ตอนที่ 188 สามอาชาไนย

ทุกวงการคล้ายกับจะมีผู้ยิ่งใหญ่ประเภทนี้อยู่ และในวงการเรื่องสั้นก็มีนักเขียนระดับสุดยอดเช่นนี้อยู่สามท่าน ได้รับการขนานนามว่าเป็นสามอาชาไนยของวงการเรื่องสั้น หนึ่งในนั้นก็คือเฝิงหวา นักเขียนเรื่องสั้นระดับสุดยอด!

เฝิงหวาซึ่งปีนี้อายุสามสิบห้าปี เป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุดในบรรดานักเขียนทั้งสาม

จึงมีคนบอกว่า เฝิงหวาเป็นคนที่มีฝีมือเป็นรองที่สุดในบรรดายอดนักเขียนเรื่องสั้นทั้งสามของฉินโจว

แต่ว่า…

ต่อให้ฝีมือจะเป็นรองแค่ไหน แต่ก็เป็นถึงหนึ่งในสามสามอาชาไนยของฉินโจวเชียวนะ!

หลังจากผู้คนเงียบงันไปสักพัก หัวหน้าบรรณาธิการก็โพล่งขึ้นมาว่า “เฝิงหวา?”

เว่ยหลงพูดขึ้นอย่างเดือดดาล “ลมปากบัณฑิต ดีแต่หลอกลวง!”

ฮั่นจี้เหม่ยหยัดกายลุกขึ้น กำรายชื่อในมือแรงขึ้นกว่าเดิม “นักเขียนระดับสูงอีกสองท่านได้ติดต่อไปหรือยัง”

ในมณฑลฉินโจว คนที่จะสู้กับเฝิงหวาได้ มีเพียงนักเขียนอีกสองท่านในสามอาชาไนยเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้นประธานกรรมการกลับถอนหายใจ ทุบทำลายความหวังของฮั่นจี้เหม่ย “คนแรกซึ่งเป็นที่ยอมรับในมณฑลฉินก็คืออาจารย์ฉางฉิน เมื่อปีที่แล้วเพิ่งประกาศแขวนปากกาไป พวกเราเชิญมาไม่ได้หรอก ส่วนอาจารย์เฟยหงผมติดต่อไปแล้ว เขาอายุมากแล้ว ร่างกายไม่ค่อยสบาย ไม่มีเวลาสร้างสรรค์ผลงานหรอก”

ฮั่นจี้เหม่ยยังไม่ยอมแพ้ “ทางมณฑลฉีล่ะคะ”

มณฑลฉินมีนักเขียนระดับยอดเยี่ยม มณฑลฉีก็ย่อมมีเหมือนกัน

บรรณาธิการบริหารยิ้มขื่น “ทางมณฑลฉีมีนักเขียนระดับสุดยอดสี่ท่าน แต่ผมเชื่อว่าบล็อกติดต่อไปก่อนหน้าแล้ว ในเมื่อพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมกับบล็อก ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเราเองก็ยากที่จะเชิญพวกเขามา แต่จะลองดูก่อนก็ไม่เสียหาย…”

“ติดต่อไปเดี๋ยวนี้”

ฮั่นจี้เหม่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม

บรรณาธิการบริหารพยักหน้า ทุกคนรีบเร่งกันมือเป็นระวิง เห็นได้ชัดว่ารีบร้อนไปจัดการเรื่องนี้

และเมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงาน

ในที่สุดบรรณาธิการบริหารก็มาหาฮั่นจี้เหม่ยอีกครั้ง “ติดต่อได้แล้วแต่ ทั้งสี่ท่านจากทางมณฑลฉีปฏิเสธเราอย่างที่คิดไว้ บอกว่าช่วงนี้ไม่มีต้นฉบับ”

การสร้างสรรค์ผลงานของนักเขียนจำเป็นต้องมีแรงบันดาลใจ

โดยเฉพาะนิยายสั้น ไม่ใช่อยู่ๆ จะสั่งให้เขียน แล้วคนเขาจะเขียนออกมาได้ และถ้าให้เขียนออกมาแบบถูๆ ไถๆ คุณภาพของต้นฉบับก็จะใช้ไม่ได้ รังแต่จะทำให้ชื่อเสียงของตนเสียเปล่าๆ

นักเขียนยิ่งโด่งดังก็ยิ่งรักและหวงแหนชื่อเสียงของตน ถ้าไม่มั่นใจ ก็จะไม่ลงมือง่ายๆ

ฮั่นจี้เหม่ยส่ายหน้า

อันที่จริงเดาผลสำเร็จของเรื่องนี้ได้แต่แรกแล้ว

นักเขียนเรื่องสั้นระดับสุดยอดเหล่านี้ ไม่มีทางเจาะจงผลิตผลงานเพียงเพื่อกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง นอกเสียจากว่าพวกเขามีต้นฉบับอยู่ในมือพอดี

เฝิงหวายินดีลงสนาม คงจะเป็นเพราะมั่นใจในคุณภาพของเรื่องสั้นที่มีอยู่

ถ้าหากคุณภาพของต้นฉบับไม่ผ่านเกณฑ์ เฝิงหวาจะยินดีนำออกมาง่ายๆ ได้อย่างไรกัน

และด้วยเหตุผลเช่นนี้เอง เมื่อที่ได้ยินว่าบล็อกเชิญเฝิงหวามาร่วมงาน ฮั่นจี้เหม่ยจึงรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา

“แต่ใช่ว่าจะไม่มีข่าวดีเลย…”

บรรณาธิการบริหารยิ้มขื่น “ผมขอต้นฉบับจากนักเขียนระดับสุดยอดท่านหนึ่งของมณฑลฉีไว้ แต่ไม่ทันเดือนมีนาแล้ว เวลาน้อยขนาดนี้ เขาเองก็เขียนงานไม่ทัน แถมราคาที่อีกฝ่ายเสนอมาก็ไม่ใช่ถูกๆ เลย”

“เท่าไหร่คะ”

“ห้าล้าน”

ฮั่นจี้เหม่ยเงียบงันไปชั่วขณะ พยักหน้าพลางเอ่ยว่า “นัดไว้ก่อนแล้วกันค่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจเรื่องเงิน ถ้าผลลัพธ์ออกมาดี ต่อให้ต้องจ่ายเงินมากกว่านี้ก็คุ้ม”

……

กว่าบล็อกจะเชิญให้เฝิงหวาเข้าร่วมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่มีทางพลาดโอกาสทองในการโฆษณาแบบนี้ไปได้หรอก

วันที่ 20 กุมภาพันธ์

บล็อกก็ประกาศเปิดตัวเซกชันวรรณกรรมของพวกเขาอย่างเป็นทางการ ใช้ชื่อว่าบล็อกโนเวล ขณะเดียวกันก็ประกาศข่าวว่าเฝิงหวาจะเผยแพร่ผลงานใหม่ทางบล็อกโนเวลในเดือนมีนาคม!

ถ้าอยู่บนโลก นักเขียนเรื่องสั้นเผยแพร่ผลงานใหม่ ไม่มีทางเป็นข่าวใหญ่โตอะไร

แต่ที่นี่คือบลูสตาร์

บนโลกที่กลิ่นอายของงานศิลปะเฟื่องฟู ผู้ที่ชื่นชอบเรื่องสั้นนั้นมีไม่น้อยเลย

ดังนั้น ทันทีที่ปล่อยข่าวออกไป บรรดานักอ่านก็ตื่นเต้นกันถ้วนหน้า!

‘อาจารย์เฝิงหวาออกโรงแล้ว?’

‘อาจารย์เฝิงหวาไม่ได้ปล่อยผลงานแค่ปีละครั้งหรอกเหรอ แถมเดือนมกราก็ปล่อยไปเรื่องหนึ่งแล้ว’

‘ปีนี้อาจารย์เฝิงหวาอาจมีแรงบันดาลใจใหม่?’

‘ตื่นเต้นรอแล้วเนี่ย เรื่องหน้าผาที่อาจารย์เฝิงหวาตีพิมพ์ไปเมื่อเดือนมกราสนุกมากจริงๆ เมื่อคืนฉันยังอ่านวนไปอีกรอบ เนื้อเรื่องสั้นๆ แค่ห้าพันตัวอักษร แต่อ่านแล้วกลับรู้สึกตราตรึงใจอยู่ตลอดเวลา ทั้งโครงเรื่องหรือภาษาก็เรียงร้อยออกมาได้เป็นเรื่องสั้นระดับสุดยอดจริงๆ’

‘ยังไงก็เป็นหนึ่งในสามอาชาไนยอะนะ’

‘ผมเป็นผู้อ่านจากมณฑลฉี หลังจากควบรวมกันแล้วอาจารย์เฝิงหวาก็ปล่อยผลงานใหม่พอดี โชคดีไปอ่านเจอเข้า เขียนได้ดีจริงๆ ครับ หลังจากนั้นผมก็เลยไปหางานอื่นของอาจารย์เฝิงหวามาอ่านด้วย ตอนนี้กลายเป็นแฟนคลับของอาจารย์เฝิงหวาไปแล้ว’

‘…’

หลังจากฉินและฉีผนวกรวมกัน เฝิงหวาก็เผยแพร่นิยายสั้นไปครั้งหนึ่งแล้ว นิยายสั้นเรื่องนั้นทำให้ผู้อ่านชาวมณฑลฉีได้รู้ถึงความเก่งกาจของเฝิงหวา ดังนั้นทันทีที่บล็อกประกาศออกไป ผู้อ่านจากทั้งฉินและฉีต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอเหมือนกัน!

ในแง่หนึ่ง ชื่อเสียงของเฝิงหวาถึงขั้นมีมากกว่านักเขียนระดับสุดยอดของฉินโจวอีกสองท่านเสียอีก

เป็นเพราะเขาเผยแพร่ผลงานออกไปหลังจากที่ฉินและฉีผนวกรวมกัน อีกทั้งผลงานชิ้นนั้นก็ได้รับความชื่นชอบอย่างท่วมท้นจากนักอ่าน

เมื่อเทียบกันแล้ว นักเขียนระดับสุดยอดท่านอื่นๆ ยังไม่ได้ออกโรงเลย ทำให้เหล่านักอ่านจากทวีปหนึ่งยังไม่ได้รู้จักพวกเขามากพอ

เมื่อมองจากความตื่นเต้นของผู้อ่านต่อเรื่องสั้นในเดือนมีนาคมแล้ว บล็อกโนเวลได้เกทับปู้ลั่ววรรณกรรมไปเรียบร้อยแล้ว

แม้แต่นักเขียนของทางปู้ลั่วเองก็อดรู้สึกเสียดายขึ้นมาไม่ได้

แม้ว่านิยายของเฝิงหวาจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขาสักเท่าไหร่ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้ปล่อยผลงานบนแพล็ตฟอร์มเดียวกัน แต่ก็เผยแพร่ผลงานในช่วงเวลาเดียวกัน ก็มากพอที่จะนำพาความกดดันมาสู่นักเขียนเรื่องสั้นหลายคน

แผนกวรรณกรรมของปู้ลั่วยิ่งสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหวั่นใจประหนึ่งเหยียบย่ำบนแผ่นน้ำแข็งบางเพิ่มเป็นทวีคูณ

ทุกคนล้วนมองออก ว่าบล็อกลงมือในครั้งนี้ ทำให้หัวหน้าอย่างฮั่นจี้เหม่ยกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว ต่อให้อยู่ห่างกันเพราะห้องทำงานกั้น เหล่าบรรณาธิการก็จินตนาการสีหน้าของฮั่นจี้เหม่ยได้ว่าจะเศร้าหมองแค่ไหน

ฉะนั้นแล้ว ช่วงหลายวันมานี้ทุกคนจึงทำงานกันอย่างระมัดระวัง

เว่ยหลงเองก็ย่อมระมัดระวังเช่นกัน ด้วยกลัวว่าจะไปกระตุกหนวดฮั่นจี้เหม่ยเข้า

ในตอนนี้ก็ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการตรวจต้นฉบับแล้ว

นักเขียนหลายคนที่ติดต่อไปก่อนหน้านี้ ต่างก็ทยอยส่งผลงานของแต่ละคนมาเรื่อยๆ

นี่คงจะเป็นความหวังสุดท้ายของปู้ลั่ววรรณกรรมแล้ว

ถ้าเกิดในบรรดาต้นฉบับเหล่านี้ มีผลงานชิ้นไหนที่คุณภาพสูงลิบขึ้นมาล่ะ?

เมื่อโอบกอดความหวังเช่นนี้เอาไว้ บรรณาธิการหลายคนก็ตรวจชิ้นงานกันอย่างขมักเขม้นเป็นพิเศษ

เว่ยหลงก็เช่นกัน

แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากก้มหน้าก้มตาตรวจต้นฉบับติดต่อกันมาหลายชิ้น ความเชื่อมั่นของเว่ยหลงก็ลดลงจนกำลังจะเหือดหายไปแล้ว

ต้นฉบับเหล่านี้ที่จริงแล้วก็ไม่เลวเลย

ถ้าอยู่ในช่วงเวลาปกติ เว่ยหลงอ่านแล้วคงดีใจมากอยู่หรอก

แต่ในตอนนี้ แค่นึกถึงว่ามีขุนเขายักษ์ใหญ่อย่างเฝิงหวาตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เขาก็รู้สึกว่า…

ไม่ไหว!

นักเขียนเหล่านี้ สู้เฝิงหวาไม่ไหวหรอก!

เว่ยหลงยังอุตส่าห์ลอบสังเกตปฏิกิริยาของหัวหน้าบรรณาธิการคนอื่นๆ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าหนักใจ เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขาก็ยังไม่เจอผลงานประเภทที่ชวนตะลึงเช่นเดียวกัน!

ใช่แล้ว

จำเป็นต้องชวนตะลึงมากพอ ถึงจะทำให้ปู้ลั่ววรรณกรรมดึงยอดผู้เข้าชมจากบล็อกที่มีเฝิงหวาได้ แต่ต้นฉบับแบบนี้ จะโผล่มาง่ายๆ ซะที่ไหนล่ะ

เว่ยหลงรู้สึกหนักใจ

ทว่าในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นว่าในอีเมลของตนได้รับต้นฉบับใหม่มาอีกชิ้น เป็นงานของฉู่ขวงที่เขาติดต่อไปก่อนหน้านี้ส่งมา

สร้อยคอ?

……………………………………………………….