราะน้ำเสียงอันไพเราะของอีกฝ่าย แต่เพราะเขาไม่อยากเชื่อความจริงที่เห็นอยู่ตรงหน้า อดีตบุตรีผู้ถูกพะเน้าพะนอตามใจในจวนเอินปั๋ว ต้องมาใช้แรงงานเฉกเช่นหญิงสาวชาวนาคนหนึ่ง แล้วดูเหมือนจะ…มีความสุขยิ่งนัก

“ใช่นางแน่หรือ” ขันทีหลิวกระซิบถามอู๋ต้าจิน

อู๋ต้าจินขบกรามแน่น “ถึงนางจะกลายเป็นเถ้าถ่านข้าก็จำนางได้! ใช่นางแน่ขอรับ!”

ขันทีหลิวไม่สามารถโยงคนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเช่นนี้กับฆาตกรอำมหิตเข้าด้วยกันได้จริงๆ จึงถามเจ้านายของเขาว่า “นายท่าน ให้บ่าวไปพบนางหรือไม่”

ยิ่นอ๋องยกมือขึ้น “ช้าก่อน”

บางทีอาจเป็นเพียงคนหน้าตาคล้ายกัน ถึงอย่างไรนอกจากใบหน้าที่ดูเหมือนเฉียวเวยแล้วก็ไม่มีสิ่งใดเหมือนกันเลย

เฉียวเวยเชี่ยวชาญทั้งพิณหมากภาพอักษร ขี่ม้า ยิงธนู มารยาทและดนตรี เพียงสิ่งเดียวที่นางไม่รู้คือจะเลี้ยงดูตัวเองได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการพนันหรือวรยุทธ์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่อยู่เกินเอื้อมสำหรับนาง นางเป็นดั่งดอกฝอยไหมเกาะเกี่ยวไปตามสิ่งยึดเหนี่ยว งดงามแต่มิอาจยืนหยัดด้วยตัวเอง

ใครก็ตามที่เคยเห็นเฉียวเวย จะไม่มีวันเชื่อว่านางสามารถค้อมกายอันสูงส่งของนางลงไปทำงานในทุ่งนาดังเช่นชาวนายากจนที่นางดูแคลนมาตลอด

ขณะที่เฉียวเวยกำลังพรวนดิน จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนกำลังมองตนเองอยู่ จึงรีบหันไปมองอีกฝ่ายทันที นางเห็นคุณชายผู้สวมอาภรณ์สีน้ำเงินยืนอยู่บนคันนา เขามีรูปร่างสูงใหญ่ ท่วงท่าสง่างามราวกับมีกลิ่นอายสูงศักดิ์แผ่ออกมารอบกาย แลดูไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป

เนื่องจากอยู่ไกลเกินไป เฉียวเวยจึงมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่รู้สึกว่าดวงตาของเขาเย็นชาผิดปกติ ยามมองมาชวนให้รู้สึกเย็นยะเยือก

แปลกจริง ขุนนางสูงศักดิ์เช่นนั้นเหตุใดจึงมาเยือนชนบทห่างไกลแห่งนี้ได้ แล้วยังเอาแต่จ้องนางอีก

แววตาของเฉียวเวยวูบไหว นางวางจอบลงแล้วกำมีดสั้นในเสื้อแขนกว้างอย่างเงียบเชียบ จากนั้นจึงเดินไปหาอีกฝ่าย

เมื่อเห็นนางเดินเข้ามา อู๋ต้าจินก็หมอบลงและซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ ตอนนี้เขากลัวผู้หญิงคนนี้อย่างสมบูรณ์ เห็นนางเหมือนเห็นศัตรูตามธรรมชาติ อยากจะขุดหลุมแล้วเอาตัวเองไปซ่อนข้างใน!

ขันทีหลิวถลึงตามองอู๋ต้าจิน เขาก้าวไปข้างหน้าและปกป้องเจ้านายให้อยู่เบื้องหลัง

เฉียวเวยมองการกระทำของเขาอย่างขบขัน พลางคิดในใจว่า ข้าเป็นสตรี เจ้าสองคนเป็นบุรุษตัวใหญ่โต คนที่ควรกลัวน่าจะเป็นผู้ใดมากกว่ากัน

เมื่อเข้าไปใกล้ เฉียวเวยก็มองเห็นใบหน้าของบุรุษผู้นั้นชัดเจน เขาราวกับมนุษย์น้ำแข็งรูปงามผู้เย็นชาสุดจะพรรณนา ทุกรูขุมขนดูเหมือนจะปล่อยไอเย็นออกมา ทว่าใบหน้าคมคายนั่นกลับงดงามดั่งภาพวาด งามประหนึ่งหยกแกะสลัก

“ข้าเคยเจอท่านที่ใดมาก่อนหรือไม่” เฉียวเวยมองชายคนนั้นอย่างสงสัย

เจ้านายของเขายังไม่เคยถูกสตรีคนใดลวนลามด้วยสายตาอย่างเปิดเผยเช่นนี้มาก่อน ขันทีหลิวโกรธทันที “บังอาจ! กล้าดีอย่างไรมาไร้มารยาทกับนายท่านของข้า!”

เฉียวเวยจ้องขันทีหลิว “แค่มองเองไม่ใช่หรือ จะไร้มารยาทได้อย่างไร พวกท่านก็มองข้าอยู่ตั้งนาน ข้ายังไม่ว่าพวกท่านกำเริบเสิบสานแทะโลมข้าเลย!”

“เจ้า เจ้าว่าใครกำเริบ” เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนตรงหน้าเจ้าเป็นใคร เขาเป็นถึงโอรสของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน องค์ชายเจ็ดยิ่นอ๋อง! เขามองเจ้าจะเป็นไรไป ต่อให้เจ้าต้องตาเขาก็นับว่าเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว!”

ทว่าเฉียวเวยชำนาญการยั่วโมโหคนให้เต้นผางเป็นที่สุด นางเลิกคิ้วขึ้นและพูดอย่างไม่อีนังขังขอบว่า “ไม่ได้ยินหรือ ท่านหูหนวกหรืออย่างไร”

“เจ้า…” ขันทีหลิวถูกยอกย้อนจนมุมปากกระตุก

ยิ่นอ๋องส่งสายตาเป็นสัญญาณ ขันทีหลิวจึงถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง ยิ่นอ๋องกะพริบตามองสตรีที่อยู่เบื้องหน้าเขาครู่หนึ่ง “เจ้าบอกว่าเจ้า…เคยพบข้า?”

เฉียวเวยขมวดคิ้วครุ่นคิด “คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง”

แต่น่าจะไม่เคยเห็น เพราะผู้ชายที่หล่อขนาดนี้ เห็นครั้งเดียวก็จำได้ตลอดชีวิต จะลืมได้เช่นไร

ยิ่นอ๋องมองนางนิ่งๆ ราวกับจะว่ากำลังพิจารณาว่านางพูดจริงหรือเท็จ

เฉียวเวยปัดฝุ่นบนมือ “เมื่อครู่พวกท่านเอาแต่มองข้า มาหาข้ามีธุระอันใดหรือ”

ขันทีหลิว “เรา…”

“ผ่านทางมา อยากมาขอน้ำดื่มจากแม่นาง”

ยิ่นอ๋องขัดจังหวะคำพูดของขันทีหลิว ขันทีหลิวหดคออย่างขุ่นเคือง

เฉียวเวยกวาดตามองชายคนนั้นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วเชิดคางขึ้นยิ้มหยัน “น้ำแร่ของบ้านข้าเป็นน้ำแร่จากเขา หาดื่มจากที่อื่นไม่ได้ ราคาถ้วยละหนึ่งตำลึง ห้ามต่อรอง”

ขันทีหลิวตกตะลึง “เจ้า…”

“ตกลง” ยิ่นอ๋องตอบรับเนิบๆ สายตาคอยจับสังเกตใบหน้าของนางตลอด ไม่ปล่อยสีหน้าท่าทางใดๆ ของนางให้เล็ดรอดจากสายตา

สายตาของเขาชวนให้รู้สึกถูกคุกคามจนทำให้เฉียวเวยอึดอัด เฉียวเวยหันมามองเขา “ข้ารู้ว่าตัวเองสวย แต่ท่านหยุดจ้องข้าได้หรือไม่ มันอาจทำให้ข้าเข้าใจผิดว่าท่านคิดมิดีมิร้ายกับข้า”

ขันทีหลิวโกรธแทบตาย เจ้านายของข้าเป็นถึงองค์ชาย จะคิดมิดีมิร้ายกับ ‘หญิงม่ายใกล้โรยรา’ อย่างเจ้ากระนั้นหรือ

บนหน้ายังมียางอายอยู่หรือไม่!

เฉียวเวยเหมือนจะอ่านใจเขาออก นางจิ้มลักยิ้มบนแก้มของตนเอง แล้วยิ้มอย่างซุกซน “อยู่นี่อย่างไรเล่า”

ขันทีหลิวเกือบล้มคะมำ!

ยิ่นอ๋องมองเฉียวเวยที่เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวขมวดคิ้วด้วยสีหน้าซับซ้อน

เฉียวเวยถือจอบขึ้นมา จากนั้นพาทั้งสองไปที่เรือน ระหว่างเดินผ่านต้นไม้ใหญ่ อู๋ต้าจินซ่อนตัวประหนึ่งเป็นคนตาย หลังจากที่ทั้งสามคนเดินจากไปแล้ว เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขาไม่มีพรรคชิงหลงแล้ว วิทยายุทธ์ก็ถูกทำลายหมดแล้ว ประโยชน์สุดท้ายคือช่วยท่านอ๋องหาตัวฆาตกร ทว่าร่อยรอยก็หายไปแล้ว ขืนอยู่ต่อคงไม่เกิดผลดี ทางที่ดีควรรีบหนีเสียดีกว่า!

ขณะที่เฉียวเวยนำทาง นางก็เดินพร้อมกับปรายหางตาระวังทั้งสองคนไปด้วย จนกระทั่งเดินเข้าไปในลานบ้าน นางก็ยังไม่ปล่อยมีดสั้นในมือ

ลานบ้านสะอาดสะอ้าน ราวกับมีคนทำความสะอาดโดยเฉพาะ คุณหนูใหญ่เฉียวทำความสะอาดเองไม่เป็น นางชอบความสะอาด แต่มักเป็นคนอื่นที่ทำความสะอาดให้ ตัวนางเองยังจัดตู้เสื้อผ้าไม่เป็นด้วยซ้ำ

“เจ้าทำความสะอาดเองหรือ” ยิ่นอ๋องถาม

เฉียวเวยเปิดฝาบ่อขึ้น ดึงถังน้ำขึ้นมาแล้วเทน้ำออกมาล้างมือครึ่งหนึ่ง “มิเช่นนั้นจะมีผู้ใดทำอีก ข้าไม่เหมือนคนตระกูลใหญ่โตอย่างพวกท่านที่จ้างสาวใช้ไหว”

ขันทีหลิวเห็นตั่งตัวเล็กๆ หนึ่งตัวจึงใช้แขนเสื้อเช็ดทำความสะอาด แล้วพูดกับยิ่นอ๋องว่า “นายท่าน เชิญท่านนั่งพ่ะย่ะค่ะ”

เฉียวเวยเหลือบมองทั้งสองคนแล้วเบ้ปาก จากนั้นหยิบถ้วยกระเบื้องขนาดใหญ่สองถ้วยออกจากห้องครัว จากนั้นตักน้ำในบ่อใส่ถ้วย “เชิญ น้ำแร่จากภูเขาอันหอมหวานและสดชื่น!”

ขันทีหลิวมองไปที่บ่อน้ำ มองนาง แล้วพูดอย่างตกใจ “นี่…น้ำในบ่อไม่ใช่หรือ”

เฉียวเวยพูดโดยที่ไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด “ข้าบังเอิญขุดบ่อน้ำขึ้นมาเท่านั้น แต่น้ำในบ่อนี้เป็นน้ำแร่ที่ไหลลงมาจากเขา”

ขันทีหลิวจีบมือกรีดกราย “เถียงข้างๆ คูๆ!”

“อยากดื่มก็ดื่ม ไม่ดื่มก็เททิ้งไป!” เฉียวเวยพูด แล้วทำท่าจะยกน้ำออกไป

จู่ๆ ยิ่นอ๋องก็ยื่นมือมาจับข้อมือของนางไว้!

พลังอันกล้าแข็งสายหนึ่งแทรกเข้ามาทิ่มแทงเส้นลมปราณของเฉียวเวยประหนึ่งเข็ม ความรู้สึกเจ็บแปลบแผ่ซ่านตามแขนขึ้นไปยังหัวไหล่และลำคอของนาง ร่างกายครึ่งซีกชาในชั่วพริบตา!

วรยุทธ์ร้ายกาจนัก!

แข็งแกร่งกว่าชายชุดดำครั้งที่แล้วไม่รู้กี่ร้อยเท่า!

หากอีกฝ่ายต้องการสังหารนางที่นี่ นางไม่มีโอกาสโต้กลับอย่างสิ้นเชิง!

เหงื่อกาฬผุดซึมบนหน้าผากของเฉียวเวย ดวงตาไหววูบ เสียงหวานตวาด “จะทำอันใด ท่านทำข้าเจ็บแล้วนะ!”