ตอนที่ 2 นิวเกมที่เสียเปรียบ (1)

Dungeon Defense

หน้าเอนด์เครดิตเคลื่อนขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

ผู้พัฒนาฉาก,ผู้กำกับการออกแบบ,นักวาดตัวละคร……ชื่อนับร้อยชื่อกะพริบพร้อมกับเคลื่อนผ่านหน้าจอไป ผมมองจ้องที่จออย่างเหม่อลอย

ชื่อเสียงเรียงนามมากมายผ่านเข้ามาในดวงตาแต่ไม่มีของใครสักคนที่เข้าหัวผม

ผมอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้วนะ?

ความคิดความอ่านของผมติดขัดไม่ไหลลื่นอย่างที่ควรจะเป็น มันรู้สึกเหมือนในสมองผมมียังคงวนเวียนกับมันอยู่

ผมหันหัวตันๆของตัวเองไป นาฬิกาบนกำแพงชี้ไปที่เลข 9 ว่าแต่นี่มันเป็น เก้าโมงเช้าหรือสามทุ่มกันนะ….? ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มคิด โลกนอกหน้าต่างก็สว่างจ้า อ้า เก้าโมงเช้านี่เอง

ผมยืนยันได้แล้วว่า มันเป็นช่วง 9 นาฬิกาอย่างน้อยสามครั้งนับตั้งแต่นั่งที่โต๊ะคอม หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ ผมเล่นเกมนี้ไปอย่างน้อยๆ 36 ชั่วโมงแล้ว

“ฮ่าช”

ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้ม

“นี่มันเกมเม่อตัวจริงเลยนี่นะ”

ผมกำลังจะพูดอะไรบางอย่างต่อแต่ก็ยั้งไว้ก่อน โคล่าขวดพลาสติกที่ผมดื่มต่างเมื่อคืนนั้นแห้งและมีคราบเกาะที่ริมฝีปากผม

เมื่อผมอ้าปากออกมา หลังจากที่แทบไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาอย่างน้อย 36 ชั่วโมง มันเป็นความรู้สึกแย่ๆที่ตีกลับมาหาผม

แย่สุดๆเลยแฮะ ถ้าใครได้กลิ่นปากผมตอนนี้ มีหวังได้ผลักดันให้ออกกฏหมายพิเศษเรื่อง กลิ่นปากแน่ ผมคงโดนบังคับให้ขึ้นโรงขึ้นศาลเพื่อว่าความ แล้วก็โต้แย้งเรื่องการดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรม แต่เหล่าผู้พิพากษาก็คงเป็นลมสลบไปเพราะกลิ่นปากของผม ดังนั้นผมจึงถูกจำคุกโดยไม่ต้องรอคำตัดสิน…….

ผมทนกับการกินบะหมี่ถ้วยและไข่ต้มสามถึงสี่มื้อต่อวัน

ความมันย่องของบะหมี่ถ้วยติดอยู่บนสันจมูก แก้ม และหน้าผาก ผมรู้สึกเหมือนทั้งเนื้อทั้งตัวกลายเป็นถุงพลาสติกใส่ขยะอาหารเหลือ เปรียบเปรยแบบนั้นมันก็ไม่ผิดไปจากความจริงนักหรอก ถ้าไม่นับเรื่องที่ขยะเศษอาหารนั้นจะมีคนเก็บไปแต่ตัวผมนั้นไม่มีใครมาเก็บไปน่ะนะ

“ฮ่าช”

ผมล้อเลียนตัวเองอย่างนั้นก่อนจะหันหัวกลับไป

ในที่สุด หน้าต่างแสดงสถานะตัวละครของผู้เล่นก็โผล่มาบนหน้าจอ

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

ชื่อ : โลลิต้า มุนดัส

คลาส : นักผจญภัย (SSS+), นักดาบ (SSS)

เลเวล:98 ค่าชื่อเสียง 63050

ความเป็นผู้นำ : 94/100 อำนาจ: 132/140 ความฉลาด : 125/125

ไหวพริบ: 93/95 เสน่ห์ : 100/100 เทคนิค: 80/81

*ฉายา: 1. นักผจญภัยในตำนาน 2. ทหารรับจ้างในตำนาน 3. ผู้ทำลายล้างดันเจี้ยน

*อบิลิตี้ : การวางยุทธศาสตร์ SSS, ความชำนาญดาบ SSS, ศิลปะแห่งการปฏิบัติการณ์ S, ความสามารถในการโน้มน้าว S+, ทักษะควบขี่ S, เวทย์ธาตุ A

[แต้มความสำเร็จ: 1088]

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

“ฮู่ว”

ผมเอนตัวไปข้างหลังแล้วจมตัวเองกับเก้าอี้แล้วเงยมองเพดานอย่างเงียบๆ เหมือนสมองผมนั้นไหลออกจากหัวไปอยู่ในจอ ในหัวผมมีแต่กระโหลกเปล่าๆ

ค่าสเตตัสสูงสุดที่ผู้เล่นสามารถไปถึงได้

“กี่ครั้งแล้ว…..? ครั้งสุดท้าย คือ รอบที่16?”

ผมรู้สึกแย่ที่คำพูดที่ออกมานั้นเป็นคำเดี่ยวๆไม่เป็นประโยคสมบูรณ์

ระบบความคิดของผมไม่ได้ทำงานแบบตรงไปตรงมา มันเที่ยวโดดไปนู่นโดดมานี่ ราวกับกำลังกระโดดเหยียบหินเล่น ผมเริ่มพึมพัมกับตัวเอง เพื่อให้คำพูดกับความคิดมันไปด้วยกัน

เกมRPGแนวดันเจี้ยน

เกมนี้มีชื่อเสียงในด้านความยากขั้นสุดขีด คุณไม่แม้แต่จะสามารถผ่านบอสขั้นกลางได้ตั้งแต่การเล่นครั้งแรก ดังนั้นอย่าฝันถึงเลยที่จะไปถึงลาสบอส

ไม่ว่าจะเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่3 ด้วยความเพียรพยายามในการเล่นครั้งที่ 17 ผมเกือบจะเอาชนะบอสตัวสุดท้ายอย่างบาอัลไม่ได้

กองทหารของจอมมารผู้ยิ่งใหญ่บาอัลนั้นทรงพลังมาก ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความต่างอยู่ระหว่างพวกมันกับตัวผม จุดต่างที่เป็นแกบที่ว่าคือ การเล่นหลายๆรอบนั่นเอง

ตั้งแต่โบราณกาลแล้วนี่นะ ที่ว่าไม่มีอะไรชนะการฟาร์มได้ ผมชนะกองกำลังของเขาหลังจากที่สั่งสมประสบการณ์และความรู้ในฐานะผู้เล่น จากมุมมองของบาอัลเป็นไปได้ว่า คงมองผมว่าโกงนั่นแหละ แต่แล้วจะทำอะไรได้? นี่คือ ความแตกต่างกันระหว่างผู้เล่นกับระบบNPC

อย่างไรก็ตามจะบอกว่า ความรู้สึกที่ผมรู้สึกในช่วงที่ชัยชนะนั้นใช่ความสุขหรือเปล่า?

ไม่ใช่หรอก

มันเป็นความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ มันแผลบที่ค้างบนใบหน้าผมต่างหาก

“หมดปิดเทอมฤดูร้อนแล้วสินะ หืม?”

ในห้องเดี่ยวนั่น

ผมไม่แน่ใจว่า ในห้องนี้ทำความสะอาดครั้งล่าสุดไปเมื่อไหร่ มีก้อนเส้นผมกลิ้งไปรอบๆ หนังสือเรียนเล่มโตวางกองตรงนี้ตรงนั้น เป็นเหมือนหอเอนปิซ่า

วันสุดท้ายของการลาหยุด ผมตัดสินใจว่า จะเอาที่หนึ่งของวิชาเอกให้ได้ หนังสือพัฒนาตัวเองที่ผมทุ่มเงินซื้อไป……ในตอนนี้มันกลายเป็นเนินฝุ่น

มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้สิ ผมเคยเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานเมื่อได้แยกมาอยู่คนเดียว ออกจากครอบครัว

“…….”

ผมมองไปทั่วห้อง

นี่คือ โลกของผม

แม้มันจะเล็ก โทรม ดูเป็นห้องไร้ค่า แต่มันก็นับเป็นโลกใบหนึ่ง

เหมือนกับก้อนทิชชูแห้งๆที่ใช้แล้ว เหลือเพียงความปรารถที่ทะลักออกมาแล้วตกค้างโดยไม่ได้ทำสิ่งใดให้สำเร็จ

หึ! นี่มันต่างจากโลกในจอของผมโดยสิ้นเชิงเลยไม่ใช่เหรอ?

โลกนั้นไม่มีวันโกหก หากคุณทำอะไรสักอย่างลงไป มันก็จะเก็บสะสมเสมอ มันจะไม่ได้อยู่ๆหายไปอย่างไร้เหตุผล เมื่อเลเวลอัพแล้วก็ถือว่า เลเวลอัพเลย

คุณจะไม่หล่นลงจากเลเวล 90 ไปยังเลเวล 80 หรือเสียค่าสเตตัสเพียงเพราะคุณไม่ได้ทำอะไรมาสักพักหนึ่ง

แล้วถ้ามันมีอยู่จริง มันก็จะยังคงดำรงอยู่อย่างนั้นต่อไป!

ด้วยบางเหตุผล ทุกอย่างในโลกนี้ก็สูญสลายไปโดยไม่ทิ้งอะไรไว้ข้างหลัง แล้วโลกใบไหนกันแน่ที่เป็นโลกจริง?

“……แม่งเอ้ย”

ผมกุมเม้าส์

『คุณต้องการที่จะเซฟข้อมูลไว้ เพื่อการเล่นครั้งต่อไปหรือไม่?』

ผมคลิกปุ่ม『Yes』ไปโดยอัตโนมัติทันทีที่ปุ่มนั้นโผล่ขึ้นมาบนหน้าจอ จากนั้นผมก็ปิดแล็บท็อปอย่างคนเจ้าอารมณ์

ผมออกมาจากห้องด้วยเหตุผลที่ไม่อาจทนบางอย่างได้

* * *

ปลายฤดูร้อน

ผมได้รับการต้อนรับจากลมชื้นๆ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีเพียงสายลมอุ่นๆเท่านั้นที่ยินดีจะต้อนรับผม

ปอดของผมเหมือนกับเต็มไปด้วยไอน้ำ ผมเข้าไปในร้านสะดวกซื้อที่อยู่นอกบ้านและซื้อบุหรี่มาซองหนึ่ง ผมจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตที่แม่ให้มา

“ขอบคุณที่ใช้บริการ โอกาสหน้าใช้บริการใหม่นะคะ”

ผมตอบรับคำพูดของพนักงานร้านอย่างครึ่งๆกลางๆก่อนจะเดินออกไป ผมนั่งแช่อยู่ในซอยก่อนจะดึงบุหรี่ออกมาดูด

แล้วเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น แม่โทรหาผม ดูเหมือนว่า บัตรของแม่จะส่งข้อมูลต่อกับโทรศัพท์ในทันทีที่ผมซื้อของ ผมโยนบุหรี่ทิ้งในทันที

“ฮัลโหล? มีอะไรเหรอ แม่?”

แม่คุยโทรศัพท์ด้วยเสียงสดใส แน่นอน เสียงของแม่น่ะร่าเริงเสมอนั่นแหละ แต่ผมก็รู้ได้อยู่ดีว่า ในน้ำเสียงของแม่ตอนนี้มันมีความเศร้าปนอยู่

「ไม่มีอะไร แม่แค่อยากรู้ว่า ตอนนี้ลูกชายของแม่กำลังทำอะไรอยู่」

หลังคำพูดนั้นผมก็เริ่มโกหก

“ผมเรียนหนังสือไปได้สักพักแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ผมออกมาสูดอากาศข้างนอก ไม่แน่ใจว่าเพราะร้อนหรืออะไร แต่ผมรู้สึกมึนหัว……”

พูดเองก็ขำตัวเอง มันเป็นปรกติอยู่แล้วที่ผมจะรู้สึกมึนอย่างนั้น เมื่อผมใช้เวลาหลายต่อหลายชั่วโมงจ้องหน้าจอและอยู่โต้รุ่งกับสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ออกมาจากจอ หัวผมไม่มีทางที่จะโอเคสบายดีได้อยู่แล้ว ถ้ามันสบายดีมันต้องเป็นเรื่องเหลือเชื่อแน่

“ใช่ นั่นสินะ ใช่”

เทียบจากปรกติแล้ว เสียงของผมค่อนข้างจะไร้พลังโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่เพราะผมเสียใจที่พูดโกหกแม่หรอกนะ แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของคำโกหกเพื่อโน้มน้าวแม่ให้มากขึ้น

ถ้าหากจะมีสิ่งเดียวที่ผมมั่นใจในตัวเอง สิ่งนั้นคงเป็น ความสามารถในการโกหกของผมนี่แหละ ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ ถ้ามีโอลิมปิกแข่งกันในการโกหก ผมคงได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหารไปนานแล้ว

(โน๊ตผู้แปล: ในเกาหลีนั้นหากเป็นนักกีฬาโอลิมปิดจะได้รับการยกเว้นจากการเกณฑ์ทหาร)

อย่างที่ผมคาดไว้ แม่รับรู้ได้ว่า น้ำเสียงลูกชายตัวเองนั้นเป็นสัญญาณสีแดงที่เตือนว่า กำลังกายนั้นใกล้หมด เสียงของเธอเลยอ่อนโยนตอนที่ถามถึงผมว่า เป็นอย่างไรบ้าง ผมยังคงแสดงว่า ยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงต่อไป ใช่ จริงๆผมน่ะสบายดี การเรียนกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ลิ้นจอมปลิ้นปล้อนของผมทำงานได้ดีจริงๆ

「ลูกอยากกินอะไรก็กินเถอะนะ ถ้าอยากซื้ออะไรลูกก็ซื้อได้เลนย ถ้าอยากดื่มกาแฟบ้างก็ดื่มที่มันดีๆราคาแพงก็ได้

แล้วลูกไม่ออกไปคาเฟ่ที่สวยๆแล้วไปอ่านหนังสือเรียนที่นั่นดูล่ะ? ลูกก็รู้นี่ว่า ครอบครัวเราไม่ได้ลำบากขนาดที่ไม่สามารถสนับสนุนค่าใช้จ่ายของลูกชายเราอยู่แล้วนี่?」

ผมยิ้มอย่างจริงใจแล้วตอบกลับไป

“ครับ แม่ เดี๋ยวผมจะกลับเข้าไปข้างในไปเรียนต่อแล้วนะครับ”

แล้วก็ตัดสายไป

ช่างเป็นนักโกหกที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน

ผมหยิบบุหรี่มวนต่อมาใส่ปาก ตั้งใจเรียนหนังสือต่อ? ผมไปเรียนต่อตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?

ผมไม่ได้เป็นแบบนี้แต่แรกแล้ว มันเคยมีช่วงเวลาที่ผมตั้งใจเรียนหนังสือ ใส่สุดกับการเรียน แม้มันจะไม่ดีถึงที่สุด แต่มันก็ทำให้ผมสามารถเข้ามหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงได้

แต่ความวิตกกังวล พารานอยด์บ้าๆนั่นมันทำลายผม ไอ้ความคิดที่ว่า ผมไม่ควรที่จะละทิ้งความสนุกเพื่อไปเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย

……ไม่ล่ะ มันคงจะดีถ้าผมไม่ได้หลงกับภาพลวงตาพวกนั้น ถึงอย่างไรก็ดี ผมก็ทำตัวเหลวแหลก เสเพลจนใครก็ตามต่างก็ต้องสบถใส่ผมว่า ‘ไอ้ห่านี่’ ทันทีที่เห็นผม

ทั้งมหาวิทยาลัยมี 5 คนเท่านั้นที่ได้Fในทุกวิชา ตลอดหนึ่งภาคเรียน ผมค่อนข้างแน่ใจว่า อาจจะเป็นคนที่ 6คนนั้น

ก็ชอบพูดกันนักไม่ใช่หรือไง ว่าให้หาความสนุกตอนที่อยู่ในมหา’ลัยน่ะ? แล้วทีนี้จะมาว่าผมได้ยังไงกันล่ะ?

‘พี่ พี่ควรทำอะไรให้สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันได้แล้ว’

น้องสาวมองผมด้วยแววตาที่สมเพช พ่อแม่ก็ไม่ได้ห้ามผม พวกเขาคือ ผู้ที่พึงพอใจตราบใดที่ผมได้เข้าไปอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง พ่อแม่ของผมไม่สนใจด้วยซ้ำตราบใดที่ผมสามารถรับช่วงต่อธุรกิจครอบครัวและไม่ทำให้ตัวเองอดตาย

“ฮ่า”

สุดท้ายแล้ว ผมก็เป็นคนจำพวกนั้นนั่นแหละ

ผมแวะกลับไปที่ห้องเพื่อเอาแล็บท็อป แล้วค่อยไปคาเฟ่เพื่อหาแอร์เย็นๆสดชื่น

สิ่งเดียวที่ผมทำหลังนั่งอยู่ในมุมก็คือ การเล่นเน็ต

ผมเข้าไปในเว็บไซต์มากมายแล้วก็หัวเราะกับข้อความไร้สาระ ก็อย่างที่คิดนั่นแหละ การพิมพ์อะไรลงไปในนั้นต่างเป็นเรื่องไร้แก่นสารด้วยกันทั้งนั้น

แต่โดยปรกติแล้ว คอมมูนในอินเตอร์เน็ตที่ผมอยู่นานที่สุด คือ

จากการที่เกมDungeon Attack นั้นมีความยากระดับสูงมากทำให้มีแฟนสายฮาร์ดคอร์เยอะ ผมก็ชอบเพราะความยากนั้นนั่นแหละ!

ผมจะเกลียดมันมากเลยถ้ามันไม่ยากแบบนั้น!

และก็ยังคนมีไอ้โรคจิตที่คิดแบบผมเหมือนกัน ดังนั้นมันจึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นให้ไอ้บ้าโรคจิตแบบนั้นมารวมตัวกัน

ผมตั้งโพสข้อมูลเกี่ยวกับความสำเร็จของตัวเองในฐานะตัวละคร ‘โลลิต้า’

ผู้คนในเว็บนั้นต่างแสดงความเห็นในทันทีที่ ผมตั้งโพสหัวข้อนั้น แหม เร็วเชียวนะ! มีคนที่เอาแต่กินข้าวแล้วเล่นเน็ตอยู่สินะ? แม้ผมจะไม่มีสิทธิ์พูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่พวกเขาช่าง น่าประทับใจจริงๆ ……

-MarrowGore: ไม่มีทาง. ดูค่าสเตตัสมันดิ

-BlackRose: เอ้านี่ไอ้TekilLatte ไอ้ที่ว่า ทุกค่าสแตทของมันเป็นS ทั้งหมดนี่มันโคตรน่ารังเกียจเลย

TekilLatte เป็นชื่อ Usernameที่ผมใช้

-SelfProclaimedBoy: เฮ้นี่ นายเล่นมากี่รอบแล้วเนี่ย?

นี่แหละคือ คำถามที่ผมรออยู่ ผมตอบพวกเขากลับไปว่า นี่คือ รอบที่17 ต่อจากนั้นสมาชิกเว็บก็เริ่มแสดงความเห็นกันเพิ่ม

-BangApple: บอกว่า 17รอบเหรอ มันบ้าไปแล้ว

-MaYooRim: ถ้าจะกะประมาณเวลาเล่นของเขาก็คงจะเกือบๆ 5,000 ชั่วโมงแล้ว แม่งเอ้ย ก่อนนี้เคยสงสัยนะว่า ผู้พัฒนาเกมมันจะเพี้ยนไปแล้วเหรอวะที่สร้างให้จอมมารบาอัลมันเอาชนะได้ยากขนาดนั้น แต่ตอนนี้กูสงสัยว่า TekilLatteมันยังปกติดีอยู่รึเปล่าวะ

-Richya: ดูทรงวอร์ดจิตเวชต้องรับคนไข้เพิ่มแล้วว่ะ

GodRumBlade: วอร์ดจิตเวชนี่เป็นอย่างที่เคยได้ยินในข่าวลือรึเปล่า?

-Yulberia: วอร์ดจิตเวชมาแล้วจ้า (2)

-JungYookJjum: เอ้อ พวกเอ็งจับจอมเวทย์ Roumeiกันได้ยังไงวะ?

กุปักหมุนโพสที่บอกว่า ให้จัดการดันเจี้ยนของกาพ แต่แต้มค่าความสัมพันธ์มันไม่ขึ้นเลยว่ะ

-MrTrashKim: มึงก็แค่พวกบ้าเกมที่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านล่ะวะ

คลิก

ผมเลื่อนหน้าจอลงด้วยสกอลเม้าส์ สายตาของผมมาหยุดตรงความเห็นนั้น

‘มึงก็แค่พวกบ้าเกมที่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านล่ะวะ’

ใต้ความเห็นนั้น ก็เต็มไปด้วยความเห็นที่เยาะเย้ยถากถางมากมาย ที่ว่าทุกคนที่ต่างเป็นพวกบ้าเกมและเก็บตัวกันทั้งนั้น คนอื่นๆเลยเลือกที่จะอยู่ฝั่งผม

ผมรู้สึกปีติยินดี แต่อย่างไรก็ดี ผมรู้ดีอยู่แล้วว่า ที่คนๆนั้นพูดน่ะ มันเป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้เป็นอะไรมากเกินไปกว่า คนบ้าเกมเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน

ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น

‘ผมไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้วล่ะ’

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อผมตระหนักได้ว่าตัวเองกลายเป็นพวกติดเกมนั้น ผมไม่คิดที่จะหยุดตัวเองด้วยซ้ำ ความจริงดังกล่าวมันทำให้ผมต่ำกว่าพวกติดเกมและกลายเป็นคนที่เหมือนกับเศษเดนอาหาร

เศษเดนอาหารที่มีหัวและลิ้นดีพอที่จะใช้บัตรเครดิตของแม่รูดซื้อมอคค่าราคา 6,500 วอน

ตอนนั้นเองที่ มีอีกโพสแปะบนบอร์ด

『หัวข้อ : โปรดอ่าน TekilLatte. ·····ชื่อเล่น : VenusPanties』

VenusPantiesนั้นคือ คนสมาชิกเว็บที่บ่อยครั้งที่ผมมักจะทะเลาะเป็นประจำ

เขาน่ะรู้ข้อมูลเกมมากว่าใครๆทั้งนั้นและจากในมุมมองที่เขามีต่อDungeon Attack ต่างไปจากผมโดยสิ้นเชิงเราเลยปะทะคารมกันบ่อย

เราทั้งคู่ต่างเป็นพวกติดเกมที่มีเป็นที่รู้จักกันในคอมมูนิตี้

หากจะมีใครอยากรู้ถึงวิธีการพิชิตดันเจี้ยน เราสองคนก็สามารถที่จะเขียนตอบได้ถึง 17 วิธีการที่ไม่ซ้ำกันในการเอาชนะ

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ VenusPantiesและผม เราต่างคนต่างอุทิศชีวิตตนให้กับ Dungeon Attack

กรณีของVenusPantiesนั้น เขารู้ข้อมูลเชิงลึกในส่วนที่มีแต่เหล่าผู้พัฒนาเท่านั้นที่จะล่วงรู้ได้ ดังนั้นบางคนจึงสงสัยกันว่า VenusPantiesนั้นอาจเป็นผู้พัฒนาเกมนั่นแหละ

‘ว่าแต่ แล้วเจ้านั่นต้องการอะไรกัน?’