บทที่ 178 ผมรู้ว่าคุณรู้ว่าผมรู้ว่ามันคืออะไร

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 178 : ผมรู้ว่าคุณรู้ว่าผมรู้ว่ามันคืออะไร

อะไรเนี่ย? เชิญเราให้เข้าร่วมเพราะทำอะไรเราไม่ได้เหรอ?

นายคิดว่าฉันเป็นไอ้งั่งหรือไง?!

สิ่งเหล่านี้คือความคิดของหลินเจี๋ยเมื่อได้ยินข้อเสนอนี้

เหนือสิ่งอื่นใด องค์กรนี้เป็นองค์กรชั่วร้ายที่พัวพันกับการมอมเมาประชาชนด้วยสิ่งเสพติดของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดไปจนถึงการสังเวยผู้บริสุทธิ์เพื่อทำเป็นหนังสือหนังมนุษย์ของคอนกรีฟ

แล้วมาเชิญให้ฉันเข้าร่วมองค์กรที่ทำเรื่องผิดมนุษยธรรมแบบนี้เนี่ยนะ!

ฉันดูเหมือนตัวร้ายจิตวิปลาสที่ประสบเรื่องเลวร้ายมามากจนอยากจะทำให้โลกนี้เจ็บปวดเป็นการเอาคืนเหรอ?!

แล้วสภาพนายที่ดูเหมือนจะล้มแหล่มิล้มแหล่ ต่อให้ฉันรับคำเชิญเข้าร่วมองค์กรของนาย แล้วฉันต้องไปติดต่อใครได้ถ้านายเดี้ยงไปตรงนี้ล่ะฮะ?

บ้าบอสิ้นดี!

ดังนั้นความจริงจึงมีเพียงหนึ่งเดียว เจ้าหนูไมค์นี่เป็นคนเจ้าเล่ห์

ที่จริงแล้วอีกฝ่ายไม่ได้อยากให้เราเข้าร่วมองค์กรหรอก แต่แค่อยากจะใช้จิตวิทยาย้อนกลับเพื่อทำให้เราหวั่นไหว เพราะเขาเหลือเวลาอยู่อีกไม่นานต่างหาก

เมื่อได้ยินเรื่องแบบนี้ในเวลาแบบนี้ คนส่วนใหญ่อาจจะคิดผิดพลาดเห็น ๆ ว่าพวกเขาอาจจะสัมผัสถึงความจริงบางอย่างจากลึก ๆ ได้แล้วเริ่มเคลือบแคลงต่อความถูกต้องของทุกสิ่งที่เจ้าหมอนี่พูด

ถ้าหลินเจี๋ยลังเลหรือสนใจ มันก็จะทำให้เขามีความสงสัยในใจ แล้วจุดประสงค์ของมิคาเอลก็จะลุล่วง

เฮ้อ…การเล่นกับจิตใจของอีกฝ่ายก็ไม่เลวเลย เจ้าของร้านหลินคิดในใจ

หลินเจี๋ยยิ้มเยาะ แล้วตัดสินใจปฏิเสธเขา…

แต่คิดอีกที ชายหนุ่มตรงหน้าเขานั้นดูเหมือนกำลังจะตายอย่างบอกไม่ถูก และไม่ว่าจะพูดอะไรในตอนนี้โดยมากแล้วก็ไร้ประโยชน์ เว้นแต่เพียงส่วนที่เขาถูกกระตุ้นให้เผยไต๋ออกมา ดังนั้นเล่นตามน้ำไปคงดีกว่า

ดังนั้น หลินเจี๋ยจึงคิดว่าเล่นตามน้ำไปคงไม่เป็นไร

เราจะแกล้งตอบตกลง แล้วล้วงข้อมูลเพิ่มจากเขา!

เจ้าของร้านหลินผู้จิตใจดีและซื่อตรงไม่ใช่คนที่ปกติจะมาเที่ยวหลอกคนอื่น และแต่เดิมเขาก็อยากปล่อยให้มิคาเอลสารภาพออกมาเอง เพราะคนใกล้ตายนั้นมักจะพูดอะไรออกมาจากใจ…

ทว่าเขาไม่ได้คาดฝันเลยว่าเจ้าอาชญากรไร้ยางอายคนนี้จะยังคงอมพะนำ กระทั่งมาเล่นสงครามจิตวิทยากันอีก

เฮ้อ…ในเมื่อนายเริ่มก่อน ก็อย่าโทษกันถ้าฉันจะทำอะไรต่อไปแล้วกัน

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน…

หลินเจี๋ยเลิกคิ้วด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เต็มใจ “ทำไมผมต้องเข้าร่วมด้วยล่ะ? เมื่อพูดถึงการพยายามลอบสังหารกันซึ่ง ๆ หน้าที่ ‘ไม่ค่อยฉลาดนัก’ นี้แล้ว ผมก็ไม่คิดว่าผมอยากจะทำอย่างนั้นหรอกนะ”

หลังจากความพยายามล้วงข้อมูลสองสามครั้งของเขา เขาก็พบว่ามิคาเอลนั้นตอบสนองต่อคำสบประมาทเป็นพิเศษ

หลินเจี๋ยใช้วิธีวางตัวกดข่มเหมือนครั้งก่อนกับเขาซึ่งดูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้มิคาเอลเอ่ยปากได้

แล้วก็เป็นเรื่องจริง…ใบหน้าของมิคาเอลซีดลงอย่างมาก แล้วเขาก็แทบหยุดหายใจ

ทว่าหลินเจี๋ยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ในตอนนี้

มิคาเอลสงบลงค่อนข้างเร็ว แล้วจากนั้นเขาก็มีสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง “ข้ารู้ว่าท่านอยากจะพูดอะไร แต่ว่านั่นก็ไม่ได้หยุดให้ข้ายื่นข้อมูลนี้แก่ท่านได้หรอกนะ ในเมื่อท่านรู้โค้ดเนมของเราแล้ว ท่านก็ต้องเข้าใจความหมายเบื้องหลัง ‘วิถีแห่งดาบอัคคี’ ด้วยแน่ ๆ”

“มันไม่น่าตื่นเต้นเหรอหากเราจะสามารถเชื่อมต่อเส้นทางนี้แล้วได้รับโอกาสเข้าถึงสิ่งที่ไม่เป็นที่รู้จัก?” มิคาเอลพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจังสุด ๆ

“นี่คือเหตุผลอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงที่ควรค่าให้ดิ้นรนหา พวกปุถุชนโง่เง่าพื้น ๆ พวกนั้นจะมาเข้าใจได้อย่างไรกัน?”

“ส่วนเรื่องที่ท่านอยากจะช่วยวินเซนต์แล้วเลือกจะเป็นปรปักษ์กับโบสถ์แห่งจุดสูงสุดนั้น ข้าเข้าใจได้อย่างหมดจด มันจะไม่มีผลต่อความร่วมมือของเรา”

“ข้ามาที่นี่แค่เพื่อท่านเท่านั้น แล้วข้า…ข้าสามารถแม้แต่จะช่วยท่านฆ่ากาเบรียลก็ได้ ถ้าท่านต้องการ”

ดวงตาของมิคาเอลทอประกายเย็นเยียบอย่างชั่วร้าย แล้วมุมปากของเขาก็โค้งยิ้มยินดี “ข้าคิดว่าเราเป็นคนแบบเดียวกันนะ ทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่มีอยู่เพื่อความสำราญของเราใช่ไหมล่ะ?”

หลินเจี๋ยไม่เออออไปกับความพยายามล่อลวงให้เข้าพวกอันชัดแจ้งนี้แล้วหรี่ตาของเขาลง ว่าแล้วเชียว มันเป็นเรื่องของวิถีแห่งดาบอัคคี…ส่วนที่ซับซ้อนของศาสนายิว…หรือชื่อที่รู้จักกันดีกว่านั้นก็ ’คับบาลาห์’ หรือ ‘ต้นไม้แห่งชีวิต’

หลินเจี๋ยปล่อยคำพูดอื่นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป ก่อนที่จะพุ่งเป้าไปที่ข้อมูลใหม่ที่เผยออกมา

การใช้ชื่ออัครทูตสวรรค์ทั้งสิบมาเป็นโค้ดเนมนั้น โดยเบื้องต้นก็ทำให้หลินเจี๋ยรู้สึกไม่ดีกับองค์กรนี้แล้ว

ในฐานะผู้วิจัยเรื่องพื้นบ้าน หลินเจี๋ยก็พอจะมีความเข้าใจคร่าว ๆ เกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติจำพวกนี้อยู่ เขาค่อนข้างอ่อนไหวต่อมันและสร้างความเชื่อมโยงในใจขึ้นมาได้ทันที

ต้นไม้แห่งชีวิตคับบาลาห์คือพิมพ์เขียวของจักรวาลที่พระเจ้าสร้างขึ้น และเป็นโครงสร้างของวิญญาณและเส้นทางสู่เทพเจ้า

โครงสร้างพื้นฐานประกอบไปด้วยสามเสา สิบวง สี่โลก และยี่สิบสองวิถี

พูดง่าย ๆ ในคำเรียกของบุคคลทั่วไปแล้ว คับบาลาห์ก็นับได้ว่าเหมือนเป็นคัมภีร์ลับสำหรับฝึกยุทธ์ จากการฝึกยุทธ์ก็จะผ่านวิถี (เส้นเลือด) และเวียนเข้าสู่วงทั้งสิบ (สิบระดับพลังวัตร) ตามลำดับขั้น แล้วสุดท้ายผู้ฝึกยุทธ์ก็จะกลายเป็นเทพ หรือก็คือบุคคลผู้สมบูรณ์แบบ

วงทั้งสิบนั้นเริ่มจากต่ำสู่สูง ซึ่งก็เป็นเส้นทางจากมนุษย์สู่เทพ ในขณะเดียวกัน ความเชื่อมโยงจากบนสุดสู่ล่างสุดนั้นก็ถูกเรียกว่า ‘วิถีแห่งดาบอัคคี’ ซึ่งเป็นตัวแทนการไหลออกของความศักดิ์สิทธิ์

วงทั้งสิบต่างมีอัครทูตสวรรค์ประจำอยู่ ซึ่งก็คือชื่อที่หลินเจี๋ยเพิ่งร่ายออกมานั่นแหละ…

พูดตามหลักเหตุผลแล้ว การที่องค์กรชั่วร้ายพวกนี้ใช้คับบาลาห์มาอ้างอิง พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นเทพโดยดึงดันจะใช้วิถีแห่งดาบอัคคีเป็นชื่อหรือไงกัน?

ยังมีข้อมูลอีกชิ้นในคำพูดของมิคาเอลที่เขาเป็นกังวลยิ่งกว่า เจ้าคนที่ใช้โค้ดเนมกาเบรียล

คนคนนั้นคงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงของโบสถ์แห่งจุดสูงสุด

และดูเหมือนว่าความเป็นปึกแผ่นของสมาชิกในองค์กรนี้ก็ไม่ได้แข็งแกร่ง…

“ในเมื่อคุณรู้อยู่แล้วว่าผมรู้จุดประสงค์ของคุณ คุณก็ไม่เห็นต้องโอ่เรื่องทั้งหมดออกมาอย่างไม่ละอายแบบนี้เลยนี่ครับ อย่างกับว่าผมต้องให้คุณช่วยฆ่ากาเบรียลให้อย่างนั้นแหละ”

“คุณควรดูตัวเองก่อน สภาพแบบนี้คุณจะไปฆ่าใครได้ครับ? เวลาคุณลนลานแล้ว คุณก็จะพูดอะไรออกมาก็ได้จริง ๆ นะนี่”

หลินเจี๋ยรู้สึกได้ทันทีว่าความพยายามของเขาคุ้มค่า แล้วก็ตั้งใจจะไล่บี้ต่อ

เขาแค่นยิ้มแล้วพูดเสริม “วิธีการคิดแบบนั้นไม่เลวนักเลยครับ แต่คุณต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ด้วย”

“พวกคุณน่ะไม่ได้ทำสำเร็จเลยไม่ใช่เหรอครับ?”

“ไม่คิดเหรอครับว่ามันดูจะบังคับกันไปหน่อยถ้าจะดึงดันให้คนอื่นเข้าร่วมกับคุณจากแค่การเผยแพร่เรื่องความเพ้อฝันแค่นี้?”

หลินเจี๋ยพูดทั้งหมดนี้ออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ ถ้าคับบาลาห์มันทำได้ง่ายขนาดนั้น งั้นทุกคนก็ได้เป็นเทพกันหมดแล้วแหละ

สิ่งที่หลินเจี๋ยสื่อความหมายก็คือ การเข้าร่วมกับพวกเขานั้นไม่ไช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่มิคาเอลต้องให้สิทธิประโยชน์ที่จับต้องได้มากกว่านี้เพื่อให้หลินเจี๋ยเชื่อเขา

ที่จริงแล้ว เขามองทะลุถึงสภาพในตอนนี้ของมิคาเอลและรู้อยู่แล้วว่าเจ้าหมอนี่ไม่มีอะไรที่จับต้องได้ให้เขาเท่าไหร่หรอก…

หลินเจี๋ยก็แค่อยากเผยความเต็มใจออกมานิด ๆ เพื่อให้มิคาเอลพยายามป้อนข้อมูลให้ตัวเองมากกว่านี้เท่านั้นแหละ

มิคาเอลเข้าใจคำใบ้…

เขาเอื้อนเอ่ย “เข้าใจแล้ว”

ตู้ม!

เสียงกัมปนาทปะทุออกมาจากร้านข้าง ๆ และทำให้แม้แต่พื้นยังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเหลือแค่การสั่นสะเทือนเล็ก ๆ น้อย ๆ

หลินเจี๋ยตกใจแล้วหันไปมองในทิศทางของเสียงโดยสัญชาตญาณ

“ฮะ ๆ ดูเหมือนแผนของกาเบรียลจะใกล้ป่นปี้ไม่เป็นท่าแล้ว… ข้าหวังว่าเขาจะยังพอทนไหวนะ…ฮะ ๆ ๆ แค่ก ๆ”

เสียงหัวเราะของมิคาเอลเจือแววเยาะเย้ย แล้วเขาก็พูดเสริม “คำเชิญของข้าจะยังมีผลอยู่เสมอ ข้าจะต้อนรับท่านทุกเมื่อในเมื่อใดก็ตามที่ท่านอยากจะเข้าร่วมกับเรา”

“นอกจากนั้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเจตนาดีส่วนตัวของข้า คอนกรีฟ แชปแมนจะไม่ได้รับการชี้นำจากเราอีกต่อไป ทุกทรัพยากรและกำลังจะถูกริบคืนจากหอการค้าแอช”

แสงในดวงตาของเขาค่อย ๆ จางหายไป แล้วเขาก็แย้มยิ้มก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงแหบพร่าในลมหายใจสุดท้าย “ข้าขอให้เขาโชคดี”

เมื่อเขาพูดจบ ร่างของมิคาเอลก็ร่วงลงไปกองกับพื้น

ทว่าหลินเจี๋ยไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย ตอนนี้ในใจของเขามีแต่สถานการณ์ที่ร้านข้าง ๆ