บทที่ 272 ประกาศ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 272 ประกาศ

บทที่ 272 ประกาศ

ฉู่เหินพอรู้เรื่องนี้เขาก็เตรียมจะโทรหาซวี่เหลียงจะได้มาวางแผนกัน แต่พอคิดดี ๆ จะให้เขาทำอะไรกันล่ะ? ตอนนี้ซวี่เหลียงหลังได้รับกระดูกสัตว์ไปเขาก็ไม่อยู่แล้ว ฉู่เหินรู้ว่าเขากำลังมองหาสถานที่และเจ้าหน้าที่มาช่วยขัดเงามัน สรุปก็คือซวี่เหลียงไม่ว่างนั่นเอง

หลังจากที่คิดแบบนั้น ฉู่เหินก็ไม่คิดจะรบกวนซวี่เหลียง ครั้งนี้พวกเขาจัดการประชุมเฉพาะกิจโดยมีสมาชิกหลักเพียง 4 คนคือเสี่ยวเฟิง, เสี่ยวชิง, ฉู่เหิน และพี่รอง

ทั้ง 4 คนนั่งอยู่ในห้องทำงานของพี่รอง สำหรับเรื่องการป้องกันทางลิขสิทธิ์และจัดการของปลอมแค่พูดน่ะฟังดูง่าย แต่เอาเข้าจริงแล้วลงมือทำยากมาก

ไม่ใช่ว่าพวกเขาทำให้มันเป็นลิขสิทธิ์ของตัวเองไม่ได้ แต่ทำแบบนั้นจะทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น คิดเหรอว่าคนธรรมดาทั่วไปเขาจะยอมควักเงินจ่ายในราคาที่สูงขึ้นเพื่อซื้อสินค้าชิ้นเดิม

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น จริง ๆ พวกเขาก็ไม่อยากใช้วิธีนี้เลยวิธีที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คือการขายตรง พวกเขาต้องกำหนดจุดขายเฉพาะ 2-3 แห่งในแต่ละเมือง ด้วยวิธีนี้หากมีสินค้าประเภทนี้ปรากฏในสถานที่อื่นนอกเหนือจากจุดขายที่กำหนดไว้เหล่านี้มันก็จะกลายเป็นของปลอมหรือสินค้าเกรดต่ำนั้นเอง

วิธีนี้เคยถูกใช้มาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่สะดวกสำหรับบางคนที่ต้องเดินทางไกลเพื่อซื้อหัวปลาสักตัว หากพวกเขาเป็นคนหนุ่มสาวก็คงไม่มีปัญหาเพราะพวกเขายังแข็งแรงอยู่ แต่ถ้าคุณเป็นคนแก่ที่มีขาที่ไม่แข็งแรงคุณก็คงไม่อยากจะกินปลาทะเลตัวนี้แน่

แม้การขายแบบตายตัวแบบนี้ก็ไม่มีของปลอมหรือสินค้าเกรดต่ำแต่ว่า คุณต้องรู้ด้วยว่ายอดขายทั้งหมดมีการแบ่งให้กับตัวแทนจัดจำหน่ายในทุกพื้นที่ แถมหากตัวแทนจำหน่ายมีการนำของปลอมและสินค้าคุณภาพต่ำมาวางขายด้วยกัน คนซื้อก็จะแยกไม่ออกว่าอันไหนเป็นของปลอมหรือของแท้

มีหลายบริษัทที่เคยเป็นเจอปัญหานี้มาก่อน ดังนั้นฉู่เหินและคนอื่น ๆ เลยไม่อยากทำพลาดซ้ำรอยเดิม ถ้าเกิดว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้วพวกเราจะจัดการกับพวกของปลอมยังไง?

จริง ๆ ถ้าให้ผู้อาวุโสจางสั่งคนของรัฐบาลให้ปราบปรามของปลอมอย่างจริงจังและจับกุมผู้กระทำผิดเหล่านี้มาลงโทษก็อาจเป็นวิธีที่เร็วที่สุด แต่ถ้าใครจะรับประกันล่ะว่าสินค้าจะไม่โดยปลอมแปลงอีกในอนาคต

ในโลกอันกว้างใหญ่ การจัดการพวกของปลอมมันจะง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ? ตอนนี้ก็ยังไม่มีวิธีที่แน่นอนในการจัดการเลย!

“พี่เหิน เราต้องปราบพวกของปลอมให้หมดไปนะ ไม่งั้นหากสินค้าหลุดไปถึงมือของผู้บริโภคแล้วพวกเขาพบว่ามันไม่ตรงกับที่โฆษณาไว้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะส่งออกทั่วโลกเลย แค่ขายในประเทศก็ไม่น่าจะรอด มันจะกลายเป็นความผิดของเราทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ”

“ตราบใดที่ยังผ่านมือคนกลาง มันก็มีโอกาสที่จะโดนปลอมแปลงระหว่างทาง แล้วถ้าเป็นแบบนั้นทุกสิ่งที่เราทำลงไปก็จะสูญเปล่า” เสี่ยวชิงพูดออกมา หลายคนถอนหายใจอย่างหมดหนทางทุกคนรู้สึกว่านี่มันเป็นปัญหาที่ไม่มีทางแก้ได้เลย มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจัดการของปลอมให้หมดไป

แต่หลังจากที่ฉู่เหินได้ยินคำพูดของเสี่ยวชิงดวงตาของเขาก็เปล่งประกายออกมา ใช่แล้วส่งถึงมือลูกค้าเองไงละ เขาคิดวิธีที่จะป้องกันไม่ให้สินค้าถูกปลอมแปลงได้แล้วก็คือส่งให้ถึงมือลูกค้าเอง ด้วยวิธีนี้จะรับประกันความถูกต้องของสินค้าและคนทั่วไปก็จะสามารถกินอาหารได้อย่างมั่นใจ

แล้ววิธีไหนที่จะสามารถนำสินค้าไปส่งสู่มือของคนทั่วไปได้ล่ะ ในตอนนี้

ฉู่เหินก็นึกขึ้นมาได้นั่นคือ การซื้อของออนไลน์ ใช่แล้วตราบใดที่คุณขายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต ก็จะไม่มีความผิดพลาดใด ๆ เลยนอกเสียเวลาในขั้นตอนการขนส่ง ทุกคนก็จะสามารถซื้อได้แต่ของแท้

หลังจากที่ฉู่เหินแสดงความคิดของเขา พี่รองก็พูดขึ้นทำให้ทุกคนเกิดอาการพูดไม่ออกอีกครั้งว่า “วิธีแก้ไขปัญหาไม่ได้ เพราะเรื่องจริงก็คือจะทำยังไงให้ลูกค้าอยากได้สินค้าเหล่านี้ไปอยู่ในมือ ไม่ใช่ว่าพูดแค่คำสองคำก็สามารถทำได้”

“ไม่ต้องพูดถึงการส่งถึงบ้านเลยนะ ถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนเป็นพนักงานส่งอาหารนั้นตามบ้านแหละ แล้วคิดว่าคนในเมืองใหญ่มีตั้งเท่าไหร่กัน ค่าแรงพนักงานนี่ปัดตกไปได้เลย ถ้าลองให้พูดถึงค่าใช้จ่ายล่ะก็ แค่เมืองใหญ่เมืองเดียวเราก็ต้องมีคนส่งของตั้งร้อยหรือสองร้อยคนแล้ว ถึงดูเหมือนเยอะแต่ในตลาดเนี่ยมันน้อยมากเลยนะ”

“สำหรับประเด็นที่สองนี้ถ้ามีลูกค้าอยากซื้อของพวกนี้จากสถานที่ห่างไกลหลายพันกิโลละ พวกนายจะไปส่งมันยังไง? ฉันไม่อยากจะให้ระยะทางทำให้ต้องเสียลูกค้าไปหรอกนะ!” และนี่ก็คือการวิเคราะห์แบบคร่าว ๆ

“แล้วทำไมเราส่งของกันเองด้วยล่ะ? เราสามารถติดต่อบริษัทขนส่งได้ พวกเขาจะช่วยเราได้เยอะเลยนะ ค่าใช้จ่ายไม่น่าเยอะอะไร เพราะไม่ต้องจ่ายค่าจ้างพนักงานหลาย ๆ คนในแต่ละปีด้วย?”

“ถ้าพวกเราไปคุยกับบริษัทส่งของล่ะ ถ้าเราส่งเยอะ ๆ ค่าส่งก็จะยิ่งถูกขึ้น ต่อให้รายได้ลดลงเหลือ 1/3 แต่ทั้งบริษัทก็น่าจะยังโอเคอยู่ ฉันอยากทำให้ทุกคนได้กินของดีๆ ของแท้จากพวกเขา” ฉู่เหินยิ้มและสรุปความ

จริง ๆ แล้วทุกคนก็คิดแล้วว่าฉู่เหินจะเลือกทางที่ลดรายได้ตัวเองลง พวกเขาจะติดต่อบริษัทขนส่งต่างๆ เองไม่พึ่งตัวแทน ทำแบบนี้จะช่วยให้พวกเขาลดค่าใช้จ่ายลงได้และถ้าเกิดว่ามีคนทั่วไปอยากจะซื้อก็แค่สั่งซื้อมาก็พอแล้ว สั่งเพียงชิ้นสองชิ้นพวกเขาก็พร้อมส่ง

และพวกเขายังเปิดโกดังหลายแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถจัดส่งในสถานที่ใกล้เคียงได้ด้วยความรวดเร็ว ในยุคนี้เกือบทุกคนซื้อของออนไลน์ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ค่อยได้ซื้อของผ่านทางออนไลน์ พอตกลงกันได้พวกเขาก็สรุปรายละเอียดเพิ่มเติมเล็กน้อย พอสรุปพวกเขาก็คิดว่าแผนนี้น่าจะใช้ได้จริง

หลังจากสรุปรายละเอียดเสร็จสิ้นฉู่เหินก็ปรบมือ ในอนาคตยอดขายอาหารของพวกเขาจะเป็นแบบออนไลน์โดยไม่มีผู้จัดจำหน่าย สิ่งที่พี่รองต้องทำคือการออกประกาศว่าสินค้าที่ซื้อนอกเหนือจากเว็บไซต์ออนไลน์คือของปลอมทั้งสิ้น และอาหารของพวกเขาจะขายบนเว็บเท่านั้น

เมื่อประกาศนี้ออกมาทุกคนก็ต้องตะลึง พวกเขารู้คิดว่าแบบนี้มันหักดิบกันเกิดไป ถึงแม่จะสามารถป้องกันการปลอมแปลงได้ แต่ปริมาณที่จะขายได้นั้นไม่สูงอย่างที่คิด! กระทั้งมีหลายคนที่ชอบเรื่องดราม่าคิดว่าโรงงานอาหารของฉู่เหินนั้นเป็นโรงงานหลอกลวง

แต่พี่รองก็มายืนต่อหน้านักข่าวและตอบคำถามของพวกนักข่าว พร้อมคำตอบที่ตรงไปตรงมา

“เหตุผลที่ผมไม่ทำขายโดยตรงตามร้านค้าต่าง ๆ เป็นเพราะเราต้องการที่จะหยุดสินค้าปลอมและสินค้าคุณภาพต่ำทั้งหมดเมื่อเริ่มวางจำหน่ายในตลาด สินค้าปลอมและไร้คุณภาพจะต้องหายไป ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของพวกเรายังไม่ได้วางขายด้วยซ้ำแต่ว่าที่ตลาดดูเหมือนจะมีของปลอมออยู่แล้ว 3-4 เจ้า”

“ยิ่งไปกว่านั้นวิธีขายแบบนี้จะช่วยให้พวกเราลดต้นทุนสินค้าให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนทั่วไปก็จะสามารถรับประทานอาหารได้อย่างสบายใจและยังได้ซื้อของในราคาถูกลงอีกด้วย!”

ไม่กี่วันต่อมา โทรศัพท์ของโรงงานอาหารทุกเครื่องก็ดังไม่หยุด ออเดอร์สินค้าในเถาเป่า(Taobao) ก็จะถูกสั่งมาเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด โรงงานอาหารทั้งหมดเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ถึง 3 วันยอดขายก็มากถึงหลายร้อยตัน

ในท้ายที่สุดบริษัทขนส่งก็ตกลงเซ็นสัญญากับพี่รอง มันกลายเป็นว่าพวกเขาสั่งรถสองคันที่ถูกสร้างมาให้พร้อมสำหรับการใช้งานพิเศษ แบบนี้ความเร็วในการขนส่งจะเร็วขึ้นมาก

เมื่อเวลาผ่านไปปริมาณการสั่งซื้อก็ยังคงพุ่งสูงขึ้น จนกระทั่ง 5 วันต่อมาบริษัทขนส่งก็ส่งสินค้าไปยังโรงงานอาหารทุก ๆ สามชั่วโมง ทุกคนที่ได้รับอาหารเหล่านี้ต่างก็ชื่นชอบหลังจากได้ลองทานเข้าไป ไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัย

คนใจดีบางคนที่ชอบดราม่าถึงกับนำอาหารเหล่านี้ไปให้สำนักตรวจสอบเพื่อทำการยืนยันคุณภาพ แล้วคนใจดีก็พบว่าอาหารเหล่านี้มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานระดับสูงสุดมีปริมาณสารอาหารก็ค่อนข้างสูงอีกด้วย

นี้เป็นผลทำให้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!